บทความให้แรงบันดาลใจของ Geng Luo ชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Nike Vaporfly Elite

Related Articles

Nike Vaporfly Elite และ Nike Zoom Vaporfly 4% รองเท้าที่เปิดยุคทองของรองเท้าวิ่งคาร์บอน จนหลาย ๆ แบรนด์ใหญ่ ต้องส่งรองเท้าคาร์บอนออกมาสู้ แต่รู้หรือไม่ว่าความสำเร็จของรองเท้าทั้ง 2 คู่นี้มาจากชายหนุ่มชาวจีน นามว่า Geng Luo (罗耿 อ่านว่า หลัวเกิ่ง) ผู้ใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งเขาจะออกแบบรองเท้าของแบรนด์ Nike ดังนั้น วันนี้เราจะมาเหล่าถึงประวัติชายผู้ซึ่งคลั่งไคล์และหลงรักรองเท้า Nike ตั้งแต่อายุ 11 ปี และลงมือทำอย่างไม่ลดละเพื่อให้ความฝันของเขาเป็นจริงกัน

ดุจดั่งขนมเค้ก

รองเท้าวิ่งก็เหมือนขนมเค้กที่เป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นประกอบจาก ยาง, โฟม, พลาสติก, และผ้า ซึ่งถูกออกแบบและทดสอบด้วยความประณีตและพิถีพิถัน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนสามารถเป็นดั่งนักกีฬาที่เขาใฝ่ฝัน

“ทุก ๆ ชั้นของเค้กนั่นสำคัญ และทุก ๆ ชั้นของเค้กสร้างจากรากฐานอันมีค่าของชั้นก่อนหน้า”

ความสวยงามของการออกแบบนี้ที่ทำให้ Geng Luo ถึงกับตกหลุมรักในรองเท้าผ้าใบ มันเป็นคำอุปมาที่เหมาะสมมากในการอธิบายประสบการณ์ในอาชีพของเขา

Geng Luo ในวัยเด็กถึงกับประกาศกับตัวเองว่า เขาเป็น Sneakerhead หรือผู้หลุมหลงในรองเท้าผ้าใบ และใฝ่ฝันมาโดยตลอดว่าเขาจะเป็นหนึ่งในผู้ออกแบบรองเท้าของ Nike ดังนั้น ความสำเร็จของเขาไม่ได้มาจากโชค ดั่งเช่นพวกที่บังเอิญสำเร็จเพียงชั่วข้ามคืน แต่มาจากการทุ่มเท การวางแผน และการลงมือทำ

จุดเริ่มต้น

ในปี 1990 Geng Luo วัย 11 ปี ได้เห็นรองเท้าผ้าใบ Nike Air ครั้งแรกในบ้านเกิดของเขาที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน ทั้งรูปลักษณ์และการออกแบบของ Nike Air ทำให้เขาถึงกับตกหลุมรักมันในทันที

Nike Air Max ในปี 1990

Geng Luo กล่าวว่า “ผมจำได้เป็นอย่างดีเลยว่า ผมเข้าไปที่ร้านรองเท้าและจ้องมองแผ่น Air ขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างในรองเท้า และพูดกับตัวเองว่า ว้าว นั่นเป็นเทคโนโลยีที่บ้าไปแล้ว” นี้เป็นสาเหตุที่ในตอนเรียน เขาเอาแต่วาดรูปรองเท้าแทนที่จะตั้งใจเรียนในห้อง

หลังจากเข้าเรียนมัธยมปลาย เขากล่าวว่า “มันชัดเจนมากขึ้นสำหรับผม ว่านี่คือสิ่งที่ผมต้องการ” เขาไม่รอช้าท่องโลกอินเตอร์เน็ตหาความรู้เกี่ยวกับรองเท้าผ้าใบ รวมไปถึงเปิดเว็บไซต์ข่าวสารเกี่ยวกับรองเท้าที่แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาจีนให้ชาวจีน ผู้ซึ่งชอบรองเท้าเหมือนกับเขาเข้ามาอ่าน

หลังจากเปิดเว็บไซต์และแปลข่าวสารได้ระยะหนึ่ง เขาได้พบกับบทสัมภาษณ์ผู้ออกแบบรองเท้า Nike Air Jordan นั่นคือ Wilson Smith ในเว็บไซต์รีวิวรองเท้าของอเมริกา เขาถึงกับบอกตัวเองว่า “นี้แหละโอกาสสำคัญ” จากนั้นเขาไม่รอช้าส่งอีเมลไปหาเว็บไซต์นั้นด้วยภาษาอังกฤษแบบงู ๆ ปลา ๆ โดยมีใจความว่า ผมมีความปรารถนาที่จะทำงานเกี่ยวกับการออกแบบรองเท้า แต่ผมไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี

Wilson Smith ผู้ออกแบบรองเท้า Nike Air Jordan และเป็นรุ่นน้องที่จบจากสถาบันเดียวกันกับ Tinker Hatfield ผู้ซึ่งออกแบบ Nike Air Max นั่นเอง

โชคดีที่เจ้าของเว็บไซต์นำอีเมลของเขาส่งไปให้ Wilson Smith ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับ Geng Luo เป็นอย่างยิ่ง โดย Wilson Smith ตอบกลับมาในอีเมลอย่างละเอียดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพนักออกแบบรองเท้า รวมไปถึงแนะนำให้เขาเข้าเรียนเกี่ยวกับการออกแบบเชิงอุตสาหกรรม (Industrial design) และให้ใส่ใจเกี่ยวกับลักษณะการเคลื่อนไหวของมนุษย์ ซึ่งอีเมลฉบับนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของ Geng Luo

หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย Geng Luo ตัดสินใจบินตรงไปที่อเมริกาเหนือ โดยมีกลยุทธ์ว่า ต้องพาตัวเขาไปอยู่ใกล้กับสำนักงานใหญ่ของ Nike ในบีเวอร์ตัน รัฐโอเรกอน ให้มากที่สุด ซึ่งเขาทำตามที่ Wilson Smith เขียนไว้ในอีเมล โดยเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว (Kinesiology) ของ University of Waterloo ณ ประเทศแคนาดา ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการวิจัยการเคลื่อนไหวของมนุษย์ (Gait Analysis)

University of Waterloo ณ ประเทศแคนาดา ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการวิจัยการเคลื่อนไหวของมนุษย์ (Gait Analysis)

หลังจากเขาเข้าเรียน เขาถามทันทีเกี่ยวกับการทำวิจัย เพื่อให้เขามีความรู้พร้อมที่จะนำไปใช้ในการทำงาน เขาถามอาจารย์ทุก ๆ คนที่จะให้คำตอบกับเขาได้ เพราะ Geng Luo รู้ดีว่าในสักวันหนึ่งเขาจะต้องได้ทำงานกับบริษัทรองเท้า

การประกาศถึงจุดยืนของ Geng Luo ทำให้เขาได้เข้าไปเป็นหนึ่งในอาสาสมัครของห้องปฏิบัติการชีวกลศาสตร์ (Biomechanics laboratory) ที่ซึ่งเขาจะได้รับประสบการณ์ในการวัดว่าร่างกายมนุษย์เคลื่อนไหวอย่างไร และวิจัยพฤติกรรมของผู้สูงอายุในการขับขี่ยานพาหนะ แม้ว่า Geng Luo ยังไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับรองเท้า แต่ประสบการณ์การทำวิจัยครั้งนี้จะกลายเป็นรากฐานสำคัญในอาชีพของเขา ดุจดั่งชั้นหนึ่งของเค้ก

ในขณะที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี เขาได้คุยกับอาจารย์ของเขาว่า “ผมต้องการทำงานในแผนกวิจัยรองเท้าของ Nike” ซึ่งอาจารย์ของเขาได้แนะนำว่า เขาต้องศึกษาต่อระดับปริญญาโทและเอกในสาขาชีวกลศาสตร์รองเท้า (Footwear biomechanics) โดยหลังจบการศึกษา เขาได้ทำตามที่อาจารย์แนะนำ เข้าศึกษาต่อในสาขาชีวกลศาสตร์รองเท้า ณ University of Calgary ประเทศแคนาดา ที่ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการวิจัยร่วมกับบริษัทรองเท้าชั้นนำของโลก และที่นั้นในที่สุด เขาก็ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับรองเท้าเป็นครั้งแรก

University of Calgary ประเทศแคนาดา ที่ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการวิจัยร่วมกับบริษัทรองเท้าชั้นนำของโลก

โดยโปรเจคแรกของเขา เขาได้ศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและประสิทธิภาพของนักกีฬาบาสเกตบอลที่เปลี่ยนแปลงไปเนื่องมาจากความแข็งของรองเท้า ซึ่งโปรเจคนี้ได้ให้แง่คิดที่สำคัญแก่เขา คือ “รองเท้าไม่ใช่ส่วนที่สำคัญส่วนเดียว ร่างกายมนุษย์ก็มีบทบาทที่สำคัญไม่แพ้กัน”

งานวิทยานิพนธ์ของเขา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยทางชีวกลศาสตร์ (Biomechanical factors) ที่จะทำให้นักวิ่งสามารถวิ่งได้เร็วที่สุดในลู่ยาง ได้เปลี่ยนความคิดของเขาไปอย่างสิ้นเชิง โดยในอดีต เขามักจะให้ความสำคัญของรองเท้าวิ่งมาก่อนการเคลื่อนไหวของนักวิ่ง แต่ในปัจจุบัน “เขาให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของนักวิ่งก่อน แล้วระบุปัญหาของนักวิ่งคนนั้น จากนั้นจึงค่อยนำรองเท้าเข้ามาแก้ปัญหา” Geng Luo กล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมได้เรียนรู้ และมันสำคัญมาก”

ขณะที่ Geng Luo กำลังศึกษาในระดับโทและเอกอยู่นั้น เขายังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการที่มีการสนับสนุนเงินทุนโดย Adidas ในการทดสอบรองเท้าตะปู ซึ่งในภายหลังรองเท้าตะปูคู่นี้จะถูกใช้ในงาน London Olympics ในปี 2012 ซึ่งรองเท้ารุ่นนั้นคือ Adidas Adizero Prime SP รองเท้าตะปูคาร์บอนที่มาสานต่อความสำเร็จของ Adidas Lone Star Spike รองเท้าตะปูคาร์บอนคู่แรกของโลก ในปี 2008 นั่นเอง

Adidas Adizero Prime SP รองเท้าตะปูคาร์บอนที่มาสานต่อความสำเร็จของ Adidas Lone Star Spike

Geng Luo กล่าวว่า มันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากที่เขาได้มีโอกาสได้อยู่ในวงในการอุตสาหกรรมรองเท้าวิ่ง และได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัทรองเท้าอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้งได้เรียนรู้วิธีการนำผลงานวิจัยในห้องทดลองไปประยุกต์รวมกับรองเท้ารุ่นใหม่ที่จะถูกนำไปวางจำหน่ายของบริษัทต่าง ๆ

Just Do It เพียงแค่ลงมือทำ

เค้กชั้นต่อไปของ Geng Luo นั้นช่างชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือ การเข้าทำงานกับ Nike ซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับเขาที่จะได้รับโอกาสนั้น แต่คำพูดนั้นช่างง่ายดายกว่าการลงมือทำ กว่าที่ Geng Luo จะมาถึงจุดนี้ เขาต้องทุ่มเททุกอย่างกว่าจะมีรากฐานที่แข็งแกร่งแบบในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหว (Kinesiology), การติดต่อกับเพื่อนร่วมงานและอาจารย์จนเขาได้มีโอกาสเข้าไปมีส่วนรวมในโปรเจคทดสอบรองเท้าต่าง ๆ, และความมุ่งมั่นในเป้าหมายของเขาตั้งแต่ต้น จนทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำเขาให้กับ Matt Nurse (ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานของ Nike Explore Team Sport Research Lab)

Matt Nurse ผู้ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานของ Nike Explore Team Sport Research Lab

Matt Nurse กล่าวว่า “ผมได้ยินเกี่ยวกับความสามารถของ Geng Luo และมันน่าประทับใจมาก เขาไม่เพียงแต่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังเป็นนักคิดที่ทะเยอทะยาน และเต็มใจที่จะลองทำในสิ่งใหม่ ๆ  สิ่งทั้งหมดที่ผมว่ามานี้ มันคือส่วนผสมของนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งผมได้ติดต่อกับเขาในระหว่างที่เขากำลังทำงานวิจัย และผมในตอนนั้นมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเราจะได้ร่วมงานกันในอนาคตในฐานะทีมเดียวกัน”

เค้กชั้นสุดท้ายของ Geng Luo เขาได้เข้าร่วมงานแข่งขันด้านผลงานวิจัยรองเท้า ซึ่งงานแข่งนี้มี Nike เป็นผู้สนับสนุนเงินรางวัล และผู้ชนะจะได้ไปนำเสนอผลงานให้กับนักวิจัยของทาง Nike และเป็นอีกครั้งที่เขาทำสำเร็จ เขาชนะการแข่งขันและได้รับเงินรางวัลที่สูงถึง $25,000 หรือ ประมาณ 800,000 บาท รวมทั้งได้ไปนำเสนอผลงานของเขาต่อนักวิจัยของ Nike

Geng Luo กล่าวว่า “นี้เป็นสะพานที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา ที่เชื่อมต่อระหว่างมหาลัยและการทำงานใน Nike” หลังจากเรียนจบปริญญาเอก เขาได้ข่าวว่า Matt Nurse กำลังเปิดรับนักวิจัยรุ่นใหม่อยู่ ซึ่งนั้นเป็นงานที่เขาใฝ่ฝันมาโดยตลอด

หลังจากเขาได้เข้าทำงานใน Nike ในปี 2013 Geng Luo พูดคุยกับ Matt Nurse ถึงจดหมายที่เขาส่งถึง Wilson Smith จนทำให้ Matt Nurse ถึงกับอุทานและบอกกับเขาว่า Wilson ทำงานอยู่ตรงข้ามห้องประชุม ดังนั้น Geng Luo ไม่รอช้า ค้นหาอีเมลที่เขาเคยส่งและพิมพ์มันออกมา จากนั้นเขาก็วิ่งตรงไปหา Wilson จนทั้งสองพบกันอีกครั้ง Geng Luo กล่าวว่า “การพบกันครั้งนั้น ทำผมแทบน้ำตาไหล เขาเป็นดุจดั่งครูคนแรกของผม” หลังจากนั้นเขาได้พบว่า เจ้าของเว็บไซต์ที่นำอีเมลของเขาส่งไปให้ Wilson ก็ทำงานอยู่ที่ Nike เหมือนกัน นี้เป็นเหมือนการโคจรมาพบกันอีกครั้งของทั้ง 3 คน

ในปัจจุบัน Geng Luo ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับโลกที่มีความรู้หลากหลายเช่น วิทยาศาสตร์วัสดุ (Materials Science), วิศวกรรมอุตสาหการ (Industrial Engineering), หรือแม้กระทั่งวิทยาศาสตร์การรับรู้ (Perception science) เพื่อที่จะถ่ายทอดความรู้สู่แนวคิดที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์”

แนวคิดของ Geng Luo มีตั้งแต่การใช้เทคโนโลยีการผลิตโฟมขั้นสูง และแผ่นคาร์บอน ที่จะทำให้รองเท้าวิ่งมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น เบาขึ้น รวมไปถึงหน้าผ้าที่มีการปรับปรุงให้ดีอยู่เสมอ เขาและเพื่อนร่วมงานของเขาจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้รองเท้ามีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและเหมาะสมกับผู้สวมใส่มากขึ้น

Matt Nurse กล่าวว่าGeng Luo เริ่มจากความเป็นไปได้ มากกว่าที่จะมองโลกในแง่ร้าย เขาเข้าใจกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นขัดขวางความคิดสร้างสรรค์ของเขา

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2017 Geng Luo ได้รับหน้าที่เป็นบุคคลสำคัญในโปรเจค Breaking 2 (ที่ Nike พยายามที่จะทำลายกำแพงเวลาในการวิ่งมาราธอนภายใน 2 ชั่วโมงนี้ลงให้ได้) ซึ่ง Geng Luo ได้มีส่วนช่วยในการออกแบบแผ่นคาร์บอนทรงโค้งที่จะวางอยู่ในโฟมรองเท้า และเขาค้นพบว่ามันทำให้นักวิ่งวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นถึง 4%

สมาชิกของทีม Breaking2 กำลังพูดคุยเกี่ยวกับ Nike Vaporfly Elite ณ เมืองมอนซา ประเทศอิตาลี ในปี 2017

ท้ายที่สุด Geng Luo ได้ให้คำแนะนำที่แสนเรียบง่ายว่า “Just do it หรือ เพียงแค่ลงมือทำ” เขากล่าวสำทับว่า “ถ้าคุณเชื่อในบางสิ่งและลงมือทำมันโดยปราศจากความลังเล ตรงนั้นจะมีผู้คนจำนวนมากที่พร้อมจะช่วยคุณ” ดังนั้น จงมองหาสิ่งที่คุณหลงใหลและหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนั้น นั่นคือทั้งหมดที่สำคัญ

จบไปแล้วนะครับสำหรับประวัติชายผู้ซึ่งคลั่งไคล์และหลงรักรองเท้า Nike ตั้งแต่อายุ 11 ปี และลงมือทำอย่างไม่ลดละเพื่อให้ความฝันของเขาเป็นจริง แอดมินหวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ถ้าหากท่านใดมีคำถามสามารถเข้าไปถามได้ในเพจ FB: Running Profiles ได้เลยครับ ถ้าอ่านแล้วชอบก็ฝากกดไลค์และติดตามเพจด้วยครับ เราจะมีบทความดี ๆ แบบนี้ให้อ่านตลอดครับ ขอให้วิ่งให้สนุกครับ

ข้อมูลอ้างอิง:

More on this topic

Popular stories

Training Plan