วันนี้มาเล่าถึงประสบการณ์ทั้งจากทางเรา Running Profiles และนักวิ่งที่ได้สัมผัสกับรองเท้าวิ่งถนนตัวแข่งคาร์บอนแบรนด์ไทยตัวต้นแบบอย่างแบรนด์ Apexbeat รุ่น SPEED-I ซึ่งจะน่าสนใจแค่ไหน เชิญติดตามได้เลยครับ

มาเริ่มกันจากความคิดเห็นของทางเราและข้อมูลของรองเท้า Apexbeat SPEED-I กันก่อน

ต้องกล่าวกันก่อนว่าปกติแล้ว ทางเราฝึกซ้อมบนทางเทรลและใช้รองเท้าวิ่งเทรลซ้อมเป็นหลัก แต่บางครั้งก็มีสลับมาวิ่งถนน ซึ่งรองเท้าวิ่งถนนที่ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นรองเท้าวิ่งถนนประเภทซ้อมทำความเร็ว (Lightweight Trainers) จำพวก Racing Flat เช่น Adidas Adios 5, Adidas Boston 9 หรือ Reebok Floatride Run Fast 2
ทำให้ไม่ค่อยคุ้นชินกับรองเท้าวิ่งถนนคาร์บอนมากนักในด้านของจังหวะการลงเท้า แต่หลังจากได้รับรองเท้ามาเมื่อวาน ซึ่งเป็น “รุ่นต้นแบบที่ได้รับการปรับปรุงล่าสุด” และได้ลองวิ่งเป็นระยะทางสั้นๆ 5 กม. แบบไม่ได้ทำความรู้จักกับรองเท้ามากนัก

ผลที่ออกมาคือ สถิติ New PB ระยะ 5 กม. ด้วยเวลา 18:33 นาที และในวันนี้ก็ได้ลองวิ่งในเพซซ้อมประจำวัน ซึ่งรองเท้า Apexbeat SPEED-I ได้ให้ความรู้สึกที่นุ่ม แน่น และเด้ง การวิ่งเป็นไปอย่างลื่นไหลและส่งแรงได้ดี ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าสามารถวิ่งไปได้ไกลขึ้นกว่าเดิม และรู้สึกประหยัดแรงอย่างเห็นได้ชัด

ซึ่งทางแบรนด์ Apexbeat ได้อธิบายความหมายของชื่อแบรนด์ว่า “Apex beat” (อ่านว่า เอเพกซ์ – บีท) หรือ point of maximum impulse (PMI) เป็นศัพย์ทางการแพทย์ ที่หมายถึงบริเวณที่เป็นปลายแหลมของหัวใจ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่แพทย์ใช้ในการฟังเสียงการเต้นของหัวใจ
โดยคาดว่าทางแบรนด์ต้องการจะสื่อถึง “การทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเอง”
โดย Apexbeat รุ่น SPEED-I จะมาพร้อมกับพื้นชั้นกลางวัสดุ PEBAX ซึ่งเป็นสิทธิบัตรเฉพาะของบริษัทเคมีภัณฑ์ Arkema ของประเทศฝรั่งเศส และจะมาในรูปแบบของ PEBAX แบบอัดเม็ด ที่มีความทนทานในการใช้งานกว่าพื้นโฟม PEBAX แบบปกติ


หรือก็คือตัวโฟมจะหมดสภาพช้ากว่าหรือสูญเสียอัตราการส่งแรงกลับ (Energy Return) น้อยกว่า เมื่อถูกใช้งานเป็นระยะเวลายาวนาน
และที่สำคัญคือ ทางแบรนด์ Apexbeat ของไทยเรามีการเลือกและปรับแต่งสูตรโฟมขึ้นมาใหม่ ให้มีน้ำหนักที่เบาและนุ่มขึ้น เพื่อให้เหมาะกับการวิ่งในทุกย่านความเร็วมากขึ้น ซึ่งความสูงของพื้นชั้นกลางจะอยู่ที่
- Apexbeat SPEED-I มีปลายเท้าสูง 28 มม. และส้นเท้าสูง 36 มม. (Drop 8 มม.)
- Saucony Endorphin Pro 2 มีปลายเท้าสูง 27.5 มม. และส้นเท้าสูง 35.5 มม. (Drop 8 มม.)
- Nike ZoomX Vaporfly Next% 2 มีปลายเท้าสูง 32 มม. และส้นเท้าสูง 40 มม. (Drop 8 มม.)


นอกจากนี้ ทางแบรนด์ Apexbeat ยังได้มีการทดสอบค่าความนุ่มของพื้นโฟมในห้องปฏิบัติการ โดย
- Apexbeat SPEED-I มีความนุ่มอยู่ที่ 38 – 40 shore c
- Saucony Endorphin Pro มีความนุ่มอยู่ที่ 43 – 45 shore c
- Nike ZoomX Vaporfly Next% มีความนุ่มอยู่ที่ 33 – 35 shore c
ซึ่งการอ่านค่า Shore คือ ยิ่งตัวเลขน้อย พื้นโฟมจะยิ่งนุ่ม และค่า Shore มากเท่าไหร่ก็ยิ่งเฟิร์ม โดยจะสังเกตว่า Apexbeat SPEED-I มีความนุ่มของพื้นชั้นกลางอยู่ระหว่าง Nike ZoomX Vaporfly Next% (นุ่มมาก) และ Saucony Endorphin Pro (นุ่มน้อย)

ในส่วนของแผ่นคาร์บอนจะใช้แผ่นคาร์บอนรูปทรงตัว S ที่ช่วงบริเวณกลางของแผ่นจะมีการขึ้นรูปเสริมความแข็งแรง ทำให้รองเท้ามีความเสถียรและมั่นคงมากขึ้น
และในส่วนของหน้าผ้าจะใช้หน้าผ้าที่ทางแบรนด์ใช้ชื่อว่า Aura Mesh ซึ่งเป็นผ้าไนลอนชั้นเดียว น้ำหนักเบา ที่โปร่งแสงและระบายอากาศได้ดี


โดยจุดเด่นหลักในส่วนของหน้าผ้าและเป็นสิ่งหนึ่งที่ทางแบรนด์มองว่าเป็นการออกแบบเพื่อให้เหมาะกับเท้าของนักวิ่งชาวไทยมากขึ้นคือ การขึ้นรูปทรงหลังเท้าให้สูงเป็นพิเศษ ทำให้นักวิ่งที่มีหลังเท้าสูงสามารถสวมใส่รองเท้าวิ่งคู่นี้ได้อย่างสบายๆ



แต่ในส่วนนักวิ่งหลังเท้าปกติจะส่งผลให้พื้นที่ภายในรองเท้าเหลือค่อนข้างมาก ทำให้ต้องมีการเสริมแผ่นรองเพิ่มเติม เพื่อให้พื้นที่ในรองเท้าเต็มมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้ทางทีมงานจะมีการนำไปปรับปรุงเพิ่มเติมอีกครั้งก่อนที่วางจำหน่ายจริง

ในส่วนของดอกยางมีความทนทานเป็นอย่างมากและจะมีการติดตั้งมาในจุดสำคัญทั้งบริเวณปลายเท้าและส้นเท้า ซึ่งบริเวณปลายเท้าจะมีการฉลุเนื้อยางออกไป เพื่อช่วยลดน้ำหนักของรองเท้า

โดยรวมรองเท้าจะมีน้ำหนักอยู่ที่
- Apexbeat SPEED-I มีน้ำหนักอยู่ที่ 186 กรัม ในไซส์ 9US ชาย และ 218 กรัม ในไซส์ 11US ชาย (ชั่งจริง)
- Saucony Endorphin Pro 2 มีน้ำหนักอยู่ที่ 213 กรัม ในไซส์ 9US ชาย
- Nike ZoomX Vaporfly Next% 2 มีน้ำหนักอยู่ที่ 195.6 กรัม ในไซส์ 9US ชาย
มาในส่วนของความคิดเห็นของนักวิ่งท่านอื่นกันบ้างนะครับ

โดยท่านแรกคือ คุณพิทักษ์ “Pitak Wanchai” อีกหนึ่ง Running Shoe Geeks ของไทย ผู้ที่รองเท้าวิ่งคาร์บอนได้ผ่านเท้าของเขามาแทบทุกรุ่น ซึ่งได้ให้ความเห็นว่า
“โฟมมีความนุ่มเด้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง Nike Next% (นุ่มมาก) กับ Saucony Endorphin Pro (นุ่มน้อย) ซึ่งแรงดีดแผ่นไม่เท่า Next แต่แรงอยู่ รู้สึกได้แบบไม่ต้องวิ่งเร็วมาก โดยข้อดีคือ ลงเท้าได้ทุกแบบ โดยที่ยังมีแรงดีดพอสมควร อยู่ในเกณฑ์ดี วิ่งง่ายด้วย ขาไม่แรงก็ใช้ได้ แต่ดีไซน์อาจจะติดบ้านๆ ไปหน่อย”

และท่านที่สองคือ นักวิ่งขาแรงสายซิ่ง_วิ่งลพบุรี นักวิ่งผู้ทำสถิติ 5 กม. 16:03 นาที, ฮาล์ฟมาราธอน 1:13 ชั่วโมง, และมาราธอน 2:42:18 ชั่วโมง ซึ่งได้ให้ความเห็นว่า
“วิ่งถนนเพซพอดีๆ สามารถทำความเร็วได้ลื่นไหล ให้อารมณ์เหมือนกับ Saucony Endorphin Pro แต่เด้งกว่า และเวลาทำความเร็วสูงๆ เพซ 3:00 รองเท้าไม่ส่ายหรือดิ้นเหมือนกับ Endorphin Pro ซึ่งหน้าผ้ากว้างสบาย”
“แต่แผ่นรองมีอาการเท้าลื่น และดอกยางจะลื่นบริเวณพื้นเปียกน้ำ คล้ายกับ Endorphin Pro ทำให้เวลาฝนตกหรือเข้าจุดรับน้ำ ต้องเพิ่มความระวังเล็กน้อย และสุดท้ายคือ ดีไซน์ ที่เชยๆ ไปหน่อย”

โดยความคิดเห็นจากทั้งสองท่านจะเป็นความคิดเห็นที่ได้จากการทดสอบรองเท้าต้นแบบรุ่นแรกๆ ซึ่งรุ่นล่าสุดในรูปจะเป็นรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงมาแล้วนะครับ
สรุปความคิดเห็นของทางเรา Running Profiles

ต้องบอกว่าหลังจากได้ลองวิ่งใน Apexbeat SPEED-I ทางเราถือว่าประทับใจมากในประสิทธิภาพของรองเท้า และเมื่อมองย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Apexbeat ที่มีแนวคิดว่า
“ตั้งใจจะทำขึ้นมาเพื่อให้นักวิ่งชาวไทยได้ใส่รองเท้าวิ่ง Super Shoe ครับ เนื่องจากแบรนด์นอกทำมาขายแล้วเพื่อนนักวิ่งส่วนมากได้ใช้กันน้อย แพงบ้าง ของหมดบ้าง เหมือนมาโปรโมทให้อยากใช้แล้วไม่ค่อยสนใจคนไทย ซึ่งทางเราตั้งใจเป็นอย่างมากว่าจะหาเทคโนโลยีในระดับที่ดีที่สุดมาให้นักวิ่งชาวไทยได้ทดลองใช้กันในราคาไทยๆ ครับ”
ทำให้คุณค่าที่ส่งมอบออกมา ณ เวลานี้ ถือได้ว่ามีความสำเร็จอยู่ไม่น้อย ซึ่งทางเรามองว่าหากรองเท้าวิ่งคู่นี้วางจำหน่ายในราคาไม่แพงมาก 3,000 – 4,000 บาท จะเป็นการดีที่สามารถเปิดโอกาสให้นักวิ่งเยาวชนฝีเท้าดีตามหัวเมืองรอง สามารถมีอุปกรณ์ที่ทัดเทียมกับนักวิ่งระดับอาชีพมากขึ้น

หรือแม้แต่นักวิ่งที่ชื่นชอบในการออกวิ่งในทุกๆ วัน รองเท้าวิ่ง Apexbeat SPEED-I ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการนำไปซ้อมหรือนำไปลงแข่งขันในทุกระยะตั้งแต่ 5 กม. จนถึงมาราธอน
ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไปสำหรับกำหนดการเปิดตัวและวันวางจำหน่าย รวมไปถึงราคา โดยทางทีมงานของ Apexbeat กล่าวว่า น่าจะเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ซึ่ง ณ เวลานี้ จะมีการปรับแก้รองเท้าต้นแบบกันอีกเล็กน้อย เพื่อให้ได้รองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด สำหรับนักวิ่งชาวไทย

และต้องขอขอบคุณมากทีมงาน Apexbeat ที่ส่งรองเท้าวิ่ง SPEED-I ตัวต้นแบบมาให้ทางเราได้ทดลองกันนะครับ ซึ่งหากมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมออกมา รวมไปถึงรีวิว ทางเราจะมาแจ้งกันให้ทราบอีกทีนะครับ
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน
- FB: Running Profiles
- Website: https://runningprofiles.com/
- Youtube: Running Profiles