อาจารย์โจ้ นักวิ่งผู้ทดสอบและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแตะพี่หมอ รองเท้าแตะวิ่งเจ้าแรกของจังหวัดเชียงใหม่

Related Articles

วันนี้เป็นเรื่องราวอีกมุมหนึ่งของรองเท้าแตะพี่หมอกับบทสัมภาษณ์นักทำและผู้ทดสอบรองเท้าแตะ “คุณอดิศร ยงศรีเกษตร” หรือที่นักวิ่งชาวไทยรู้จักกันดีในชื่อ “อาจารย์โจ้ #ดดด (แดงดันดอย)” หนึ่งในนักวิ่งรองเท้าแตะขาแรงชาวเชียงใหม่ ที่ในวันนี้จะมาบอกเล่าประสบการณ์ ความหลงไหลและแรงบันดาลใจ ให้ผู้อ่านได้รับชมกัน เชิญติดตามได้เลยครับ

อาจารย์โจ้ นักวิ่งผู้ทดสอบและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแตะพี่หมอ

ทำความรู้จักกับแตะพี่หมอ รองเท้าแตะวิ่งทำมือจากจังหวัดเชียงใหม่

“แตะพี่หมอ” หรือ “Chiangmai Running Sandal” เป็นรองเท้าแตะวิ่งแบรนด์ไทยจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่ก่อตั้งขึ้นโดย “คุณสุรศักดิ์ สืบมงคลชัย” หรือ “พี่หมอ”

คุณสุรศักดิ์ สืบมงคลชัย หรือ “พี่หมอ” ผู้ก่อตั้ง “แตะพี่หมอ” (Chiangmai Running Sandal) รองเท้าแตะวิ่งแบรนด์ไทยจากจังหวัดเชียงใหม่

โดยในอดีตพี่หมอมีอาการบาดเจ็บจากรองเท้าวิ่งไม่ว่าจะเป็นอาการเล็บม่วง เล็บหลุด อาการเอ็นต้นขาด้านข้างอักเสบ (IT Band) และอาการเจ็บหน้าแข้ง (Shin Splints) ซึ่งเขาพยายามศึกษาหาวิธีแก้ปัญหาจนได้ค้นพบกับศาสตร์แห่งการวิ่งเท้าเปล่า

และได้กลายเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการวิ่งเท้าเปล่ายุคแรกๆ ของจังหวัดเชียงใหม่จนถูกขนานนามว่าเป็น “จอมยุทธ์เท้าเปล่า”

อย่างไรก็ตาม พี่หมอได้ค้นพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะให้นักวิ่งทุกคนมาวิ่งแบบเท้าเปล่า ทำให้พี่หมอเกิดความคิดที่ว่า “ไม่จำเป็นต้องวิ่งเท้าเปล่าก็ได้ แต่เอาท่าวิ่งของเท้าเปล่ามาก็พอ”

ซึ่ง ณ เวลานั้น ก็มีรองเท้าวิ่งแนวเท้าเปล่าอย่าง Vibram FiveFingers, รองเท้าแตะ, และรองเท้า Zero Drop ที่เป็นเสมือนทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเข้าสู่ศาสตร์แห่งการวิ่งเท้าเปล่า

ปล. ท่านใดที่ยังไม่ทราบถึง รองเท้าวิ่งแบบ Minimalist อย่าง Vibram FiveFingers ช่วยทำให้เท้าแข็งแรงขึ้นจริงหรือ ? ฉบับสมบูรณ์ สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลยครับ

แต่ราคารองเท้าวิ่งแนวเท้าเปล่าเหล่านี้ของแบรนด์นอกมีราคาที่ค่อนข้างสูงถึง 4 – 6 พันบาทต่อคู่ ทำให้พี่หมอตัดสินใจที่จะสร้างและออกแบบรองเท้าแตะขึ้นมาใช้เองหลายต่อหลายรุ่น พร้อมด้วยแนวคิดที่ว่า “รองเท้าแตะมันต้องเป็นภาระของเท้าให้น้อยที่สุด”

จนมีนักวิ่งจำนวนไม่น้อยเริ่มหันมาสนใจรองเท้าแตะของพี่หมอมากขึ้น ซึ่งในช่วงแรกพี่หมอก็ทำแจก แต่ด้วยความต้องการที่มากขึ้น ทำให้พี่หมอตัดสินใจเปิดวางจำหน่ายรองเท้าแตะอย่างเป็นทางการขึ้นในปี 2019 ซึ่งรองเท้าแตะเหล่านี้ก็ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยพี่หมอและทีมงาน

พี่หมอเปิดวางจำหน่ายรองเท้าแตะอย่างเป็นทางการขึ้นในปี 2019 ซึ่งรองเท้าแตะเหล่านี้ก็ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยพี่หมอและทีมงาน

จนกลายมาเป็น “แตะพี่หมอ” หรือ “Chiangmai Running Sandal” ที่เราได้รู้จักกันในปัจจุบัน

ตราโลโก้แตะพี่หมอ ที่เป็นรูปเท้าที่มีเส้นรูปตัว M อยู่ด้านใน ซึ่งทางพี่หมออธิบายว่า “นี่ไม่ใช่เส้นรูปตัว M แต่เป็นรูปคลื่นหัวใจ”

ซึ่งหนึ่งในทีมงานคนสำคัญของแตะพี่หมอ นั่นก็คือ “คุณอดิศร ยงศรีเกษตร” (Adisorn yongsrikaset) หรือ “อาจารย์โจ้” นั่นเอง

“คุณอดิศร ยงศรีเกษตร” หรือ “อาจารย์โจ้” หนึ่งในทีมงานคนสำคัญของแตะพี่หมอ

อาจารย์โจ้ #ดดด (แดงดันดอย) ชายผู้เสพติดการวิ่ง

คุณโจ้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการออกวิ่งครั้งแรกว่า “ผมเริ่มต้นการวิ่งเนื่องจากต้องการลดความอ้วน ซึ่งช่วงแรกๆ วิ่งแค่ 4 รอบสนามกีฬาก็เหนื่อยแล้วครับ และเมื่อก่อนก็เป็นหนึ่งในนักวิ่งที่สวมใส่รองเท้าวิ่งผ้าใบ แต่พอวิ่งมากๆ เข้าก็เกิดอาการเอ็นต้นขาด้านข้างอักเสบ (IT Band) เหมือนกับพี่หมอ”

อาจารย์โจ้ #ดดด (แดงดันดอย) ชายผู้เสพติดการวิ่ง

“ผมจึงหันมาวิ่งเท้าเปล่าระยะหนึ่ง ก่อนที่จะมาเจอพี่หมอ ซึ่งพี่หมอได้แนะนำรองเท้าแตะให้ลองใส่ เพราะบางสนามมันไม่ปลอดภัยสำหรับการวิ่งเท้าเปล่า จากนั้น ก็วิ่งต่อมาเรื่อยๆ จนติดวิ่ง ซ้อมวิ่งขึ้นดอยสุเทพเกือบทุกเช้า และรักในการวิ่งจนถึงทุกวันนี้ครับ”

พี่หมอได้แนะนำรองเท้าแตะให้ลองใส่ เพราะบางสนามมันไม่ปลอดภัยสำหรับการวิ่งเท้าเปล่า จากนั้น ก็วิ่งต่อมาเรื่อยๆ จนรักในการวิ่งจนถึงทุกวันนี้ครับ– โจ้ อดิศร

และโดยปกติ คุณโจ้จะเป็นนักวิ่งที่ชื่นชอบในการสวมใส่กางเกงและหมวกสีแดง ทำให้เกิดเป็นอัตลักษณ์เด่นที่ผู้คนต่างพากันจำจด ประกอบกับเป็นนักวิ่งที่ชอบวิ่งขึ้นดอย จึงได้เกิดเป็นแคปชั่น #ดดด ที่ย่อมาจาก “แดงดันดอย” นั่นเอง

คุณโจ้ นักวิ่งที่ชื่นชอบในการสวมใส่กางเกงและหมวกสีแดง ทำให้เกิดเป็นอัตลักษณ์เด่น ประกอบกับเป็นนักวิ่งที่ชอบวิ่งขึ้นดอย จึงได้เกิดเป็นแคปชั่น #ดดด ที่ย่อมาจาก “แดงดันดอย”

ในด้านของการฝึกซ้อม คุณโจ้เล่าว่า “ผมไม่ได้ซ้อมทุกวันครับ แต่ปกติจะวิ่ง 10 กม. ประมาณ 4 วัน ต่อสัปดาห์ และในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดก็จะออกยาวหน่อย ประมาณ 25 – 50 กม. เน้นวิ่งเทรลครับ และที่ไม่ได้ซ้อมทุกวันเพราะบางวันยุ่งทำรองเท้า ส่งรองเท้า ส่งเสื้อ เลยไม่ได้วิ่งครับ”

โดยความเร็วในการวิ่งของคุณโจ้สำหรับการวิ่งซ้อมประจำวันจะอยู่ที่ เพซ 5:30 – 6:00 นาทีต่อกม. และในวันฝึกซ้อมทำความเร็วแบบ Tempo จะอยู่ที่เพซ 4:20 – 4:40 นาทีต่อกม. ซึ่งคุณโจ้ยังบอกอีกว่าถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวและหน้าฝนจะวิ่งเร็วถึงเพซ 4:00 นาทีต่อกม.

สถิติส่วนตัวของคุณโจ้ มีดังนี้

  • 5 กม. (เท้าเปล่า) ➞ 18 นาที
  • 5 กม. (รองเท้าแตะ) ➞ 19 นาที
  • 10 กม. ➞ 38 นาที
  • ฮาล์ฟมาราธอน ➞ 1:28 ชั่วโมง
  • มาราธอน ➞ 3:14 ชั่วโมง
  • 100 กม. ถนน ➞ 11:42 ชั่วโมง ณ งาน Until The Sundown 100K (ในปี 2021) อันดับที่ 5 Overall
  • 109 กม. เทรล ➞ 16:42 ชั่วโมง ณ งานแข่งโป่งแยงเทรล PYT2021 (ในปี 2022) อันดับที่ 4 Overall
การฝึกซ้อมของคุณโจ้จะวิ่ง 10 กม. ประมาณ 4 วัน ต่อสัปดาห์ และในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันหยุดก็จะออกยาวหน่อย ประมาณ 25 – 50 กม. เน้นไปที่การวิ่งเทรล

อาจารย์โจ้กับแตะพี่หมอ เพราะการสร้างเองทั้งหมด มันรู้สึกภูมิใจ

คุณโจ้เล่าเสริมเกี่ยวกับประสบการณ์การวิ่ง 100 กม. ว่า “การจะวิ่ง 100 กม. และยิ่งเป็นรองเท้าแตะ Zero Drop ด้วยแล้ว นอกจากการฝึกซ้อมที่ดี สม่ำเสมอแล้ว จิตใจก็สำคัญมากครับ เพราะการวิ่งด้วยรองเท้าแตะระยะไกลๆ เท้าของเราจะระบมมากกว่าปกติครับ ฉะนั้น ใจสำคัญครับ ต้องเชื่อมั่นในตัวเองและรองเท้าที่ใส่ครับ”

คุณโจ้ ณ งานแข่ง Until The Sundown 100K ซึ่งจบอันดับที่ 5 Overall ด้วยเวลา 11:42 ชั่วโมง

ซึ่งแรงบันดาลใจของคุณโจ้ ในการวิ่ง 100 กม. ไม่มีอะไรมากไปกว่า การพิสูจน์ตัวเองและการประกาศให้ทุกคนรู้ว่า “แตะพี่หมอก็สามารถพาทุกคนไป 100 กม. หรือ 100 ไมล์ ได้ ไม่จำเป็นต้องรองเท้าผ้าใบเสมอไป”

และคุณโจ้ได้เล่าถึงช่วงแรกที่ได้ร่วมงานกับพี่หมอไว้ว่า “จริงๆ ผมไม่ได้หลงไหลในการทำแตะพี่หมอนะ (หัวเราะ) ซึ่งเริ่มแรกแค่ช่วยพี่หมอประกอบสายเท่านั้น แต่พอมาหลังๆ ช่วงที่พี่หมอสร้างรองเท้าแตะแบบชิ้นเดียว (ชิ้นเดียว คือ ไม่ต้องติดกันลื่นแยก ไม่ต้องติดพื้นยึดเกาะ แต่มันหล่อมาจากโรงงาน ซึ่งเป็นบล็อกชิ้นเดียว) ด้วยเหตุนี้ทำให้ลูกค้าสนใจและสั่งจองจะนวนมาก จนพี่หมอไม่สามารถทำคนเดียวทัน”

“คู่ไหนที่ผมจะเอาไปแข่ง ผมก็จะสร้างเองทั้งหมด เพราะมันรู้สึกภูมิใจครับ” – โจ้ อดิศร

“พี่หมอเลยสอนผมทำ ช่วยทุกขั้นตอน จนทำให้ผมติดใจในการทำ อาจเป็นเพราะผมเป็นคนทดสอบรองเท้าแตะด้วย ผมเลยตั้งใจทำเพื่อให้มันออกมาแข็งแรงที่สุด และหลังๆ คู่ไหนที่ผมจะเอาไปแข่ง ผมก็จะสร้างเองทั้งหมด เพราะมันรู้สึกภูมิใจครับ”

พี่โจ้และพี่หมอที่ช่วยกันสร้างรองเท้าแตะพี่หมอให้แก่นักวิ่ง

เสริมเพิ่มเติม

  • แตะพี่หมอในช่วงแรกไม่ได้เป็นแบบชิ้นเดียว แต่จะประกอบไปด้วย 3 ชั้น คือ มีชั้นบนสำหรับกันลื่น พื้นชั้นกลางสำหรับรับแรงกระแทก และพื้นยางหรือดอกยาง แล้วนำมาทากาวและเย็บติดกันอีกที แต่สิ่งที่ได้ออกมาคือ น้ำหนักของรองเท้าแตะที่มากจนเกินไปและทำให้รองเท้าเกิดอาการเครียดจนไม่สามารถยืดหยุ่นหรืองอตัวไปตามรูปเท้าได้
  • ซึ่งสุดท้าย พี่หมอจึงได้พัฒนาและแก้ไขปัญหานี้จนออกมาเป็นรองเท้าแตะแบบชิ้นเดียว ที่สามารถยืดหยุ่นและงอตัวได้ตามการลงเท้าของนักวิ่ง รวมไปถึงมีน้ำหนักที่เบาขึ้นกว่าเดิมมาก
พี่หมอได้พัฒนาและแก้ไขรองเท้าแตะจนออกมาเป็นรองเท้าแตะแบบชิ้นเดียว ที่สามารถยืดหยุ่นและงอตัวได้ตามการลงเท้าของนักวิ่ง รวมไปถึงมีน้ำหนักที่เบาขึ้นกว่าเดิม

ในปัจจุบันรองเท้าแตะพี่หมอ จะมีทั้งหมด 2 รุ่นหลัก คือ รุ่นถนนและรุ่นเทรลไฮบริด ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • รองเท้าแตะพี่หมอรุ่นถนน จะมีความหนาอยู่ที่ 14.5 มม. และมีน้ำหนักอยู่ที่ 160 กรัม ในเบอร์ 8.5 ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 1,390 บาท (จัดส่งฟรี)
  • รองเท้าแตะพี่หมอรุ่นเทรลไฮบริด จะมีความหนาอยู่ที่ 15.5 มม. และมีน้ำหนักอยู่ที่ 220 กรัม ในเบอร์ 8.5 ซึ่งมีราคาอยู่ที่ 1,490 บาท (จัดส่งฟรี)
(ซ้าย) แตะพี่หมอรุ่นถนน และ (ขวา) แตะพี่หมอรุ่นเทรลไฮบริด

โดยคุณโจ้ได้ให้คำอธิบายทั้งสองรุ่นไว้ว่า “รุ่นทางเรียบ บางกว่า ให้ความรู้สึกเหมืองวิ่งเท้าเปล่ากว่า และรุ่นเทรลไฮบริด หนากว่า ทนทานกว่า ซับพอร์ตดีกว่า ส่วนตัวผมชอบรุ่นเทรลไฮบริดมากกว่าครับ ซึ่งถ้าให้แนะนำสำหรับนักวิ่งที่อยากเริ่มใช้รองเท้าแตะพี่หมอ ผมก็จะแนะนำรุ่นเทรลไฮบริดครับ”

นอกจากนี้ แตะพี่หมอจะสามารถเลือกสีพื้นรองเท้า เลือกสายรองเท้า เลือกตัวล็อก และเลือกตัวรองส้นเท้าได้ตามที่ต้องการ ทำให้นักวิ่งจะมีรองเท้าแตะในแบบของตัวเอง

แตะพี่หมอจะสามารถเลือกสีพื้นรองเท้า เลือกสายรองเท้า เลือกตัวล็อก และเลือกตัวรองส้นเท้าได้ตามที่ต้องการ ทำให้นักวิ่งจะมีรองเท้าแตะในแบบของตัวเอง

และในกรณีที่นักวิ่งมีลักษณะเท้าไม่ปกติหรือผิดรูปหนักๆ ทางพี่หมอก็สามารถตัดรองเท้าแตะเฉพาะเท้าให้ได้ แต่ถ้าในกรณีเท้าปกติส่วนใหญ่จะสามารถใช้แตะพี่หมอแบบพื้นมาตรฐานได้เลย

สุดท้าย คุณโจ้กล่าวส่งท้ายว่า “รองเท้าแตะพี่หมอ ผมใช้ดีครับ (ไม่ต้องพันผ้าหรือใส่ถุงเท้า) เป็นเหมือนการฝึกฝนให้มีสมาธิในการวางเท้าและช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น และสำหรับนักวิ่งที่สนใจในรองเท้าแตะพี่หมอ ผมว่า แค่ลองเปิดใจ ก็สามารถวิ่งด้วยรองเท้าแตะได้ แต่แนะนำมือใหม่ ค่อยๆ เพิ่มระยะวิ่งครับ”

“แค่ลองเปิดใจ ก็สามารถวิ่งด้วยรองเท้าแตะได้ แต่แนะนำมือใหม่ ค่อยๆ เพิ่มระยะวิ่งครับ” คุณโจ้กล่าว

และท่านใดที่สนใจรองเท้าแตะพี่หมอสามารถเข้าไปติดตามข่าวสารหรือโปรโมชั่นต่างๆ ได้ที่เพจ FB: แตะพี่หมอ #Chiangmai Running Sandal หรือต้องการสอบถามข้อมูลและความรู้จากอาจารย์โจ้สามารถติดตามได้ที่ FB ส่วนตัว: Joe Adisorn ได้เลยครับ

จบกันไปแล้วนะครับสำหรับบทความแรงบันดาลใจ อาจารย์โจ้ นักวิ่งผู้ทดสอบและอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแตะพี่หมอ รองเท้าแตะวิ่งเจ้าแรกของจังหวัดเชียงใหม่ หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ

สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน

More on this topic

Popular stories

Training Plan