วันนี้เรามารีวิวนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ที่ ณ เวลานี้ ถือเป็นหนึ่งในนาฬิกา GPS Running Watch ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาดเลยก็ว่าได้ ซึ่งจะคุ้มค่าและน่าสนใจเพียงใดเชิญติดตามได้เลยครับ

ความรู้เพิ่มเติม
- ภายในปี 2022 นี้ เราจะได้เห็นทางแบรนด์ Decathlon ได้มีการเริ่มปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยเป็นการเข้าสู่อุปกรณ์กีฬาประสิทธิภาพสูงที่มีการวิจัยและทดสอบจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ โดยยังคงไม่ละทิ้งภาพลักษณ์ของอุปกรณ์กีฬาที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย
- เพื่อเป็นการสอดคล้องกับการประกาศร่วมมือกันอย่างเป็นทางการกับรายการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก Paris 2024 Olympic และ Paralympic ที่จะถูกจัดขึ้นในปี 2024 ในการส่งเสริมและยกระดับคุณภาพการกีฬาให้กับทุกคน ภายใต้แนวคิด “การออกกำลังกายในทุกวัน คือ หัวใจของฝรั่งเศส”
- ทำให้โลโก้แบรนด์ Decathlon มีการถูกปรับเปลี่ยนใหม่ในรอบ 31 ปี ให้มีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยจะมีการออกแบบเป็นตัวอักษร D ที่มีขีด — อยู่ด้านล่าง ซึ่งหากอิงอ้างความหมายตามที่ Decathlon สาขาประเทศจีนให้ไว้จะสามารถอธิบายได้ดังรูปต่อไปนี้

ปล. ท่านใดที่ชื่นชอบรีวิวแบบวิดีโอ สามารถรับชม รีวิวเจาะลึกนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ได้ที่นี่เลยครับ
- ประวัติและที่มาของนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
- ข้อมูลจำเพาะของนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
- อุปกรณ์ภายในกล่องของนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
- การใช้งานเบื้องต้นและการตั้งค่าโปรไฟล์ของนักวิ่งบนแอปพลิเคชัน Coros
- โหมดออกกำลังกายต่างๆ ภายในนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
- เจาะลึกโหมดการวิ่งภายในนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
- วิธีการใช้งานและการลงแผนการฝึกซ้อมแบบ Workouts และ Training Plan
- อธิบายค่า Training Effect และ Training Focus
- อธิบาย Coros EvoLab ผู้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกซ้อม
- การตั้งค่าที่สำคัญต่างๆ ภายในนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
- ทดสอบวัดค่าต่างๆ เทียบกับ Garmin Fenix 6
- สรุปความคิดเห็น ข้อดีและข้อเสียของนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
ประวัติและที่มาของนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros เป็นการจับมือร่วมกันระหว่างแบรนด์ในเครือของ Decathlon อย่างแบรนด์ Kiprun กับแบรนด์นาฬิกา Coros ในช่วงปลายปี 2021 โดยมีเป้าหมายในการออกแบบนาฬิกา GPS Sport Watch ที่นักกีฬาสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่าย รวมทั้งสามารถนำไปวางแผนฝึกซ้อมด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งประธานบริษัท Coros อย่างคุณ Lewis Wu ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการร่วมมือกันในครั้งนี้ว่า “เป้าหมายหลักของแบรนด์ Coros คือ การสร้างอุปกรณ์ที่ดีที่สุดสำหรับใช้ในการฝึกซ้อมในการแข่งขันกีฬา และบันทึกข้อมูลการออกกำลังกายกลางแจ้ง ในขณะเดียวกัน แบรนด์ Kiprun ก็มีจุดมุ่งหมายที่จะส่งมอบอุปกรณ์การวิ่งที่ดีที่สุดในแก่เหล่านักวิ่ง เพื่อเป็นการยกระดับประสบการณ์การวิ่งของเหล่านักวิ่งขึ้นไปอีกขึ้น”

“ซึ่งทั้งทางแบรนด์ Coros และแบรนด์ Kiprun เอง ต่างก็มีวัตถุประสงค์เดียวกัน และเป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบในการออกกำลังกายเหมือนกัน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงร่วมมือกันออกแบบนาฬิกาเรือนนี้”
“และด้วยเครือข่ายของแบรนด์ Decathlon จากทั้งทั่วโลก ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะนำเอาเทคโนโลยีและระบบการฝึกซ้อมต่างๆ ของแบรนด์ Coros ให้สามารถเข้าถึงเหล่านักวิ่งได้มากยิ่งขึ้น” – Lewis Wu กล่าว
ฉะนั้น นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros จึงเป็นการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของนาฬิกา Coros Pace รุ่นแรก หรือเป็นนาฬิการุ่นแจ้งเกิดรุ่นแรกของแบรนด์ Coros ที่วางจำหน่ายในปี 2019

ทำให้ลักษณะของตัวเรือนจะคล้ายกับ Coros Pace รุ่นแรก แต่ฟังก์ชั่นการใช้งานและชิปเซ็ตภายในจะมีการออกแบบและปรับปรุงขึ้นมาใหม่ ทำให้นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros มีฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ Coros Pace รุ่นแรกไม่มีหรือไม่สามารถใช้งานได้ โดยจะมีฟังก์ชั่นต่างๆ ใกล้เคียงกับ Coros Pace 2

ข้อมูลจำเพาะของนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 1.2 นิ้ว หรือประมาณ 3 เซนติเมตร ซึ่งเป็นหน้าจอสี ที่มีความละเอียดหน้าจออยู่ที่ 240 x 240 และสามารถแสดงผลสี ได้ 64 สี ตามมาตรฐาน

และเป็นหน้าจอประเภท Always-On Memory LCD แบบไม่มี Touch Screen ซึ่งจะเป็นหน้าจอที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการประหยัดแบตเตอรี่และเมื่อถูกใช้งานกลางแจ้ง หน้าจอจะให้ความคมชัดที่สูงขึ้น
ในส่วนของขนาดตัวเรือนของ Decathlon Kiprun GPS500 by Coros จะกว้างและยาว อยู่ที่ 47.2 มม. และมีความหนาอยู่ 11.8 มม. และตัวนาฬิกาจะมาพร้อมกับสายซิลิโคน

โดยรวม นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros มีน้ำหนักอยู่ที่ 45 กรัม (ชั่งจริง) ซึ่งถือว่ามีน้ำหนักที่เบาตามมาตรฐาน เมื่อเทียบกับขนาดตัวเรือน 47.2 มม.
และตัวเรือนจะมาพร้อมกับมาตรฐานกันน้ำระดับ 5 ATM หรือสามารถกันน้ำลึกได้อยู่ที่ 50 เมตร

ในส่วนของระบบนำทางจะให้มาอย่างครบครัน และสามารถใช้งานระบบดาวเทียมได้ถึง 4 ระบบพร้อมกัน โดยสามารถตั้งค่าได้ดังนี้
- GPS Only
- GPS, GLONASS, Galileo, QZSS
- GPS, Beidou, Galileo, QZSS

และในส่วนของเซนเซอร์ที่ติดตั้งมาภายในตัวเรือนนาฬิกา มีดังนี้
- Optical Heart Rate Monitor หรือเซนเซอร์สำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- Accelerometer สำหรับวัดความเร็ว
- Compass หรือเข็มทิศ
- Gyroscope เพื่อเพิ่มความแม่นยำของเข็มทิศและเก็บจำนวนก้าวเดิน
ซึ่งนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros จะไม่มี Barometric Altimeter ไว้สำหรับวัดความชันหรือความสูงจากระดับน้ำทะเล แต่สามารถใช้ค่าความสูงจากระดับน้ำทะเลจากตำแหน่ง GPS ทดแทนได้

ในส่วนของการเชื่อมอุปกรณ์เสริม ตัวนาฬิกาสามารถเชื่อมต่อได้เฉพาะกับอุปกรณ์ Bluetooth เท่านั้น เช่น สายคาดอกสำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ แต่อุปกรณ์ที่เป็นการเชื่อมต่อแบบ ANT+ จะไม่สามารถเชื่อมต่อได้
และในด้านความทนทานของแบตเตอรี่ ตัวนาฬิกาสามารถใช้งานได้ 30 วัน สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน และ 25 ชั่วโมง สำหรับ GPS mode
และสุดท้าย ทางแบรนด์ Decathlon จะมีรับประกันสินค้าอยู่ที่ 2 ปีเต็ม

ข้อมูลจำเพาะของตัวเรือน Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
- ขนาดหน้าจอ: 1.2 นิ้ว (จอสี 64 สี)
- ความละเอียดหน้าจอ: 240 x 240
- ประเภทหน้าจอ: Always-On Memory LCD
- ไม่มีระบบสัมผัส
- ขนาดของตัวเรือน: 47.20 x 47.20 x 11.8 มม.
- มาพร้อมกับสายซิลิโคน
- น้ำหนัก: 45 กรัม (ชั่งจริง)
- มาตรฐานกันน้ำลึก 5 ATM (กันน้ำลึก 50 เมตร)
- ระบบนำทาง: GPS, GLONASS, Galileo, Beidou และ QZSS
- การเชื่อมอุปกรณ์เสริม: Bluetooth เท่านั้น
- เซนเซอร์:
- Optical Heart Rate Monitor
- Accelerometer
- Compass
- Gyroscope
- แบตเตอรี่:
- 30 วัน สำหรับใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน
- 25 ชั่วโมง สำหรับ GPS mode
- ราคา 4,900 บาท
- รับประกัน 2 ปีเต็มจากแบรนด์ Decathlon

อุปกรณ์ภายในกล่องของนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
เมื่อเปิดกล่องออกมาจะพบกับตัวเรือนนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros และบริเวณด้านหลังกล่องจะมีคู่มือการใช้งานเบื้องต้น ที่จะอธิบายถึงวิธีการเปิดเครื่องและหน้าที่ของปุ่มต่างๆ รวมไปถึง QR Code สำหรับดาวโหลดแอปพลิเคชันของทาง COROS ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ

และบริเวณข้างใต้กล่องจะมีการแถมสายชาร์จมาให้ แต่ไม่ได้มีการแถมหัวชาร์จ ซึ่งนักวิ่งสามารถใช้หัวชาร์จของโทรมือถือหรือ Power Bank ต่อเข้ากับสายชาร์ตที่แถมมาให้ เพื่อชาร์ตตัวนาฬิกาได้เลย
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเรือนนาฬิกา
- คู่มือการใช้งาน
- สายชาร์จ

การใช้งานเบื้องต้นและการตั้งค่าโปรไฟล์ของนักวิ่งบนแอปพลิเคชัน Coros
นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros จะมาพร้อมกับ 4 ปุ่มหลัก ดังนี้

โดยปุ่มแรก ที่อยู่บริเวณด้านล่างซ้าย (1) ที่มีโลโก้แบรนด์ Decathlon จะทำหน้าเป็นปุ่มเปิดเครื่องและปุ่มเข้าสู่เมนูต่างๆ ซึ่งเมื่อกดค้างไว้จะเป็นการเปิดเครื่อง และเมื่อเปิดเครื่องทิ้งไว้แล้วจะเป็นปุ่มสำหรับเข้าสู่เมนูต่างๆ นอกจากนี้ เมื่อกดค้างไว้ขณะเปิดเครื่องทิ้งไว้แล้วจะเป็นการ Restart ตัวเครื่อง
และปุ่มบริเวณซ้ายบน (2) จะทำหน้าที่เป็นปุ่มกดกลับ โดยการกดปุ่มกลับค้างไว้ขณะเปิดเครื่องทิ้งไว้แล้วจะเป็นการเข้าสู่เมนูลัด ซึ่งเมนูลัดตัวนี้สามารถเข้าไปตั้งค่าและจัดลำดับได้อย่างอิสระผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือ


และสุดท้ายกับปุ่มบริเวณด้านขวาบน (3) และปุ่มขวาล่าง (4) จะทำหน้าที่เป็นปุ่มเลื่อนขึ้นลง เพื่อดูเมนูต่างๆ

ในส่วนของแอปพลิเคชัน Coros บนมือถือ มีส่วนสำคัญภายในแอปที่นักวิ่งควรเข้าไปตั้งค่าเป็นอันดับแรก นั่นก็คือ การตั้งค่าโปรไฟล์ของนักวิ่ง
โดยทางแบรนด์ Coros จะมุ่งเน้นให้นักวิ่งเข้าไปตั้งค่าในส่วนของอัตราการเต้นของหัวใจเป็นหลัก ซึ่งแบรนด์ Coros จะมีการแนะนำให้ตั้งค่า Heart Rate Zone เป็น Heart Rate Reserve Zone
โดย Resting HR หรืออัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก สามารถหาได้จากการสวมใส่นาฬิกานอน แล้วตื่นเช้าขึ้นดูอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งตัวเลขอัตราการเต้นของหัวใจที่ต่ำที่สุดจะเป็นตัวเลขของ Resting HR
และในส่วนของ Max Heart Rate ตัวแอปพลิเคชันของ Coros จะประมาณค่าให้จากอายุของนักวิ่งที่ลงไว้ ซึ่งในส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแก้ไขก็ได้ หรือหากใช้สูตรคำนวณทั่วไปโดยประมาณ Max Heart Rate จะเท่ากับ 225 – อายุของนักวิ่ง

แต่หากใช้งานแล้วรู้สึกว่า โซนวิ่งไม่ตรง เช่น วิ่งแล้วรู้สึกไม่เหนื่อย แต่หัวใจขึ้นไปอยู่โซนแดงตลอด นักวิ่งจำเป็นต้องเข้าไปตั้งค่าและปรับให้ Max Heart Rate ให้สูงขึ้น
และในส่วนของ Pace Zone ที่เป็นการตั้งค่า Threshold Pace นักวิ่งไม่จำเป็นต้องเข้าไปตั้งค่า ซึ่งตัวนาฬิกาจะมีโปรแกรมเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลในส่วนนี้ แล้วตั้งค่าให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะถูกเรียกว่า Coros EvoLab

และหลังจากนักวิ่งตั้งค่า Heart Rate Zone เรียบร้อยแล้ว ตัวนาฬิกาก็จะรับรู้ถึงสภาพความฟิตของร่างกายของนักวิ่งได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลในฝึกซ้อมต่างๆ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โหมดออกกำลังกายต่างๆ ภายในนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros มีโหมดออกกำลังกายทั้งหมด 10 โหมด โดยทั้ง 10 โหมดนี้ นักวิ่งสามารถเข้าไปตั้งค่าหรือจัดลำดับได้อย่างอิสระผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือเช่นเดียวกับเมนูลัด โดยโหมดต่างๆ มีดังนี้
- วิ่ง (Run)
- วิ่งในลู่ไฟฟ้า (Indoor Run)
- วิ่งในสนามยาง (Track Run)
- ปั่นจักรยาน (Bike)
- ว่ายน้ำในสระ (Pool Swim)
- ว่ายน้ำในสระเปิด (Open Water)
- ไตรกีฬา (Triathlon)
- เดิน (Walk)
- ยิมคาดิโอ (Gym Cardio)
- GPS คาดิโอ (GPS Cardio)




ปล.
- โหมดยิมคาดิโอ (Gym Cardio) เป็นการเน้นไปที่การแสดงผลอัตราการเต้นของหัวใจและปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ในการออกกำลังในยิมเป็นหลัก
- โหมด GPS คาดิโอ (GPS Cardio) จะคล้ายกับโหมดยิมคาดิโอ ที่มีการแสดงผลอัตราการเต้นของหัวใจและปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ แต่จะมีการเพิ่มการจับระยะทางและความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มเข้ามา ทำให้สามารถใช้ในการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนที่ เช่น การพายเรือ และเล่นสกี

นอกจากนี้ แต่ละโหมดการออกกำลังกาย นักวิ่งจะสามารถเข้าไปปรับแต่งหน้าจอแสดงผลขณะออกกำลังกายได้อย่างอิสระตามที่ต้องการผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือได้เลย

เจาะลึกโหมดการวิ่งภายในนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
ในโหมดการวิ่ง (Run) นักวิ่งสามารถเข้าไปตั้งค่าการฝึกซ้อมแบบ Basic Interval ได้จากตัวนาฬิกาโดยตรง

ซึ่งสามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ดังนี้
- จำนวนรอบในการวิ่ง (Repeat): สามารถตั้งค่าจำนวนรอบสูงสุด 64 รอบ หรือ ตั้งเป็นแบบไม่จำกัดจำนวน (Unlimited)
- การวิ่ง (Run): สามารถตั้งค่าโดยใช้เป็น ระยะเวลา (Time)/ ระยะทาง (Distance)/ หรือตั้งค่าเป็นแบบเปิด (Open) ที่ไม่กำหนดระยะเวลาและระยะทาง จนกว่าจะกดปุ่มกลับ เพื่อจบเซสชั่น
- การพัก (Rest): สามารถตั้งค่าโดยใช้เป็น ระยะเวลา (Time)/ ระยะทาง (Distance)/ หรือตั้งค่าเป็นแบบเปิด (Open) ที่ไม่กำหนดระยะเวลาและระยะทาง จนกว่าจะกดปุ่มกลับ เพื่อจบเซสชั่น
- การวอร์มอัพ (Warm Up): เป็นการตั้งค่าเปิดปิดการวอร์มอัพก่อนการวิ่ง ซึ่งจะไม่มีการกำหนดระยะเวลาและระยะทาง จนกว่าจะกดปุ่มกลับ เพื่อจบการวอร์มอัพ
- การคลูดาวน์ (Cool Down): เป็นการตั้งค่าเปิดปิดการคลูดาวน์หลังการวิ่ง ซึ่งจะไม่มีการกำหนดระยะเวลาและระยะทาง จนกว่าจะกดปุ่มกลับ เพื่อจบการคลูดาวน์



และในส่วนของการแจ้งเตือนจากตัวนาฬิกาขณะวิ่ง (Activity Alert) สามารถตั้งค่าต่างๆ ได้ดังนี้
- แจ้งเตือนระยะทาง (Distance Alert)
- แจ้งเตือนความเร็วเพซ (Pace Alert) สามารถตั้งค่าเป็นแบบ Pace Zone/ หรือเลือกเป็นแบบกำหนดช่วงเพซด้วยตนเอง
- แจ้งเตือนรอบขา (Cadence Alert) สามารถตั้งค่าสูงสุด 240 spm
- แจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจ (HR Alert) สามารถตั้งค่าเป็นแบบ HR Zone/ หรือเลือกเป็นแบบกำหนดช่วงอัตราการเต้นของหัวใจด้วยตนเอง
- แจ้งเตือนระยะเวลาโภชนาการ (Nutrition Alert) ตั้งค่าเริ่มต้นตั้งแต่ 15, 20, …, 55, 60 นาที




นอกจากนี้ ตัวนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ยังสามารถตั้งค่าหยุดอัตโนมัติหรือ Auto Pause ได้ หากนักวิ่งมีการหยุดวิ่ง แต่ตัวเรือนจะไม่มีฟังก์ชัน Metronome หรือเสียงติกๆ ที่เอาไว้สำหรับการกำหนดรอบขาอีกต่อไป

และเมื่อนักวิ่งกดจับเวลา ค่าต่างๆ ที่แสดงในนาฬิกา เช่น เวลา ความเร็ว หรือ อัตราการเต้นของหัวใจ สามารถเข้าไปตั้งค่าการแสดงผลได้อย่างอิสระตามที่ต้องการผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือได้เลย


และเมื่อกดบันทึกข้อมูลผ่านตัวนาฬิกา นักวิ่งสามารถเข้าดูประวัติการฝึกซ้อมในนาฬิกาได้โดยตรง และเมื่อ Sync ข้อมูลเข้ากับโทรศัพท์มือถือก็จะแสดงค่าต่างๆ บนแอปพลิเคชันได้ดังนี้


นอกจากนี้ เมื่อมีการผูกบัญชีเข้ากับแอป Strava ตัวของแอป Strava จะมีการแสดงค่าความชันสะสมและค่าความสูงจากระดับน้ำทะเลของการฝึกซ้อมครั้งนั้นเพิ่มมาให้อีกด้วย ซึ่งจะเป็นการดึงค่าความสูงจากระดับน้ำทะเลจากตำแหน่งของ GPS มาแสดงผล

และในส่วนของโหมดการวิ่งบนลู่ไฟฟ้า (Indoor Run) ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าความเร็วของลู่ไฟฟ้าขณะวิ่งได้ ซึ่งการกำหนดความเร็วของลู่ไฟฟ้าขณะวิ่งแบบนี้จะทำให้นาฬิกาสามารถบันทึกค่าได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น



และอีกหนึ่งโหมดที่น่าสนใจ นั้นก็คือ โหมดวิ่งในสนามลู่ยาง (Track Run) โดยในโหมดนี้นักวิ่งจะสามารถเลือกเลนในการวิ่งได้ โดยแต่ละเลนจะมีระยะทางที่แตกต่างกัน ซึ่งโหมดนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการจับระยะทาง หากกำลังวิ่งอยู่ในเลนใดเลนหนึ่งในสนามลู่ยาง



วิธีการใช้งานและการลงแผนการฝึกซ้อมแบบ Workouts และ Training Plan
Workouts มีความหมายว่า การฝึกซ้อมแบบพิเศษ เช่น การฝึกซ้อมแบบ Interval, Tempo, และ Long Run รวมไปถึงการฝึกซ้อมที่เป็นการเล่นกล้ามและยกน้ำหนัก

ซึ่งแผนการฝึกซ้อมแบบ Workouts สามารถเข้าไปตั้งค่าต่างๆ ตามที่นักวิ่งต้องการได้ผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือ หรือสามารถดาวโหลดแผนการ Workouts ของนักวิ่งระดับโลกผ่านทางเว็บไซต์ของ Coros ได้เลย


แต่ตัวนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros จะรองรับเฉพาะแผนการฝึกซ้อมที่เป็นการวิ่งเท่านั้น ซึ่งส่วนแผนการฝึกซ้อมที่เป็นการเล่นกล้ามและยกน้ำหนักจะไม่สามารถซิงค์ลงตัวนาฬิกาได้ แต่นักวิ่งยังคงสามารถเข้าไปดูภาพเคลื่อนไหวในการออกกำลังกาย เพื่อเป็นแนวทางได้

และเมื่อซิงค์ข้อมูลกับตัวนาฬิกาแล้ว นักวิ่งจะสามารถเข้าไปเลือกการฝึกซ้อมที่ลงไว้ ผ่านเมนูที่เรียกว่า Workouts ในตัวนาฬิกา เพื่อเริ่มการฝึกซ้อมได้เลย

Training Plan คือ แผนการฝึกซ้อมรายเดือน ซึ่งหากนักวิ่งมีแผนการฝึกซ้อมจากโค้ชเป็นของตัวเองแล้ว ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าการฝึกซ้อมรายวันและรายเดือน ตามที่ต้องการได้ผ่านทางแอปพลิเคชันบนมือถือได้เลย


แต่สำหรับนักวิ่งที่ไม่มีแผนการฝึกซ้อมจากโค้ช ก็สามารถดาวโหลดแผนการฝึกซ้อมรายเดือนของนักวิ่งระดับโลกผ่านทางเว็บไซต์ของ Coros ได้เช่นกัน

และเมื่อซิงค์ข้อมูลกับตัวนาฬิกาแล้ว นักวิ่งจะสามารถเข้าไปดูตารางปฏิทินแผนการฝึกซ้อม ผ่านเมนูที่เรียกว่า Training Plan ในตัวนาฬิกา และในแต่วัน ตัวนาฬิกาจะมีการแจ้งเตือนให้นักวิ่งทราบถึงการฝึกซ้อมของวันนั้นๆ ตามที่ได้ลงแผนการฝึกซ้อมไว้

อธิบายค่า Training Effect และ Training Focus
การอ่านค่า Training Effect และ Training Focus ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นักวิ่งควรรู้และความเข้าใจความหมาย เพื่อที่จะสามารถนำไปใช้ประเมินและพัฒนาประสิทธิภาพในการฝึกซ้อม


โดย Training Effect จะเป็นตัวที่บ่งบอกและชี้วัดว่า การฝึกซ้อมในครั้งนั้น มีความเหมาะสมและช่วยให้ร่างกายพัฒนาระดับความฟิตมากแค่ไหน
ซึ่ง Training Effect จะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
- Aerobic Training Effect คือ ระบบที่เกี่ยวข้องกับความทนทานของกล้ามเนื้อ หรือ Endurance ซึ่งนักวิ่งสามารถพัฒนาส่วนนี้ได้จากการวิ่งที่ไม่ใช้ความเร็วสูงและไม่รุนแรง แต่มีระยะเวลาในการฝึกซ้อมที่ค่อนข้างยาวนานกว่าปกติ ซึ่งตัวอย่างการฝึกซ้อมลักษณะนี้ เช่น การฝึกซ้อมวิ่งระยะไกล (หรือ Long Run)
- Anaerobic Training Effect คือ ระบบที่เกี่ยวข้องกับการทำความเร็วและมีความหนักหน่วงรุนแรง ซึ่งตัวอย่างการฝึกซ้อมลักษณะนี้ เช่น การฝึกซ้อมวิ่งแบบ Interval และแบบ Tempo
ซึ่งค่า Training Effect ในปัจจุบันจะถูกแบ่งกว้าง ๆ เป็น 6 ระดับ ดังตารางต่อไปนี้
ค่า (Level) | ระดับ Training Effect | ความหมายและผลลัพธ์การฝึกซ้อม |
0 – 0.9 | Inefficient | การฝึกซ้อมครั้งนั้น น้อยเกินไปและไม่กระทบต่อการพัฒนาระดับความฟิตของร่างกาย |
1.0 – 1.9 | Recovering | การฝึกซ้อมครั้งนั้น ดีต่อการวิ่งในวันพัก (Recovery) ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาระดับความฟิตของร่างกายเพียงเล็กน้อย |
2.0 – 2.9 | Maintaining | การฝึกซ้อมครั้งนั้น ช่วยคงระดับความฟิตของร่างกาย |
3.0 – 3.9 | Improving | การฝึกซ้อมครั้งนั้น ช่วยพัฒนาระดับความฟิตของร่างกาย หากฝึกซ้อม 2 ถึง 4 ครั้งต่อสัปดาห์ |
4.0 – 4.9 | Optimized | การฝึกซ้อมครั้งนั้น ช่วยพัฒนาระดับความฟิตของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากฝึกซ้อม 1 ถึง 2 ครั้งต่อสัปดาห์ |
5.0 – 5.9 | Overreaching | การฝึกซ้อมครั้งนั้น เป็นการฝึกซ้อมที่หนัก ซึ่งอาจจะหนักเกินความจำเป็น แต่ในบางครั้งก็ช่วยพัฒนาระดับความฟิตของร่างกายได้อย่างเห็นผล หากมีการพักผ่อนที่เพียงพอ |
และด้วยความที่ Training Effect มีทั้ง Aerobic Training Effect และ Anaerobic Training Effect ทำให้มีความซับซ้อนในการอ่านค่า รวมทั้งในการฝึกซ้อมหนึ่งครั้งอาจจะมีการวิ่งแบบ Endurance และ Interval ผสมรวมกัน ทำให้แอปพลิเคชัน Coros ได้มีการเพิ่มฟังก์ชัน Training Focus เข้ามาช่วยนักวิ่ง เพื่อให้ง่ายแก่การอ่านค่า

โดย Training Focus จะเป็นการสรุปภาพรวมว่า ในการฝึกซ้อมครั้งนั้น โดยรวมแล้วให้ผลเป็นอย่างไรบ้างและสามารถช่วยพัฒนาในส่วนใด ซึ่ง Training Focus จะถูกแบ่งเป็น 6 ระดับ เช่นกัน ดังตารางต่อไปนี้
Easy | การฝึกซ้อมในครั้งนั้น ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู หรือเป็นการวิ่งแบบ Recovery |
Base | การฝึกซ้อมในครั้งนั้น ช่วยพัฒนาระบบ Aerobic endurance ในการวิ่งระยะไกล |
Tempo | การฝึกซ้อมในครั้งนั้น ช่วยพัฒนาความสามารถในการควบคุมจังหวะการวิ่งในระหว่างการแข่งขัน |
Threshold | การฝึกซ้อมในครั้งนั้น ช่วยพัฒนาระดับ Lactate Threshold Pace หรือความเร็วเพซสูงสุดที่ร่างกายของนักวิ่งยังสามารถเปลี่ยนแลคเตทกลับไปเป็นพลังงานได้ทันกับที่ผลิตออกมา |
Vo2Max | การฝึกซ้อมในครั้งนั้น ช่วยพัฒนาระดับ Vo2Max |
Anaerobic | การฝึกซ้อมในครั้งนั้น ช่วยพัฒนาระบบ Anaerobic endurance หรือเพิ่มความทนทานในการวิ่งทำความเร็วสูง |
นอกจากนี้ ค่า Training Effect ทั้ง 2 ส่วน อย่าง Aerobic Training Effect และ Anaerobic Training Effect ตัวนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros สามารถตั้งค่าให้แสดงผลในนาฬิกาขณะวิ่งได้ เพื่อช่วยให้นักวิ่งสามารถทราบถึงความหนักในการฝึกซ้อม ณ ขณะเวลานั้น

อธิบาย Coros EvoLab ผู้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกซ้อม
มาถึงอีกหนึ่งฟังก์ชันที่สำคัญและเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ รวมไปถึงเป็นจุดเด่นหลักของแบรนด์ Coros ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้ นั้นก็คือ Coros EvoLab โดยจะมีการติดตั้งมาให้ทั้งในตัวนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros และบนแอปพลิเคชันในมือถือ
ซึ่ง Coros EvoLab จะเป็นการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลในการฝึกซ้อม เพื่อนำไปประเมินและคาดคะเนระดับความสามารถของร่างกายของนักวิ่ง โดยจะมีการคาดคะเนเวลาที่ดีที่สุดที่นักวิ่งสามารถจบการแข่งขันได้ในระยะทางต่างๆ รวมทั้งบอกถึงระดับในการฝึกซ้อมว่าในแต่ละอาทิตย์ซ้อมหนักแค่ไหน มีอาการเมื่อยล้ามากเท่าไหร่ และควรจะต้องมีการพักผ่อนกี่ชั่วโมง

โดยค่าต่างๆ เหล่านี้ เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัว ที่จะเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลระดับความฟิตร่างกายของนักวิ่ง เพื่อที่จะนำไปวางแผนฝึกซ้อมและพัฒนาในจุดที่ยังไม่แข็งแรงต่อไป
และทางเราก็จะมาอธิบายถึงขั้นตอนการใช้งานและความหมายของค่าต่างๆ ใน Coros EvoLab ที่แสดงบนแอปพลิเคชันในมือถือ โดยมาเริ่มกันจากกรณี ที่นักวิ่งไม่เคยใช้งานนาฬิกาของแบรนด์ Coros มาก่อน
โดยในครั้งแรก หลังจากที่เชื่อมต่อนาฬิกาเข้ากับโทรศัพทมือถือ แถบบริเวณ Coros EvoLab จะเริ่มต้นจาก 0 และต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลการวิ่งในโหมดวิ่ง (Run) หรือโหมดวิ่งในสนามลู่ยาง (Track Run) เท่านั้น ขั้นต่ำประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ 7 วัน ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ใช้วิ่งในแต่ละวัน

ซึ่งทางแบรนด์ Coros จะแนะนำให้วิ่ง 30 – 60 นาทีต่อวัน ซึ่งจะทำให้การเก็บข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการสวมใส่นาฬิกาตลอดทั้งวันและเวลานอนในช่วงอาทิตย์แรก เพื่อเก็บข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจ
และหลังจาก หลอด Coros EvoLab เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ตัวแอปพลิเคชันในมือถือจะมีการแสดงค่าสำคัญดังต่อไปนี้
- Marathon Level
Marathon Level เป็นการประเมินระดับความสามารถของนักวิ่งในการวิ่งบนถนนทางเรียบ ซึ่งจะเป็นการนำเอาข้อมูลจากโหมดวิ่ง (Run) และโหมดวิ่งในสนามยาง (Track Run) ที่เก็บครั้งล่าสุด มาวิเคราะห์และประเมินผล

โดยระดับ Marathon Level ยิ่งมีค่ามาก จะหมายถึงนักวิ่งจะสามารถจบการแข่งขันในระยะมาราธอนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งคะแนน Marathon Level จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาสั้นๆ แต่จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเมื่อมีการฝึกซ้อมต่อเนื่องไปเรื่อยๆ (หรือลดลงหากนักวิ่งฝึกซ้อมไม่เพียงพอ)
และค่า Marathon level จะมีช่วงคะแนนอยู่ที่ 0 ถึง 100 ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 5 ระดับ ดังตารางต่อไปนี้
ค่า (Level) | ระดับ (Marathon level) | ความหมาย |
0-40 | Beginner | จบการแข่งขันมาราธอนด้วยเวลาที่มากกว่า 5 ชั่วโมง |
41-60 | Recreational | จบการแข่งขันมาราธอนด้วยเวลาระหว่าง 4 ถึง 5 ชั่วโมง |
61-70 | Intermediate | จบการแข่งขันมาราธอนด้วยเวลาระหว่าง 3.5 ถึง 4 ชั่วโมง |
71-80 | Advanced | จบการแข่งขันมาราธอนด้วยเวลาระหว่าง 3 ถึง 3.5 ชั่วโมง |
81-100 | Elite | จบการแข่งขันมาราธอนด้วยเวลาระหว่าง 2 ถึง 3 ชั่วโมง |
ซึ่งค่า Marathon level จะเป็นการประเมินช่วงเวลาในการจบการแข่งขันในระยะมาราธอนแบบกว้างๆ ทำให้ทางแบรนด์ Coros จะมีอีกหนึ่งค่า นั้นก็คือ Race Predictor ที่จะคำนวณเวลาในการจบการแข่งขันในระยะทางต่างๆ ให้กับนักวิ่งอย่างละเอียด โดยเป็นการนำข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจและความเร็วเพซมาวิเคราะห์

- Running Performance
Running Performance คือ ประสิทธิภาพในการวิ่ง ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการประเมินว่า การฝึกซ้อมครั้งสุดท้ายของนักวิ่งดีเพียงใดเมื่อเทียบกับระดับ Marathon Level ของตนเอง

โดย Running Performance จะมีค่าระหว่าง 80% ถึง 120% ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 5 ช่วง ดังตารางต่อไปนี้
ช่วง (Range) | ระดับ Running Performance | ความหมาย |
80% – 95% | Poor | แย่ |
96% – 98% | Fair | ปานกลาง |
99% – 101% | Good | ดี |
102% – 104% | Great | ดีเยี่ยม |
105% – 120% | Excellent | ยอดเยี่ยม |
และความหมายเพิ่มเติมของค่า Running Performance คือ
- หากมีค่า Running Performance มากกว่า 105% จะหมายความว่า นักวิ่งกำลังอยู่ในช่วงที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและมีโอกาสที่จะทำสถิติได้ดีในสนามแข่ง
- แต่หากมีค่า Running Performance ต่ำกว่า 95% ก็เป็นการบ่งบอกว่า นักวิ่งมีอาการเหนื่อยล้ามากเกินไปหรือฝึกซ้อมน้อยเกินไป และอาจจะต้องพักผ่อนมากขึ้นหรือเพิ่มความหนักในการฝึกซ้อม
- Base Fitness, Load Impact และ Fatigue
ค่า Base Fitness, Load Impact และ Fatigue ทั้งสามค่านี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการบ่งบอกถึงความหนักในการฝึกซ้อมโดยรวมในแต่ละสัปดาห์ของนักวิ่ง

โดยค่า Base fitness คือ ค่าระดับความฟิตของนักวิ่ง ซึ่งตัวเลขยิ่งสูง ก็หมายความว่าร่างกายของนักวิ่งสามารถฝึกได้นานขึ้น บ่อยขึ้น และหนักขึ้น แต่หากนักวิ่งไม่ได้มีการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องหรือหยุดฝึกซ้อม ค่า Base fitness ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ
และค่า Load Impact คือ ความหนักของการฝึกซ้อมโดยรวมที่กระทบต่อร่างกาย โดยจะคำนวณจาก ค่า Training load หรือ ค่าความหนักของการฝึกซ้อม ในการฝึกซ้อม 7 วันล่าสุด ซึ่งค่า Load Impact ยิ่งสูง ก็หมายความว่าร่างกายมีความเมื่อยล้าสะสมมากขึ้น แต่หากมีการพักผ่อน ค่า Load Impact ก็จะลดลงไปเรื่อยๆ
และในส่วนของค่า Fatigue หรือค่าของความเมื่อยล้า ซึ่งเป็นค่าที่สำหรับที่สุดในกลุ่มนี้ โดยจะเป็นการสะท้อนถึงปริมาณความเหนื่อยล้าที่ร่างกายได้รับจากการฝึกซ้อมกับความสามารถของร่างกายที่สามารถรับได้ หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ เป็นการสรุปรวมระหว่างค่า Base fitness และค่า Load Impact
ซึ่งจะมีผลต่อการนำไปช่วยประเมินสภาพร่างกายก่อนการแข่งขัน เพื่อให้ได้สถิติการแข่งขันที่ดีที่สุด
โดยค่า Fatigue จะมีค่าระหว่าง 0 ถึง 100 ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 5 ช่วง ดังตารางต่อไปนี้
ช่วง (Zone) | ระดับ Fatigue | ความหมาย |
0-19 | Minimal | การฝึกซ้อมโดยรวมในปัจจุบัน น้อยและเบาเกินไป ซึ่งอาจลดระดับความฟิตของนักวิ่งระยะยาว |
20-39 | Performance | การฝึกซ้อมโดยรวมในปัจจุบัน เหมาะกับการเตรียมตัวก่อนแข่งขัน เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมที่สุดสำหรับการแข่งขัน |
40-59 | Optimized | การฝึกซ้อมโดยรวมในปัจจุบัน เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับการพัฒนาและคงความฟิตของนักวิ่ง |
60-79 | High | การฝึกซ้อมโดยรวมในปัจจุบัน อาจจะไม่ช่วยพัฒนาร่างกาย เนื่องจากฝึกซ้อมหนักเกินไป |
80-100 | Excessive | การฝึกซ้อมโดยรวมในปัจจุบัน มากและหนักเกินไป ซึ่งจะนำไปสู่ความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ |
- Recovery
และเมื่อทราบเกี่ยวกับค่าของความเมื่อยล้า (หรือ Fatigue) แล้ว นักวิ่งต้องใช้เวลาในการพักกี่ชั่วโมงหรือกี่วัน ทางนาฬิกาก็จะมีบอกไว้ให้เช่นกันผ่านค่าที่เรียกว่า Recovery

โดยค่า Recovery จะมีค่าระหว่าง 0% ถึง 100% ซึ่งสามารถแบ่งเป็น 3 ช่วง ดังตารางต่อไปนี้
ช่วง (Zone) | ความหมาย |
0% – 29% | กรุณาพักผ่อน |
30% – 89% | พร้อมสำหรับการฝึกซ้อมเบา |
90% – 100% | พร้อมสำหรับการฝึกซ้อมหนัก |
และภายใน Coros EvoLab ยังมีการแสดงค่าพื้นฐานต่างๆ เช่น ระดับ VO2Max, Resting HR, Threshold Pace และ Threshold HR
นอกจากนี้ นักวิ่งยังสามารถเข้าดูประวัติการฝึกซ้อมและผลการวิเคราะห์ต่างๆ บนคอมพิวเตอร์ได้ โดยเข้าไปที่เว็บไซต์ Coros Training Hub แล้วสแกน QR Code เพื่อ Login เข้าไป

การตั้งค่าที่สำคัญต่างๆ ภายในนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
มาในส่วนของการตั้งค่าที่สำคัญต่างๆ ภายในตัวเรือนนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros

โดยการตั้งค่าที่สำคัญต่างๆ จะมีดังนี้
ตั้งค่าหน้าจอขณะออกกำลังกาย (Workout Interface)
- สามารถกำหนด Background เป็นสีขาวหรือดำ
- สามารถกำหนด ขนาดฟอน
- สามารถกำหนด Auto Scroll เช่น นักวิ่งมีการสร้างหน้าจอหลากหลายขณะออกกำลังกายอย่างการดูรอบขา การดูความเร็ว การดู Heart rate ตัวเรือนก็สามารถตั้งค่าให้หน้าจอเลื่อนเปลี่ยนอัตโนมัติไปเรื่อยๆ ได้
- สามารถกำหนดเปิดปิดการแจ้งเตือนข้อความและสายเรียกเข้าขณะออกกำลังกาย
- สามารถกำหนดการล็อคหน้าจอ



ตั้งค่าเซนเซอร์ (Sensor)
- สามารถตั้งค่าให้เซนเซอร์ Heart Rate จับทุก 10 นาที หรือตั้งค่าเป็นแบบ Realtime



ตั้งค่าการเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม (Accessories)
- นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros สามารถเชื่อมต่อได้กับอุปกรณ์ที่เป็น Bluetooth เท่านั้น เช่น สายคาดอกสำหรับวัดอัตราการเต้นของหัวใจ แต่ในส่วนของอุปกรณ์ที่เป็น ANT+ จะไม่สามารถเชื่อมต่อได้


การตั้งค่าเพิ่มเติม (More Settings)
- ตั้งค่าภาษาในนาฬิกา ซึ่ง ณ เวลานี้ ตัวเรือนนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ยังไม่รองรับภาษาไทย


- ตั้งค่าธีมหน้าจอและสีของหน้าจอ ซึ่งธีมหน้าจอลวดลายต่างๆ สามารถดาวโหลดได้ผ่านทางแอปพลิเคชัน Coros บนมือถือ

- ตั้งค่าไฟแสดงผลหน้าจอ (Gesture Backlight) ซึ่งสามารถตั้งค่าให้ไฟแสดงผลแสดงผลแบบทั้งวัน หรือ ตั้งค่าเป็นแบบ Auto ที่จะอิงตามเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและอาทิตย์ตกในแต่ละวัน

- ตั้งค่าการสวมใส่นาฬิกาข้อมือซ้ายหรือข้อมือขวา ซึ่งนักวิ่งก็ควรตั้งค่าให้ตรงตามที่สวมใส่ เพราะจะทำให้ตัวโปรแกรมทราบว่าตัวนาฬิกาอยู่ฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวา ในการช่วยให้ตัวนาฬิกาจับค่าต่างๆ ได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น

- ตั้งค่าระบบดาวเทียม (Satellite Systems) ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ 3 แบบหลัก คือ
- GPS Only
- GPS, GLONASS, Galileo, QZSS
- GPS, Beidou, Galileo, QZSS
ซึ่ง GPS, GLONASS, Galileo, QZSS และ GPS, Beidou, Galileo, QZSS จะเป็นการใช้งานระบบดาวเทียมพร้อมกันถึง 4 ระบบ เพื่อช่วยเพิ่มความแม่นยำในการจับระยะทางและถือเป็นมาตรฐานใหม่ในปัจจุบัน


ทดสอบวัดค่าต่างๆ เทียบกับ Garmin Fenix 6
และหลังจากทราบฟังก์ชันการใช้งานเกี่ยวกับการวิ่งทั้งหมดไปแล้ว เรามาทดสอบวัดค่าต่างๆ เทียบกับ Garmin Fenix 6 ซึ่งเป็นนาฬิกา Garmin ซีรีส์เก่า ที่ออกมาตั้งแต่ในปี 2019

โดยมาเริ่มเปรียบเทียบในส่วนของตำแหน่ง GPS กันก่อน ซึ่งซอฟแวร์ระบบดาวเทียมของนาฬิกาทั้ง 2 เรือนจะถูกตั้งค่าดังนี้
- Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ตั้งค่าเป็น GPS, GLONASS, Galileo, QZSS
- Garmin Fenix 6 ตั้งค่าเป็น GPS + GLONASS
ซึ่งนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros จะเป็นการใช้ระบบดาวเทียมร่วมกันถึง 4 ระบบ ในขณะที่ Garmin Fenix 6 จะเป็นการใช้ระบบดาวเทียมร่วมกันเพียงแค่ 2 ระบบเท่านั้น และไม่สามารถใช้ได้มากกว่านี้
ส่งผลให้เส้นทางที่ได้จากตัวนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros จะมีความสมูท ราบเรียบ มีความใกล้เคียงกับถนนในความเป็นจริง และไม่หักงอไปมา แต่ของ Garmin Fenix 6 เส้นทางจะมีความหักงอไปมาตลอดทาง

แต่ในปัจจุบัน นาฬิกา Garmin ซีรีส์ใหม่อย่าง Forerunner 255, 955 และ Garmin Fenix 7 ได้มีการแก้ไขในส่วนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนาฬิการุ่นใหม่ของทาง Garmin จะสามารถใช้ระบบนำทางหลายระบบพร้อมกันได้แล้ว ซึ่งจะทำให้เส้นทางมีความราบเรียบ ไม่หักงอ คล้ายกับของแบรนด์ Coros
แต่ก็จะมีการยกเว้นในซีรีส์เก่าทุกรุ่นอย่างรุ่น Forerunner 745 (เปิดตัวในปี 2020) และ Forerunner 55 (เปิดตัวในปี 2021) ที่จะยังคงใช้ระบบดาวเทียมได้เพียงแค่ 2 ระบบเท่านั้น
และด้วยความสมูท ราบเรียบ คล้ายกับถนนจริง ส่งผลให้กราฟความเร็วเพซที่ได้จากตัวนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros จะไม่มีอาการสวิงขึ้นลงมาก แต่ในส่วนของ Garmin Fenix 6 กราฟจะมีอาการสวิงขึ้นลงมากอย่างเห็นได้ชัด

แต่ทางแบรนด์ Garmin ก็แก้ไขในจุดนี้ โดยการเมื่อนักวิ่งซิงค์ไฟล์เข้าฐานข้อมูลกลางอย่าง Garmin Connect ตัวกราฟที่แสดงบนแอปพลิเคชันในมือถือหรือบนคอมจะถูกปรับให้มีความสมูทมากขึ้น (เฉพาะกราฟเพซ แต่ภาพแผนที่เส้นทางที่แสดงก็จะยังคงมีความหักงอไปมา)
อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้วค่าความเร็วเพซเฉลี่ยระหว่างทั้ง 2 เรือนก็ถือว่ามีความใกล้เคียงกัน
ในส่วนของอัตราการเต้นของหัวใจ หรือค่า Heart Rate ซึ่งค่าที่ได้จากตัวนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ก็ถือว่ามีความใกล้เคียงกับ Garmin Fenix 6 แต่ก็มีบางช่วงที่เก็บค่าการเต้นของหัวใจได้สูงกว่า Garmin Fenix 6 และบางช่วงก็ต่ำกว่า แต่ค่าเฉลี่ยโดยรวมของทั้งสองเรือนจะมีค่าที่เท่ากัน

และในส่วนสุดท้าย ในส่วนของรอบขา ก็ถือได้ว่ามีความใกล้เคียงกัน ไม่แตกต่างกัน

สรุปความคิดเห็น ข้อดีและข้อเสียของนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros
โดยจุดเด่นหลักของนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros คือ การเข้าถึงทรัพยากรด้านซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งของทางแบรนด์ Coros ทั้งหมด เช่น ฟังก์ชัน Coros EvoLab ในราคาตั้งที่ถูกที่สุดในตลาด

ซึ่งการเข้าถึงทรัพยากรของแบรนด์ Coros ก็เป็นเสมือนการได้รับตัวช่วยหรือโค้ชส่วนตัว มาเพื่อใช้ประเมินและวางแผนในการฝึกซ้อมให้กับนักวิ่ง โดยในส่วนนี้ นาฬิกา Smart Watch แบรนด์จีน ไม่สามารถทำให้ได้
ในด้านของตัวเรือนหรือฮาร์ดแวร์ ตัวเรือนก็มีฟังก์ชันและเซนเซอร์ สำหรับการวิ่งที่จำเป็นให้มาอย่างครบครัน ซึ่งหากเป็นนักวิ่งถนนก็สามารถใช้ฝึกซ้อมและแข่งขันโดยไม่มีปัญหาใดๆ
และในด้านของความแม่นยำในการเก็บค่าต่างๆ เช่น อัตราการเต้นของหัว ความเร็วเพซ รอบขา และตำแหน่ง GPS ถือได้ว่าทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับการจับตำแหน่ง GPS ที่มีความแม่นยำสูงมากๆ จากการใช้ระบบดาวเทียมถึง 4 ระบบ และถือเป็นมาตรฐานใหม่ของการใช้ระบบดาวเทียมในนาฬิกา ณ ปัจจุบัน

และอีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องกล่าวถึง คือ ตัวนาฬิกาสามารถดูรอบขา (Cadence) และระยะก้าว (Stride Length) แบบ Real Time ในขณะวิ่งได้เลย รวมทั้งหลังจากบันทึกข้อมูลก็สามารถดูระยะก้าวในแต่ละช่วงของเส้นทางได้บนแอปพลิเคชันในมือถือ โดยไม่ต้องมีการติดตั้ง Pod ใดๆ ซึ่งต่างจากนาฬิกา Garmin ที่ต้องซื้อ Running Dynamic Pod มาติดตั้งก่อนจึงจะสามารถแสดงค่าระยะก้าวแบบ Real Time และบนแอปพลิเคชันได้
นอกจากนี้ นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ยังมีในเรื่องของน้ำหนักที่เบา ไม่เป็นภาระของข้อมือและการแกว่งแขน และแบตเตอรี่ที่ทนทานยาวนาน ไม่ต้องคอยชาร์จบ่อยๆ
รวมไปถึงประกันสินค้าจากแบรนด์ Decathlon ที่มีการประกันสินค้าอยู่ที่ 2 ปีเต็ม ซึ่งหากตัวเครื่องมีปัญหา ก็สามารถเข้าไปเปลี่ยนเครื่องใหม่ที่ Decathlon ได้เลยทันที

และจุดเด่นสุดท้ายที่ต้องกล่าวถึง นั่นก็คือ การใช้งานง่าย ไม่ต้องลงแอปเพิ่มเติม หยิบนาฬิกาก็ออกวิ่งได้เลย และใช้งานซิงค์กับมือถือล้วนๆ พอมีอัพเดทซอฟแวร์ใหม่ก็ไม่ต้องไปอัพเดทในคอมให้ยุ่งยาก
และนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ก็จะมีการอัพเดทและปรับปรุงซอฟแวร์มาให้เรื่อยๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีการอัพเดท
ในส่วนของข้อเสีย ตัวเรือนนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ไม่มีเซนเซอร์ Barometric Altimeter ไว้สำหรับวัดความชันหรือความสูงจากระดับน้ำทะเล แต่หากซิงค์ข้อมูลเข้ากับแอป Strava ตัวของแอป Strava จะมีการแสดงค่าความชันสะสมและค่าความสูงจากระดับน้ำทะเลเพิ่มมาให้ ซึ่งเป็นการดึงค่าความสูงจากระดับน้ำทะเลจากตำแหน่งของ GPS มาใช้
ซึ่งโดยปกติแล้ว นาฬิกาที่มีเซนเซอร์ Barometric Altimeter ก็จะใช้ความสูงจากระดับน้ำทะเลจากตำแหน่ง GPS เป็นตัว Calibrate เพื่อเพิ่มความแม่นยำให้กับตัวนาฬิกาอีกครั้ง เพียงแต่นาฬิกาที่มี Barometric Altimeter จะแสดงผลกราฟให้เป็นรูปทรงของภูเขาตามความเป็นจริงได้ดีกว่า

และด้วยนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros เป็นนาฬิกา GPS Running Watch แท้ๆ จึงทำให้ไม่มีฟังก์ชันเกี่ยวกับความบันเทิง เช่น การฟังเพลงหรือเล่นเพลง
และสุดท้าย ด้วยความที่นาฬิกาถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการวิ่งถนนโดยเฉพาะ ซึ่งไม่ได้ออกแบบมาไว้สำหรับการวิ่งเทรล ทำให้นาฬิกาเรือนนี้ไม่มีโหมดการวิ่งเทรล รวมทั้งไม่มีระบบนำทาง (หรือ Breadcrumb) มาให้
ข้อดี
- เข้าถึงซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการวิ่งของแบรนด์ Coros ทั้งหมด เช่น ฟังก์ชัน Coros EvoLab ในราคาตั้งที่ถูกที่สุดในตลาด
- เป็นเสมือนผู้ช่วยและโค้ชส่วนตัว ในการประเมินและวางแผนในการฝึกซ้อม
- ตัวเรือนให้ฟังก์ชันและเซนเซอร์ที่จำเป็นมาอย่างครบครัน
- มีความแม่นยำในการเก็บค่าต่างๆ โดยเฉพาะกับการจับตำแหน่ง GPS
- สามารถดูรอบขาและระยะก้าวแบบ Real Time และบนแอป
- มีน้ำหนักเบาและแบตเตอรี่ทนทาน
- ประกันสินค้าจากแบรนด์ Decathlon 2 ปีเต็ม
- การใช้งานง่ายและใช้งานซิงค์กับมือถือล้วน ๆ
- มีการอัพเดทและปรับปรุงซอฟแวร์มาให้ตลอด
ข้อเสีย
- ไม่มีเซนเซอร์ Barometric Altimeter แต่สามารถใช้ค่าความชันจากตำแหน่ง GPS ทดแทนได้
- ไม่มีฟังก์ชันเกี่ยวกับความบันเทิง เช่น การฟังเพลงหรือเล่นเพลง
- ไม่ได้ออกแบบมาไว้สำหรับการวิ่งเทรล ทำให้ไม่มีโหมดการวิ่งเทรล
สรุปโดยรวม นาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros เป็นนาฬิกาที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการวิ่งโดยเฉพาะ ซึ่งเหมาะเป็นอย่างมากกับทั้งนักกีฬามือใหม่และมืออาชีพ ที่ต้องการใช้นาฬิกาเพื่อการฝึกซ้อมอย่างจริงจังและใช้ในการแข่งขัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักวิ่งมือใหม่หรือนักกีฬาเยาวชนที่ต้องการเข้าถึงแผนการฝึกซ้อมและระบบการวิเคราะห์ข้อมูลแบบส่วนตัว เพื่อนำไปพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันต่อไป
ซึ่งนี้คือทั้งหมดของ รีวิวเจาะลึกนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros หนึ่งในนาฬิกา GPS Running Watch ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด ณ เวลานี้

และท่านใดที่สนใจนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros ณ เวลานี้ มีวางจำหน่ายแล้วเฉพาะหน้าร้าน Decathlon ทุกสาขา แต่ยังไม่มีวางจำหน่ายแบบออนไลน์นะครับ
และในบทความรีวิวนาฬิกา Decathlon Kiprun GPS500 by Coros นี้ ต้องขอขอบคุณทาง Decathlon Thailand ที่ส่งนาฬิกามาให้ทางเราทดสอบนะครับ
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ
สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน
- FB: Running Profiles
- Website: https://runningprofiles.com/
- Youtube: Running Profiles