วันนี้เรามารีวิวความคิดเห็นหลังใช้งานรองเท้าวิ่งเทรล Kailas Fuga Ex 2 รองเท้าวิ่งเทรลระยะไกลหนานุ่มที่ถูกปรับปรุงมาใหม่ในปี 2022 นี้ ซึ่งจะมีการปรับปรุงในส่วนใดบ้างและมีเทคโนโลยีภายในอะไรที่น่าสนใจ รวมทั้งให้ความรู้สึกในการวิ่งเป็นอย่างไร เชิญติดตามได้เลยครับ

ประวัติ ข้อมูลและรีวิว Kailas Fuga Ex 2
ต้องย้อนกลับไปอธิบายถึงจุดเริ่มต้นของรองเท้าวิ่งเทรลตระกูล Fuga กันก่อน โดยแนวคิดรองเท้าวิ่งเทรล Kailas ตระกูล Fuga เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงปี 2013 ซึ่งทางทีมออกแบบของแบรนด์ Kailas ได้ค้นพบว่า ณ เวลานั้น นักวิ่งเทรลมีความต้องการรองเท้าวิ่งเทรลเอนกประสงค์ ที่สามารถนำไปใช้งานได้ในทุกสภาพภูมิประเทศและต้องมีการออกแบบที่สามารถปรับกระชับเข้ากับสรีระเท้าของนักวิ่งแต่ละบุคคลได้

ทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาได้ทำการคิดค้นและพัฒนารองเท้าวิ่งเทรลคู่แรกของแบรนด์ที่ใช้เวลานานกว่า 3 ปี ภายใต้ชื่อโครงการที่ถูกเรียกว่า “Fuga” และรองเท้าวิ่งเทรลของแบรนด์ Kailas ที่อยู่ในตระกูล Fuga ทั้งหมดจะถือเป็นรองเท้าวิ่งที่ดีและพรีเมี่ยมที่สุดของทางแบรนด์
ซึ่ง Kailas Fuga 1 ถูกพัฒนาออกมาในปี 2016 แต่เป็นการพัฒนาที่ยังไม่สมบูรณ์มากนัก จนกระทั่งในปี 2017 Kailas Fuga 2 ได้กลายมาเป็นมาตรฐานให้แก่ทางแบรนด์ Kailas และถือเป็นรุ่นแจ้งเกิดให้แก่ทางแบรนด์

หลังจากนั้น ทางแบรนด์ Kailas ได้มีการเปิดตัวรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันทำความเร็วคู่แรกอย่างตระกูล Fuga Pro 1 ในปี 2018 ก่อนที่ต่อมาในปี 2019 Kailas Fuga Pro 2 รุ่นปรับปรุงจะได้กลายมาเป็นหนึ่งในรองเท้าวิ่งเทรลที่ประสบความสำเร็จจากทั้งการคว้ารางวัล ISPO Award Winner และคว้าอันดับที่ 3 ในรายการแข่ง UTMB (ระยะหลัก 171 กม.) โดย Scott Hawker



แต่ด้วยกระแสรองเท้าวิ่งเทรลโลกที่เปลี่ยนไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ในปี 2020 ทางแบรนด์ Kailas ตัดสินใจปรับเปลี่ยนและเสริมทัพรองเท้าวิ่งเทรลตระกูล Fuga เข้ามาใหม่ โดยสามารถแบ่งอย่างเป็นทางการเป็น 3 ตระกูลย่อย ได้แก่
- Kailas ตระกูล Fuga Pro มุ่งเน้นที่การแข่งขันทำความเร็วระยะไกลบนเส้นทางทรุกันดารโดยเฉพาะ (ปัจจุบัน ปี 2022 คือ รุ่น Fuga Pro 4)
- Kailas ตระกูล Fuga EX มุ่งเน้นที่การแข่งขันระยะไกลและความเอนกประสงค์ในการใช้งาน ซึ่งเป็นการรับช่วงต่อและมาแทนที่ตระกูลเดิมอย่าง Fuga 3 ในปี 2019 (ปัจจุบัน ปี 2022 คือ รุ่น Fuga EX 2 และ Fuga EX BOA)
- Kailas ตระกูล Fuga Elite (ชื่อเดิม Fuga Athlete) มุ่งเน้นที่การส่งแรงและทำความเร็วที่ดีที่สุด โดยภายในจะมีการติดตั้งแผ่นคาร์บอนแบบเต็มแผ่น ซึ่งถือเป็นรองเท้าวิ่งเทรลคาร์บอนของแบรนด์ Kailas (ปัจจุบัน ปี 2022 คือ รุ่น Fuga Elite 2)

นอกจากนี้ ในปัจจุบัน ทางแบรนด์ Kailas ในประเทศจีน ยังได้นำ Kailas Fuga 2 รุ่นแจ้งเกิด กลับมาผลิตและวางจำหน่ายอีกครั้ง ภายใต้ชื่อใหม่ที่ถูกเรียกว่า Classic 2 เพื่อให้สาวกนักวิ่งชาว Kailas ได้สะสมและหวนคืนความรู้สึกของวันเก่าๆ

และในส่วนของ Kailas Fuga EX 2 ในปี 2022 ที่ทางเราจะมารีวิวกันในวันนี้จะมีการปรับปรุงจากรุ่นแรกในปี 2020 อยู่ 2 ส่วนหลัก คือ ในส่วนของหน้าผ้าที่เป็นการออกแบบลวดลายและแก้ไขทรงของลิ้นรองเท้า ตำแหน่งเชือกและขอบบริเวณส้นเท้าใหม่ และในส่วนของพื้นชั้นกลางจะมีการปรับความสูงและองศา Rocker บริเวณปลายเท้าใหม่เช่นกัน
รวมทั้ง ทางแบรนด์ Kailas ยังตอกย้ำความเป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่มีความเอนกประสงค์และเหมาะกับนักวิ่งทุกประเภท ด้วยการที่ Kailas Fuga EX 2 จะเป็นรุ่นแรกของแบรนด์ ที่มีทั้งรุ่นหน้าเท้าปกติ และรุ่นหน้าเท้ากว้าง (Wide)
ข้อมูลจำเพาะของ Kailas Fuga EX 2
- น้ำหนัก: 285 กรัม ในไซส์ 42EU ชาย และ 226 กรัม ในไซส์ 38EU หญิง
- น้ำหนักชั่งจริง: 327 กรัม ในไซส์ 45EU ชาย (หรือเทียบเท่ากับไซส์ 11US ของแบรนด์ Hoka One One)
- Offset: 8 มม. (ปลายเท้าสูง 28 มม. และส้นเท้าสูง 36 มม.)
- ดอกยางสูง 4 มม.
- มีทั้งรุ่นหน้าเท้าปกติ และหน้าเท้ากว้าง (Wide)
- ราคา: 5,750 บาท

และบทความรีวิว Kailas Fuga EX 2 ในครั้งนี้จะสามารถแบ่งประเด็นได้ดังนี้
หน้าผ้า (Upper)

หน้าผ้าของ Kailas Fuga EX 2 มาพร้อมกับหน้าผ้า Mesh แบบ 2 ชั้น ที่ประกอบไปด้วย เนื้อผ้าด้านนอกที่เป็นเนื้อผ้า Engineered Mesh แบบตาข่ายที่ระบายอากาศและน้ำได้ดี และเนื้อผ้าด้านในจะเป็นเนื้อผ้า Mesh แบบทอละเอียด
โดยทางแบรนด์ Kailas อย่างที่เคยกล่าวไปว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการป้องกันเศษฝุ่นหรือเศษดินที่จะเข้าไปภายในรองเท้าเป็นอย่างมาก
ซึ่งเนื้อผ้าด้านนอกบริเวณลิ้นรองเท้าจะมีการติดตั้งเนื้อผ้ากันเศษทราย (Sandproof Cover) และเนื้อผ้าด้านในที่เป็นผ้า Mesh แบบทอละเอียดจะมีการตัดเย็บให้ลิ้นรองเท้าเชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันกับหน้าผ้า เสมือนเป็นผ้าชิ้นเดียว (ซึ่งเรียกว่า Gusseted Tongue) ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้ ทำให้หน้าผ้าสามารถช่วยป้องกันเศษฝุ่นหรือเศษดินที่จะเข้าไปภายในรองเท้าได้เป็นอย่างดี

ในส่วนของลิ้นรองเท้าจะเป็นวัสดุนีโอพรีน (Neoprene) คล้ายกับชุดว่ายน้ำ ที่มีลักษณะเรียบลื่น นุ่มกำลังดี และจะมาพร้อมกับช่องเก็บเชือกด้านใน โดยปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในลิ้นรองเท้าของแบรนด์ Kailas ในรองเท้ารุ่นเก่า เช่น รุ่น Fuga Pro 3 หรือ Fuga EX รุ่นแรก คือ ทรงลิ้นรองเท้าที่ตัดเป็นรูปทรงภูเขา ที่ขณะวิ่งข้อเท้าจะไปดันยอดภูเขาที่ลิ้น ส่งผลให้ลิ้นรองเท้าอ้าออกจากข้อเท้า ซึ่งเศษฝุ่นหรือดินเล็กๆ จะสามารถหลุดลอดเข้าไปภายในรองเท้าจากบริเวณนี้
แต่ใน Kailas Fuga EX 2 จะมีการแก้ปัญหานี้แล้ว โดยเป็นการออกแบบทรงของลิ้นรองเท้าใหม่ให้โค้งและแนบสนิทกับข้อเท้าของนักวิ่งมากขึ้น ทำให้เศษฝุ่นหรือเศษดินเข้าไปภายในรองเท้าได้ยากขึ้นกว่าเดิมมาก

ประกอบกับการปรับปรุงขอบบริเวณส้นเท้า (Heel Collar) ใหม่ ที่เป็นการปรับทรงให้เข้ารูปและโอบกระชับกับข้อเท้าและเอ็นร้อยหวายมากขึ้น รวมทั้งมีการบุฟองน้ำที่หนาขึ้นกว่าเดิม ทำให้สามารถช่วยเพิ่มความสบายในการสวมใส่และยังช่วยป้องกันเศษฝุ่นหรือเศษดินที่จะเข้าไปภายในรองเท้าได้อีกด้วย

ทำให้โดยรวมแล้ว Kailas Fuga EX 2 แทบไม่มีความจำเป็นต้องติดตั้งถุงกันกรวด (Gaiters) เพิ่มเติมเลย ซึ่งต่างจากรุ่น Fuga Pro 3 และ Fuga EX รุ่นแรก ที่เศษฝุ่นและเศษดินจะเข้าไปในรองเท้าได้ง่ายกว่า
แต่สำหรับนักวิ่งที่ต้องการติดตั้ง Gaiters เพิ่มเติม ตัวรองเท้าจะยังคงมาพร้อมกับหูยึด Gaiter แบบ 4 จุด ที่เป็นสิทธิ์บัตรเฉพาะของแบรนด์ Kailas

ในส่วนของเชือกยังคงมาพร้อมกับระบบรัดเชือก AWS (Adjust Whole Sole) หรือระบบเชือก Quick Lace แบบ 2 ชุด ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ โดยถูกเรียกว่า AWS 3.0 หรือรุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นการย้ายตัวปรับเชือกบริเวณปลายเท้าให้ลงมาต่ำกว่ารุ่นเดิม 1 ซม. ทำให้สามารถปรับความกระชับบริเวณหน้าเท้าได้ดียิ่งขึ้น


รวมทั้งยังมีการขยายความกว้างของฐานเชือกรูแรกให้กว้างขึ้น ซึ่งเข้ามาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักวิ่งหน้าเท้าเรียวในรุ่นก่อนๆ ที่เวลาดึงเชือกเข้ามาแล้วหน้าผ้าจะย่นและทับจนเป็นปมแข็งๆ ทำให้มีอาการหน้าผ้ากดทับบริเวณหน้าเท้า แต่ Kailas Fuga EX 2 ฐานของเชือกรูแรกจะกว้างขึ้น ทำให้มีพื้นที่เฉลี่ยในการย่นเพิ่มขึ้น จนไม่มีอาการทับเป็นปมแข็งๆ อีกต่อไป
นอกจากนี้ ตัวรองเท้ายังคงมาพร้อมกับตะขอปลดเชือกเร็ว (Lace Hook) ไว้สำหรับกรณีต้องถอดรองเท้าแบบเร่งด่วน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าเดินป่า

และในส่วนเนื้อผ้า Engineered Mesh แบบตาข่ายภายนอกจะมีการสกรีนโครงฟิลม์ TPU แข็งรอบตัวรองเท้า รวมถึงบริเวณ Toe Bumper ที่ทำหน้าที่ช่วยปกป้องเท้าและเพิ่มความกระชับให้แก่หน้าผ้า และในส่วนของ Heel Counter จะเป็นพลาสติกแข็งและหนารอบส้นเท้า ทำให้สามารถช่วยประคองและปกป้องบริเวณส้นเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้จะมีการสกรีนคำนิยามอย่าง “Running is a sport where you compete against yourself” หรือ “การวิ่งเป็นกีฬาที่คุณต้องแข่งขันกับตัวคุณเอง”



และสิ่งที่ต้องกล่าวถึงอีกประการคือ ในเรื่องทรงของหน้าเท้า (Toe Box Shape) ที่ถูกออกแบบให้เป็นทรงรูปเท้าของนักวิ่งมากขึ้น โดยมีความกว้างและโค้งเข้ารูปกับเท้ากว่าในอดีต ซึ่งเมื่อเทียบกับรุ่น Fuga Pro 3 ที่มีลักษณะคล้ายกับทรงขวดน้ำ ก็ถือว่า Kailas Fuga EX 2 ออกแบบมาได้ดีกว่ามาก

ในด้านความรู้สึกหลังสวมใส่ ต้องกล่าวกันก่อนว่า โดยส่วนตัวแล้ว ทางเราชื่นชอบแนวคิดระบบเชือก Quick Lace แบบ 2 ชุด มาตั้งแต่แรกแล้ว แต่รุ่นในอดีตก็ต้องยอมรับว่าออกแบบมาได้ไม่ดีนักและมีจุดให้แก้ไขเล็กๆ น้อยๆ แต่ในปี 2022 นี้ หน้าผ้าของ Kailas Fuga EX 2 ถือได้ว่าออกแบบและปรับปรุงมาได้ดีมาก
มีการแก้ไขจุดตำหนิต่างๆ ได้อย่างครบครัน โดยเป็นหน้าผ้าที่สามารถระบายอากาศและระบายน้ำได้อย่างดีเยี่ยม สวมใส่สบาย ล็อคบริเวณส้นเท้าได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการส้นรูด และไม่มีอาการหน้าผ้ากัดเท้า รวมทั้งมีความทนทานและสามารถปกป้องเท้าได้ดีเป็นอย่างมาก


โดยอธิบายกันตามตรงว่า หน้าผ้าของ Kailas Fuga EX 2 ถือเป็นหนึ่งในหน้าผ้าที่ดีที่สุดคู่หนี่งที่ทางเราเคยสวมใส่มาเลยก็ว่าได้
เสริมเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเก็บเชือกที่บริเวณลิ้นรองเท้า โดยหากอ้างอิงตามภาพอย่างเป็นทางการของแบรนด์ Kailas วิธีการเก็บเชือกที่ถูกต้อง คือ ต้องเก็บหัวของ Quick Lace เข้าไปภายในลิ้นรองเท้าด้วย แต่โดยส่วนตัวแล้วทางเราเลือกที่จะเก็บเฉพาะเชือกเข้าไปเท่านั้น เนื่องจากการเก็บทั้งหัว Quick Lace จะทำให้ลิ้นรองเท้าหนาและรู้สึกกดบริเวณหลังเท้า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละท่านด้วย

พื้นชั้นกลาง (Midsole)

Kailas Fuga EX 2 มาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง ECCEVAI ซึ่งเป็นวัสดุ EVA สูตรของทางแบรนด์ Kailas เอง โดยทางแบรนด์กล่าวว่า “ECCEVAI มีน้ำหนักที่เบากว่าและส่งแรงได้ดีกว่าวัสดุ EVA ทั่วไป ถึง 20 เปอร์เซ็นต์”
โดยตามข้อมูล Kailas Fuga EX 2 จะมีการปรับความสูงพื้นชั้นกลางใหม่ โดย
- Kailas Fuga EX 2 มีปลายเท้าสูง 28 มม. และส้นเท้าสูง 36 มม. (Drop 8 มม.)
- Kailas Fuga EX 1 มีปลายเท้าสูง 27 มม. และส้นเท้าสูง 37 มม. (Drop 10 มม.)
และองศาพื้นชั้นกลางบริเวณปลายเท้าของ Kailas Fuga EX 2 จะถูกปรับให้ชันขึ้นมาอีก 5 องศา เพื่อช่วยให้การวิ่งเป็นไปอย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น




นอกจากนี้ บริเวณส้นเท้าด้านในจะมีการเสริมแผ่นโฟม EVA ที่มีความหนาแน่นสูงเข้ามา เพื่อทำให้บริเวณส้นเท้ามีความเสถียรมากยิ่งขึ้นและไม่ยวบเสียแรง ทำให้ความรู้สึกโดยรวม บริเวณส้นเท้าจะให้ความรู้สึกที่แน่นกว่าบริเวณปลายเท้า
ในส่วนของแผ่นรองรองเท้า (Insole) จะมาพร้อมกับแผ่นรองลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ Kailas ที่มีชื่อว่า “Kort Insole” ซึ่งเป็นแผ่นรองวัสดุ Open Cell PU หรือ วัสดุเดียวกับแผ่นรองของแบรนด์ OrthoLite แต่แผ่นรอง Kort จะมีความแน่นและเฟิร์มกว่าแผ่นรอง OrthoLite

ในด้านความรู้สึกหลังสวมใส่ พื้นชั้นกลางของ Kailas Fuga EX 2 ให้ความรู้สึกนุ่มแน่น ไม่ยวบ และส่งแรงได้ดี วิ่งแล้วส้นเท้าไม่จมจนเสียแรง ทำให้การวิ่งมีความเสถียร ประหยัดแรงและลื่นไหล
และฐานของรองเท้าที่กว้างกำลังดีและไม่กว้างมากจนเกินไป ทำให้รองเท้าคู่นี้มีความคล่องตัวบนเส้นทางทรุกันดาร รวมทั้งบริเวณส้นเท้าจะมีการผ่าแยกโฟมออกเป็นสองฝั่ง เพื่อช่วยลดการพลิกของรองเท้าขณะเหยียบไปโดนหินก้อนลอย ประกอบกับองศา Rocker บริเวณส้นเท้าที่ชันขึ้น ทำให้บริเวณปลายส้นเท้าไม่เผลอไปเกี่ยวหรือสัมผัสกับหินแบบไม่ตั้งใจ


ในส่วนขององศา Rocker บริเวณปลายเท้าจะเริ่มโค้งขึ้นจากบริเวณด้านหน้าของจมูกเท้า (Ball of Foot) ทำให้ Kailas Fuga EX 2 คุมรองเท้าขณะวิ่งลงเขาหรือเบรกตัวได้ค่อนข้างง่าย เนื่องจากมีช่วงให้หยุดตัวก่อนถึงบริเวณปลายเท้าที่จะโรลเท้าออกไป
ซึ่งจะต่างจาก Hoka One One ตระกูล Speedgoat ที่จะเริ่มโค้งขึ้นตั้งแต่บริเวณด้านหลังของจมูกเท้า ทำให้พอลงเท้าถึงบริเวณกลางเท้า ตัวของ Speedgoat จะเตรียมโรลเท้าออกไปด้านหน้าในทันที ส่งผลให้การวิ่งลงเขาชันๆ จะหยุดตัวได้ยากกว่า

เสริมเพิ่มเติม พื้นชั้นกลาง ECCEVAI ยังคงเป็นพื้นชั้นกลางที่ต้องนำไปวิ่งเก็บระยะเพื่อให้เนื้อโฟมเริ่มเข้าที่ (Break-in Period) โดยประมาณจะอยู่ที่ 30 – 40 กม. ซึ่งจะทำให้โฟมเริ่มมีความนุ่มและมีความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น ฉะนั้น รองเท้า Kailas Fuga EX 2 หลังออกจากกล่องก็จำเป็นต้องนำไปใช้สักระยะเพื่อให้พื้นชั้นกลางเริ่มเข้าที่ก่อนนำไปใช้งานในสนามแข่งจริงเสมอ
ดอกยาง (Outsole)

Kailas Fuga EX 2 มาพร้อมกับดอกยาง Vibram Megagrip เต็มตลอดทั้งพื้น ซึ่งถือเป็นเนื้อดอกยางที่เป็นเสมือนบรรทัดฐานของดอกยางในรองเท้าวิ่งเทรลยุคปัจจุบัน ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของการยึดเกาะพื้นและความทนทานในการใช้งานที่สูงมาก
ในส่วนลักษณะลายดอกยางจะเป็นลายดอกยางสิทธิบัตรเฉพาะที่ทางแบรนด์ Kailas ออกแบบร่วมกับแบรนด์ Vibram ซึ่งทั้งในรุ่น Fuga EX 1 และ Fuga EX 2 จะเป็นดอกยางลายเดียวกัน โดยมีความสูงของดอกยางอยู่ที่ 4 มม.

และทางแบรนด์ Kailas จะมีการยกขอบด้านข้างของดอกยางทั้งสองด้านให้โค้งขึ้น 3 องศา โดยทางแบรนด์ Kailas ให้เหตุผลว่า การทำให้ดอกยางโค้งขึ้นจะช่วยเพิ่มหน้าสัมผัสระหว่างดอกยางกับพื้นผิวของถนน และช่วยลดแรงที่จะกระทำต่อเท้า ซึ่งมีผลช่วยลดอาการบาดเจ็บของเท้าจากการวิ่งในระยะไกล
นอกจากนี้ พื้นยางจะมีการขึ้นรูปเป็นร่อง (Flex Lines) เพื่อช่วยให้พื้นรองเท้าสามารถปรับตัวไปตามพื้นผิวที่ไม่เรียบได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งบริเวณส้นเท้าจะมีการผ่าแบ่งเนื้อดอกยางออกเป็นเป็นสองฝั่ง เพื่อช่วยลดการพลิกของรองเท้าขณะเหยียบไปโดนหินก้อนลอย

และจุดเด่นของลักษณะลายดอกยางอีก 2 ประการของ Kailas Fuga EX 2 คือ
- ดอกยางขอบนอกด้านข้าง ที่ถูกออกแบบให้วางอยู่ในแนวตั้ง ทำให้สามารถช่วยป้องกันการลื่นไถลหรือสไลด์ด้านข้าง ขณะวิ่งบนทางดินโคลนที่เปียกแฉะ
- ดอกยางบริเวณกลางเท้า ที่ถูกออกแบบให้มีความสูงไม่เท่ากัน โดยบริเวณอุ้งเท้าด้านในดอกยางจะสูงเต็ม แต่อุ้งเท้าด้านนอกจะถูกตัดเนื้อดอกยางออกไป โดยการออกแบบลักษณะนี้จะช่วยให้อุ้งเท้าด้านในของเท้านักวิ่งไม่ล้มหรือช่วยลดการทำงานของอุ้งเท้าขณะวิ่ง ทำให้ในการวิ่งในระยะทางไกลจะช่วยลดอาการล้าของเท้า

เสริมเพิ่มเติม การออกแบบที่ช่วยลดอาการล้าของเท้าในรองเท้าวิ่งเทรลระยะไกลสามารถออกแบบได้หลายแบบ เช่น แบรนด์ Salomon จะเป็นการเสริมโฟมแข็งเข้ามาที่บริเวณอุ้งเท้า (หรือ Medial Post) ลักษณะเดียวกับการแก้เท้าล้มของนักวิ่งเท้าแบน (ถูกใช้ใน Salomon S/LAB Ultra ทุกรุ่น) หรือผ่าแบ่งพื้นตามสรีระเท้าอย่างตระกูล Predict (ถูกใช้ใน Salomon Ultra Glide)
สรุปโดยรวม

Kailas Fuga EX 2 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการวิ่งเทรลระยะทางไกล (0 – 170 กม.) หรือระยะทางที่ไกลกว่านั้น ที่สามารถนำไปใช้งานได้ในทุกสภาพภูมิประเทศ
โดยทางเราจะให้ความคิดเห็นเปรียบเทียบกับรองเท้าวิ่งเทรล 3 รุ่น ในกลุ่มระยะไกลหนานุ่ม ซึ่งจะมีเอกลักษณ์เด่นในแต่ละคู่ต่างกันไป ดังต่อไปนี้ (แบ่งตามระดับความนุ่ม)
- Hoka One One EVO Speedgoat (นุ่มที่สุด)

พื้นชั้นกลาง Hoka One One EVO Speedgoat ให้ความรู้สึกที่นุ่มมาก ยุบเด้ง ยวบตลอดทั้งพื้นชั้นกลาง เหมือนวิ่งสนุก
แต่ก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เสถียรมากนักจากโฟมที่นุ่มมาก และเมื่อวิ่งไปสักระยะจะรู้สึกว่าเท้าล้าจากการที่โฟมยุบได้ง่ายตลอดทั้งพื้น ซึ่งทางเราเป็นนักวิ่งเท้าแบน (Overpronators) ทำให้รองเท้าคู่นี้เป็นหนึ่งในรองเท้าที่ส่วนตัวใช้งานแล้วเกิดอาการเจ็บ Shin Splints ด้านใน จากการที่โฟมยุบตัวไปมาตลอดการวิ่ง
ประกอบกับฐานของรองเท้าที่กว้างมาก ทำให้รองเท้าขาดความคล่องตัวบนเส้นทางทรุกันดาร และฐานโฟมที่กว้างมักจะไปสัมผัสกับหินแบบไม่ตั้งใจ ทำให้ข้อเท้าพลิกได้ แต่พื้นโฟมที่นุ่มมากก็พอที่ช่วยยุบเก็บหินก้อนลอยเล็กๆ เข้าไปใต้พื้น ซึ่งช่วยให้รองเท้าไม่พลิกมากจนเกินไปได้
โดยรวม Hoka One One EVO Speedgoat จะเหมาะกับเส้นทางเทรลที่มีอุปสรรคไม่มาก การวิ่งลงเขาและทางเรียบถือเป็นจุดเด่นของตระกูล Speedgoat ที่นุ่มและซับแรงได้ดีมาก แต่การที่บริเวณปลายเท้านุ่มมากด้วย จะทำให้รู้สึกเสียแรงยันตัวขณะวิ่งขึ้นเขา
- Hoka One One Speedgoat 4

พื้นชั้นกลางของ Hoka One One Speedgoat 4 ให้ความรู้สึกนุ่มแน่น เสถียร มีเนื้อ คล้ายกับ Kailas Fuga EX 2 แต่ Hoka Speedgoat 4 จะมีความนุ่มที่มากกว่าและนุ่มตลอดทั้งพื้น (ซึ่งส้นเท้าไม่ได้แน่นเฟิร์มเหมือน Fuga EX 2)
แต่ด้วยฐานรองเท้าของ Hoka Speedgoat 4 ที่กว้างมากเป็นพิเศษ กว้างกว่า EVO Speedgoat เล็กน้อย ทำให้รองเท้าขาดความคล่องตัวบนเส้นทางทรุกันดาร และฐานโฟมที่กว้างมักจะไปสัมผัสกับหินแบบไม่ตั้งใจ ทำให้ข้อเท้าพลิกได้ แต่ก็เช่นเดียวกันกับรุ่น EVO Speedgoat ที่พื้นโฟมที่นุ่มจะสามารถยุบเก็บหินก้อนลอยเล็กๆ เข้าไปใต้พื้น ซึ่งช่วยให้รองเท้าไม่พลิกมากจนเกินไปได้
โดยรวม Hoka One One Speedgoat 4 จะมีพื้นชั้นกลางที่มีความแน่นกว่ารุ่น EVO Speedgoat (แต่ไม่แน่นหนึบเท่า Kailas Fuga EX 2) ทำให้การวิ่งขึ้นเขาชันและทางเรียบ Speedgoat 4 จะทำได้ดีกว่า EVO Speedgoat อย่างไรก็ตาม ตระกูล Speedgoat ก็ยังคงเหมาะกับเส้นทางเทรลที่มีอุปสรรคไม่มาก และการวิ่งลงเขาและทางเรียบยังเป็นจุดเด่นหลักในการใช้งาน
ซึ่งในส่วนดอกยางของทั้งรุ่น EVO Speedgoat และ Speedgoat 4 เป็นดอกยาง Vibram Megagrip เช่นเดียวกับ Kailas Fuga EX 2 แต่ดอกยางของ EVO Speedgoat และ Speedgoat 4 ไม่มีการออกแบบดอกยางสำหรับป้องกันการลื่นสไลด์ด้านข้างในการวิ่งบนเส้นทางดินโคลนเปียกแฉะ ทำให้ Kailas Fuga EX 2 สามารถใช้งานบนเส้นทางดินโคลนเปียกแฉะได้ดีกว่า
- Salomon Ultra Glide (นุ่มเฟิร์มที่สุด)

Salomon Ultra Glide รองเท้าวิ่งเทรลที่ดีที่สุดของปีที่ผ่านมา โดยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือ เป็นรองเท้าวิ่งเทรลหน้าเฟิร์มส้นเท้านุ่ม ที่ออกแบบมาเพื่อการวิ่งขึ้นและลงเขาโดยเฉพาะ ซึ่งบริเวณปลายเท้าที่เฟิร์มจะทำให้การวิ่งขึ้นเขามีความประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก และบริเวณส้นเท้าที่นุ่มก็ช่วยซับแรงกระแทกได้ดีขณะวิ่งลงเขา
และภายในมีการผ่าพื้นตามสรีระเท้า ที่ช่วยลดอาการล้าของเท้าในการวิ่งในระยะทางไกลและทำให้พื้นสามารถปรับตัวไปบนเส้นทางทรุกันดารได้เป็นอย่างดี ประกอบกับฐานของรองเท้าที่แคบกว่าตระกูล Speedgoat ก็ช่วยให้รองเท้ามีความเสถียรและคล่องตัวในทางทรุกันดาร
แต่ Salomon Ultra Glide ก็ถือว่ามีพื้นชั้นกลางบริเวณปลายเท้าที่บางที่สุดในบรรดาทั้ง 3 รุ่น ทำให้การวิ่งบนทางดินเรียบ ปลายเท้าที่เฟิร์มจะทำให้รู้สึกว่าโฟมบริเวณปลายเท้าไม่ได้ช่วยยุบหรือช่วยซับแรง และดอกยาง Contagrip แม้ว่าจะโดดเด่นในเรื่องของน้ำหนักที่เบา แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความทนทานที่ไม่เท่ากับดอกยาง Vibram Megagrip
โดยรวม Salomon Ultra Glide เป็นรองเท้าวิ่งเทรลหนานุ่มที่เหมาะเป็นอย่างมากกับการใช้บนเส้นทางที่มีการวิ่งขึ้นและลงเขาชัน และสามารถใช้งานบนทางทรุดันดารได้ดี แต่ดอกยางจะเป็นรองในด้านของความทนทานเมื่อเทียบกับดอกยาง Vibram Megagrip
ในส่วนของ Kailas Fuga EX 2 จะเป็นรองเท้าวิ่งเทรลหนานุ่มที่มีความสมดุลและเอนกประสงค์ โดยพื้นชั้นกลางจะมีความแน่นกว่า Hoka Speedgoat 4 ทำให้การวิ่งขึ้นเขาทำได้ดีกว่าตระกูล Speedgoat
และบริเวณปลายเท้าที่ไม่เฟิร์มแน่นเหมือนกับ Salomon Ultra Glide ก็ทำให้มีความสมดุลระหว่างการช่วยซับและส่งแรงในการวิ่งทางเรียบ หรือก็คือบริเวณปลายเท้าไม่ยวบเหมือน Hoka ตระกูล Speedgoat แต่ก็ไม่ได้แข็งแบบ Salomon Ultra Glide

ซึ่งหากนักวิ่งที่เคยใช้ Hoka Speedgoat 4 แล้วรู้สึกนุ่มหรือยวบเกินไป Kailas Fuga EX 2 จะให้ความรู้สึกที่นุ่มแน่น ติดเท้า วิ่งสนุกมากกว่า
ประกอบกับฐานรองเท้าของ Kailas Fuga EX 2 ที่มีความแคบที่สุดในบรรดาทั้ง 3 รุ่น ทำให้รองเท้ามีความคล่องตัวในการวิ่งบนทางทรุกันดาร และส้นเท้าที่นุ่มเฟิร์มก็ช่วยเพิ่มความเสถียรและมั่งคงให้เท้าในการวิ่งในระยะทางไกล

และสิ่งที่โดดเด่นเป็นอย่างมากของ Kailas Fuga EX 2 คือ หน้าผ้าที่ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติต่างๆ เช่น การปรับกระชับที่ละเอียด การระบายอากาศและน้ำที่ดี และความสวมใส่สบาย รวมไปถึงความทนทานและการปกป้องเท้าที่ดีเยี่ยม
สุดท้าย การเลือกรองเท้าวิ่งเทรลก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและความชื่นชอบของนักวิ่งแต่ละท่านด้วยนะครับ

ข้อมูลจำเพาะความสูงของพื้นชั้นกลาง (ตามข้อมูลจากทางแบรนด์)
- Kailas Fuga EX 2 มีปลายเท้าสูง 28 มม. และส้นเท้าสูง 36 มม. (Drop 8 มม.)
- Hoka One One EVO Speedgoat มีปลายเท้าสูง 28 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม. (Drop 4 มม.)
- Hoka One One Speedgoat 4 มีปลายเท้าสูง 28 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม. (Drop 4 มม.)
- Salomon Ultra Glide มีปลายเท้าสูง 26 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม. (Drop 6 มม.)
ความกว้างฐานของรองเท้า (วัดจริง: ไซส์แต่ละรุ่นอาจจะไม่ตรงกัน)
- Kailas Fuga EX 2 มีปลายเท้ากว้าง 11.65 ซม. และส้นเท้ากว้าง 8.8 ซม. (ไซส์ 11US)
- Hoka One One Speedgoat 4 มีปลายเท้ากว้าง 12.2 ซม. และส้นเท้ากว้าง 10 ซม. (ไซส์ 10US)
- Hoka One One EVO Speedgoat มีปลายเท้ากว้าง 11.75 ซม. และส้นเท้ากว้าง 9.9 ซม. (ไซส์ 10.5US)
- Salomon Ultra Glide มีปลายเท้ากว้าง 11.2 ซม. และส้นเท้ากว้าง 9.4 ซม. (ไซส์ 11US)
และในบทความนี้ต้องขอขอบคุณทาง Kailas Thailand ที่ส่งรองเท้าวิ่งเทรล Kailas Fuga EX 2 มาให้ทางเราทดสอบกันนะครับ และในส่วนของรีวิวผ่าเต็มๆ จะออกมากันอีกทีนะครับ

ส่วนนักวิ่งท่านใดที่สนใจในรองเท้าวิ่งเทรล Kailas Fuga EX 2 และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากแบรนด์ Kailas สามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ Kailas Thailand หรือ FB: Kailas TH
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน