วันนี้เราจะมาพรีวิวและอธิบายถึงประวัติและเทคโนโลยีต่างๆ ของ Kailas Fuga Pro 3 รองเท้าวิ่งเทรลตัวแข่งระยะไกลสัญชาติจีน ที่ได้สร้างผลงานในสนามแข่งระดับโลกมากมาย รวมไปถึงความรู้สึกหลังจากการใช้งาน ซึ่งจะน่าสนใจเพียงใด เชิญติดตามได้เลยครับ

ประวัติรองเท้าวิ่งเทรล Kailas ตระกูล Fuga

จุดเริ่มต้นของรองเท้าวิ่งเทรล Kailas ตระกูล Fuga ต้องย้อนกลับไปในปี 2013 หลังจากการเริ่มก่อตั้งแบรนด์ Kailas เป็นเวลากว่า 10 ปี จากผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและอุปกรณ์สำหรับปีนเขา พวกเขาได้ตระหนักถึงความต้องการที่มีเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มนักวิ่งเทรลที่ต้องการรองเท้าวิ่งเทรลเอนกประสงค์ ที่สามารถนำไปใช้งานได้ในทุกสภาพภูมิประเทศ
และช่วง ณ เวลานั้น กระแสความนิยมแบบ Custom Fit ที่เน้นการออกแบบให้เหมาะกับสรีระของแต่ละบุคคลกำลังเป็นที่นิยม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมออกแบบของแบรนด์ Kailas ได้เล็งเห็นว่า หน้าผ้าของรองเท้าวิ่งเทรลที่ดีควรจะต้องสามารถปรับความกระชับเข้ากับรูปเท้าที่แตกต่างกันในนักวิ่งแต่ละคนได้

ทำให้นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาได้ทำการคิดค้นและพัฒนารองเท้าวิ่งเทรลคู่แรกของแบรนด์ที่ใช้เวลานานกว่า 3 ปี ภายใต้ชื่อโครงการที่ถูกเรียกว่า “Fuga”
และ Kailas Fuga 1.0 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่เมื่อมองจากภายนอกแล้วเป็นเพียงรองเท้าที่มาพร้อมกับเชือกแบบ Quick Lace เท่านั้น แต่สิ่งที่ทีมออกแบบของแบรนด์ Kailas ได้นำเสนอลงไปในรองเท้ารุ่นแรก นั่นคือ เชือกที่มีความยาวลงไปถึงบริเวณนิ้วโป้งเท้า ที่ทำให้ผู้สวมใส่สามารถปรับความกระชับในแต่ละส่วนของเท้าได้อย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ พวกเขายังได้ติดตั้งตะขอปลดเชือกเร็ว (Lace Hook) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรองเท้าเดินป่า รวมทั้งมาพร้อมกับดอกยาง Vibram MegaGrip เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารองเท้ารุ่นแรกนี้จะสามารถนำไปใช้งานได้ในทุกสภาพภูมิประเทศ
และต่อมาในปี 2017 แบรนด์ Kailas ได้เปิดตัว Kailas Fuga 2.0 ที่ถูกปรับปรุงจากรุ่นแรกในส่วนของหน้าผ้าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นยังไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความกระชับของรองเท้าได้ดีนัก

ทำให้ภายในปีเดียวกันนี้เอง ที่ Kailas Fuga 2.0+ ได้ถูกพัฒนาต่อยอดขึ้น ซึ่งในครั้งนี้มาพร้อมกับระบบเชือก Quick Lace แบบ 2 ชุด ที่สามารถปรับกระชับได้ทั้งบริเวณหน้าเท้าและหลังเท้า ซึ่งเป็นการเข้ามาปรับปรุงในเรื่องของความกระชับในสองรุ่นแรกที่มี Quick Lace เพียงชุดเดียว
และถือได้ว่าเป็นรองเท้าวิ่งเทรลแบรนด์แรกของโลกที่ใช้ระบบเชือก Quick Lace แบบ 2 ชุด ซึ่งภายในปี 2017 นี้ ทางแบรนด์ Kailas ได้นำระบบเชือกนี้เข้าจดสิทธิ์บัตร ภายใต้ชื่อที่ถูกเรียกอย่างเป็นทางการว่า “AWS (Adjust Whole Sole) 2.0 System”
นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่ Kailas Fuga 2.0+ ได้รับการติดตั้งเพิ่มเข้ามา คือในส่วนของแถบเนื้อผ้ากันเศษทราย (Sandproof Cover) บริเวณหน้าผ้ากลางเท้า ที่ทำหน้าที่ป้องกันเศษหินและเศษทรายขนาดเล็กๆ ที่จะเข้าไปภายในตัวรองเท้าจากบริเวณช่องว่างระหว่างหน้าผ้ากับลิ้นรองเท้า
ซึ่งขณะเดียวกันในปี 2017 เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่แบรนด์ Vibram ได้เปิดตัวพื้นยางรุ่นใหม่ ที่มีชื่อว่า “Vibram MegaGrip Litebase” ซึ่งเป็นพื้นยางที่มีความบางขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำหนักที่เบาขึ้นกว่า MegaGrip รุ่นดั้งเดิมถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยยังคงคุณสมบัติในการยึดเกาะและมีความทนทานที่เทียบเท่ากับในรุ่นเดิม
ทำให้ในปี 2018 เป็นโอกาสดีที่ทางแบรนด์ Kailas จะนำเสนอรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นใหม่สำหรับแข่งขันในระยะไกลที่เป็นการยกระดับรองเท้าวิ่งเทรลภายในแบรนด์อย่างแท้จริง ภายใต้ชื่อรุ่นที่ถูกเรียกว่า Kailas Fuga Pro 1 ที่มาพร้อมกับดอกยาง Vibram MegaGrip Litebase ซึ่งถือได้ว่าเป็นแบรนด์แรกๆ ของโลกที่นำดอกยางรุ่นนี้มาใช้ในรองเท้าวิ่งเทรล


และ Kailas Fuga Pro 1 ยังมาพร้อมกับพื้นชั้นกลางรุ่นใหม่อย่าง ECCEVAI ซึ่งเป็นพื้นชั้นกลางวัสดุ EVA ผสม ที่มีน้ำหนักที่เบากว่าและส่งแรงได้มีประสิทธิภาพกว่า EVA ดั้งเดิมถึง 20 เปอร์เซ็นต์ รวมไปถึงการคิดค้นปลอกกันทรายแบบ 4 จุด (4-Point Gaiter Holder) อันเป็นสิทธิ์บัตรเฉพาะของแบรนด์ Kailas
ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ อย่างระบบเชือก AWS 2.0, ตะขอปลดเชือกเร็ว, เนื้อผ้ากันเศษทราย, พื้นชั้นกลาง ECCEVAI, ดอกยาง MegaGrip Litebase, และปลอกกันทรายแบบ 4 จุด ทั้งหมดได้กลายมาเป็นมรดกที่ถูกส่งต่อไปให้รองเท้ารุ่นแจ้งเกิดของแบรนด์ Kailas ในปีต่อมาอย่าง Kailas Fuga Pro 2 ในปี 2019 หรือที่นักวิ่งชาวไทยรู้จักกันในชื่อ Kailas Fuga Pro Nasa นั่นเอง


โดย Kailas Fuga Pro 2 รับมรดกทุกอย่างจาก Kailas Fuga Pro 1 โดยมีการเพิ่มช่องเก็บเชือกบริเวณลิ้นรองเท้าเข้ามา ซึ่งทางแบรนด์ Kailas เรียกว่า “Invisible Lace” และด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่สั่งสมมากว่า 3 ปี ถูกนำมาผสมผสานก่อให้เกิดความลงตัว จนทำให้ Kailas Fuga Pro 2 ได้รับรางวัล ISPO Award Winner ในสาขา Outdoor Mountain Sports Footwear ในปี 2019 มาครอง
และตอกย้ำความสำเร็จจากสนามแข่ง UTMB ในปี 2019 โดยมี Scott Hawker นักวิ่งเทรลชาวนิวซีแลนด์จากสังกัดทีม Vibram ได้สวมใส่ Kailas Fuga Pro Nasa คว้าอันดับที่ 3 ในระยะ UTMB (171 กม.) โดยมีเวลาตามหลังอันดับที่ 2 ในปีนั้นอย่าง Xavier Thévenard เจ้าของแชมป์ UTMB 3 สมัย ไปเพียง 41 นาทีเท่านั้น และไม่เพียงเท่านี้ ภายในปีเดียวกัน Scott Hawker ยังนำรองเท้ารุ่นนี้ลงแข่ง MOGAN ULTRA (70 กม.) ณ ประเทศจีน และสามารถเข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 4

ซึ่งภายในปี 2019 แบรนด์ Kailas ยังได้ถือโอกาสเปิดตัวรองเท้ารุ่นสานต่ออย่าง Kailas Fuga 3.0 และ Fuga 3.0 BOA ที่เข้ามารับช่วงต่อจาก Fuga 2.0+ ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2017
จนกระทั่งในปี 2020 ที่แบรนด์ Kailas ได้ยกทัพ ส่งรองเท้าวิ่งเทรล 2 รุ่นใหม่และหนึ่งรุ่นสานต่อของตระกูล Fuga ซึ่งได้แก่
- Kailas Fuga Athlete รองเท้าวิ่งเทรลคาร์บอนคู่แรกของแบรนด์ Kailas
- Kailas Fuga EX รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันระยะไกลพิเศษ ที่พัฒนาต่อยอดจากตระกูล Fuga 3.0
- Kailas Fuga Pro 3 รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันทำความเร็วระยะไกลที่เข้ามาสานต่อความสำเร็จโดยตรงของ Kailas Fuga Pro 2


และเป็นในส่วนของ Kailas Fuga Pro 3 ที่ได้สร้างผลงานความสำเร็จอีกครั้ง ในรายการแข่งขัน UTMB ปี 2021 เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยในครั้งนี้ Scott Hawker ได้ลงแข่งขันในระยะ CCC (101 กม.) และสามารถคว้าอันดับที่ 2 มาครอง โดยมีเวลาห่างจากอันดับที่หนึ่งอย่าง Thibaut Garrivier นักวิ่งเทรลอาชีพชาวฝรั่งเศส ไปเพียง 24 นาทีเท่านั้น

พรีวิวและความรู้สึกหลังจากการใช้งาน Kailas Fuga Pro 3

เมื่อทราบประวัติของ Kailas ตระกูล Fuga กันแล้ว เราไปต่อกันที่พรีวิวและความรู้สึกหลังจากการใช้งาน Kailas Fuga Pro 3 กันครับ โดยเริ่มจากแต่ละส่วนดังต่อไปนี้
หน้าผ้า (Upper)

Kailas Fuga Pro 3 มาพร้อมกับหน้าผ้า Engineered Mesh ที่มีการสกรีนโครงฟิลม์บางรอบตัวรองเท้า ที่ทำหน้าที่ช่วยปกป้องเท้าและเพิ่มความกระชับให้แก่หน้าผ้า รวมทั้ง 5 เทคโนโลยีเด่นบนหน้าผ้าที่ถูกส่งต่อมายังรุ่นนี้ คือ
- ระบบรัดเชือก AWS 2.0 รุ่นปรับปรุง – ระบบเชือก Quick Lace แบบ 2 ชุด ที่ทางทีมออกแบบของแบรนด์ Kailas ได้ทำการปรับปรุงความยาวของเชือกใหม่ จากเดิมที่เคยมีความยาวจนถึงนิ้วโป้งเท้า ณ ปัจจุบันนี้ ถูกลดลงมาให้ยาวถึงแค่บริเวณหน้าเท้าเท่านั้น
- ตะขอปลดเชือกเร็ว (Lace Hook) – สำหรับกรณีต้องถอดรองเท้าแบบเร่งด่วน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าเดินป่า
- เนื้อผ้ากันเศษทราย (Sandproof Cover) – เนื้อผ้าที่ปิดคลุมบริเวณลิ้นรองเท้า สำหรับป้องกันเศษหิน เศษดินหรือทรายขนาดๆ เล็กที่จะหลุดรอดเข้าไปภายในรองเท้า
- ช่องเก็บเชือก (Invisible Lace) – ช่องสำหรับเก็บเชือกบริเวณลิ้นรองเท้า
- หูยึด Gaiter แบบ 4 จุด
ความรู้สึกหลังจากการใช้งาน ต้องบอกว่าหน้าผ้าของ Kailas Fuga Pro 3 ทำออกมาได้น่าประทับใจมาก หน้าผ้าสามารถระบายอากาศและน้ำได้ดี รวมทั้งการวิ่งกลางแจ้งไม่มีอาการร้อนเท้า
และสิ่งที่น่าชื่นชมคือ เนื้อผ้าด้านในมีการตัดเย็บแบบเก็บตะเข็บ ทำให้ไม่มีเศษเนื้อผ้ามาเสียดสีกับเท้า ประกอบกับลิ้นรองเท้าที่ทำมาจากเนื้อผ้า Lycra ที่มีความนุ่มและช่วยลดอาการเสียดสีกับข้อเท้าของนักวิ่ง ส่งผลให้หน้าผ้าไม่มีอาการกัดเท้า (หรือ Blister) ใดๆ เลย


ในส่วนของความกระชับของรองเท้าทำออกมาได้น่าสนใจมากกับระบบรัดเชือกแบบ 2 ชุด ที่สามารถเลือกปรับความกระชับบริเวณปลายเท้าและกลางเท้าได้อย่างละเอียด ตัวอย่างเช่น เวลาลงเขาชันก็สามารถปรับเชือกบริเวณปลายเท้าให้แน่นขึ้น เพื่อป้องกันอาการเท้าไหลไปชนกับขอบ Toe Bumper หรือ เวลาวิ่งระยะทางไกลที่เท้าจะมีการขยายก็สามารถคลายเชือกบริเวณปลายเท้า เพื่อเพิ่มความกว้างของหน้าเท้าได้

ในส่วนของการป้องกันเศษหิน เศษดินหรือทราย เนื้อผ้ากันเศษทรายที่ปิดอยู่บริเวณลิ้นรองเท้าสามารถป้องกันเศษดินทรายเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เศษหินและเศษทรายเหล่านี้ยังสามารถเข้าบริเวณข้อเท้าได้อยู่ ซึ่งหากต้องการป้องกันเศษหินและเศษทรายเข้าไปในรองเท้าอย่างเต็มที่ ทางเราแนะนำว่าจำเป็นต้องมีการติดตั้ง Gaiter เพิ่มเติม


และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า ที่จะต้องกล่าวถึงและเป็นตัวแปรที่ทำให้ประสบการณ์ของนักวิ่งที่สวมใส่รองเท้าของแบรนด์ Kailas แตกต่างกัน นั่นคือ ไซส์ของรองเท้า ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อความกว้างของหน้าเท้า และเป็นเรื่องที่นักวิ่งชาวไทยประสบปัญหากันบ่อยๆ จากแบรนด์ Kailas
โดยปัญหาที่เกิดขึ้น คือ ตารางเลือกไซส์ของแบรนด์ Kailas ไม่ตรงกับความยาวเท้าที่เหมาะสม ทำให้หากเลือกไซส์ตรงกับตารางไซส์ของแบรนด์แล้ว จะพบว่า รองเท้าจะพอดีเกินไป ส่งผลให้หน้าเท้าไม่กว้างพอที่จะวิ่งในระยะทางไกล รวมไปถึงการวิ่งลงเขาที่จะทำให้นิ้วเท้าเลื่อนไปชนกับขอบ Toe Bumper ได้ง่าย
ฉะนั้น การเลือกไซส์ที่ดีที่สุดของแบรนด์ Kailas ทางเราแนะนำว่าควรบวกเพิ่มไปครึ่งไซส์เป็นอย่างต่ำจากตารางไซส์ของแบรนด์ Kailas ซึ่งจะทำให้มีความพอดีเท่ากับแบรนด์อื่นๆ และจะทำให้ความกว้างของหน้าเท้ากว้างมากขึ้น ซึ่งไซส์ที่ถูกต้องจะทำให้ความกว้างของหน้าเท้าของ Kailas Fuga Pro 3 กว้างกว่าหน้าเท้าปกติเล็กน้อย แต่ไม่ถึง 2E
หรือหากท่านใดที่สะดวกได้ลองสวมที่ร้าน ทางเราแนะนำว่า นิ้วเท้าที่ยาวที่สุด (เวลาใส่ถุงเท้าแล้ว) ควรจะอยู่ไม่เกินเส้นขีดสีน้ำตาลบริเวณ Toe Bumper

ตัวอย่างการเลือกไซส์รองเท้า Kailas Fuga Pro 3 ผ่านตารางไซส์
- กรณีที่ 1 เท้าลงตารางไซส์ครึ่ง ตัวอย่างเช่น เท้ายาว 276 ซม. จะลงตารางไซส์ 44.5EU ดังนั้นควรบวกเพิ่มไปครึ่งไซส์เป็นเบอร์ 45EU

- กรณีที่ 2 เท้าลงตารางไซส์เต็ม ตัวอย่างเช่น เท้ายาว 274 ซม. จะลงตารางไซส์ 44EU ดังนั้นควรบวกเพิ่มไปหนึ่งไซส์เป็นเบอร์ 45EU (เนื่องจากแบรนด์ Kailas ไม่มีวางจำหน่ายเป็นเบอร์ไซส์ครึ่ง)

พื้นชั้นกลาง (Midsole)

Kailas Fuga Pro 3 มาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง ECCEVAI แบบความหนาแน่นสองส่วน (Dual-density) โดยเนื้อโฟมที่มีความเฟิร์มจะเป็นกรอบโฟมด้านนอก เพื่อช่วยพยุงและเพิ่มความเสถียรให้แก่รองเท้า และเนื้อโฟมที่มีความนุ่มและส่งแรงได้ดีจะอยู่บริเวณด้านใน เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับแรงกระแทกและช่วยส่งแรง นอกจากนี้ บริเวณส้นเท้ายังมีการเจาะรู เพื่อเสริมความนุ่มบริเวณส้นเท้า สำหรับใช้ในการวิ่งลงเขา

โดยพื้นชั้นกลางของ Kailas Fuga Pro 3 จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 23 มม. และความสูงบริเวณส้นเท้าอยู่ที่ 31 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 8 มม. และไม่ได้มีการติดตั้งแผ่นรองกันหิน (Rock Plate) มาให้
ความรู้สึกในการใช้งานครั้งแรกจะพบว่า พื้นชั้นกลางจะมีความแน่น เฟิร์มและไม่ยืดหยุ่นในระยะแรก ส่งผลให้การวิ่งในช่วงระยะแรกจะให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างสะท้าน รวมไปถึงพื้นชั้นกลางยังไม่สามารถยุบเก็บหินเข้าไปในเนื้อโฟมได้ ทำให้การวิ่งบนทางทรุกันดาร เช่น ทางหินก้อนลอย ข้อเท้าของนักวิ่งอาจจะพลิกไปมา จนเกิดอาการเมื่อยข้อเท้าได้

อย่างไรก็ตาม หลังจากวิ่งเก็บระยะเพื่อให้เนื้อโฟมเริ่มเข้าที่ (Break-in Period) จะพบว่าพื้นชั้นกลางทุกส่วนจะมีความนุ่มและมีความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยที่พื้นชั้นกลางจะสามารถยุบเก็บหินได้ ส่งผลให้ข้อเท้าของนักวิ่งพลิกไปมาน้อยลง รวมทั้งสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีมากขึ้นและมีความนุ่มขึ้นกว่าในช่วงแรกในระดับที่นักวิ่งมือใหม่ก็สามารถนำไปใช้ในการวิ่งต่อเนื่องระยะไกลได้

ฉะนั้น รองเท้า Kailas Fuga Pro 3 จำเป็นต้องมีการวิ่งเก็บระยะเพื่อให้พื้นชั้นกลางเริ่มเข้าที่ก่อนนำไปใช้งานในสนามแข่งจริงเสมอ
นอกจากนี้ ด้วยความที่พื้นชั้นกลางมีความสูงที่ไม่มาก ทำให้รองเท้าคู่นี้สามารถใช้งานในเส้นทางลัดเลาะบนภูเขาและการวิ่งขึ้นเขา (Uphill) ได้เป็นอย่างดี และแม้ว่า Kailas Fuga Pro 3 จะไม่มีแผ่นรองกันหิน แต่ด้วยพื้นชั้นกลางที่มีความหนาเพียงพอ ประกอบกับเนื้อดอกยางที่ค่อนข้างแข็ง ทำให้ทางเรายังไม่พบปัญหาหินหลุดเข้ามาตำถึงเท้า

อีกส่วนของพื้นชั้นกลางที่ต้องกล่าวถึง คือ บริเวณอุ้งเท้าด้านในของรองเท้า ที่จะมีการยกขอบโฟมที่ไม่หนามากขึ้นมาโอบบริเวณอุ้งเท้า ซึ่งสามารถช่วยประคองอุ้งเท้าในการวิ่งระยะไกลและช่วยลดอาการเท้าล้มในนักวิ่งเท้าแบนได้เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขอบโฟมที่ไม่หนามาก ทำให้นักวิ่งเท้าล้มยังสามารถมีอาการเท้าล้มได้อยู่ ซึ่งอาจเป็นข้อดีที่นักวิ่งเท้าปกติสวมใส่แล้วก็จะไม่รู้สึกถึงขอบโฟมบริเวณอุ้งเท้านี้ และให้ความรู้สึกเสมือนว่าพื้นชั้นกลางได้โอบกระชับขึ้นมาเป็นส่วนเดียวกับเท้า

ดอกยาง (Outsole)

Kailas Fuga Pro 3 มาพร้อมกับดอกยาง Vibram MegaGrip Litebase น้ำหนักเบา ที่มีความสูงของดอกยางอยู่ที่ 3.5 มม. และทางแบรนด์ Kailas จะมีการยกขอบด้านข้างของดอกยางทั้งสองด้านให้โค้งขึ้น 3 องศา โดยทางแบรนด์ Kailas ให้เหตุผลว่า การทำให้ดอกยางโค้งขึ้นจะช่วยเพิ่มหน้าสัมผัสระหว่างดอกยางกับพื้นผิวของถนน และช่วยลดแรงที่จะกระทำต่อเท้า ซึ่งมีผลช่วยลดอาการบาดเจ็บของเท้าจากการวิ่งในระยะไกล
และหลังจากการใช้งาน ทางเราพบว่า ดอกยางมีความทนทานที่สูงมาก มีร่องรอยการสึกจากการใช้งานที่น้อยมาก และสามารถยึดเกาะพื้นผิวถนนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

และในส่วนของการวิ่งบนเส้นทางดินโคลนที่ลื่นและเปียกแฉะ ต้องกล่าวเอาไว้ก่อนว่า ดินโคลนโดยปกติ เรามักไม่ได้พบเห็นได้บ่อยนัก และในป่าส่วนใหญ่ดินโคลนเหล่านี้จะสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการเปลี่ยนเส้นทางเพียงน้อย แต่มีกรณียกเว้นในช่วงฤดูฝนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Kailas Fuga Pro 3 ที่มีความสูงของดอกยางเพียง 3.5 มม. ก็ต้องยอมรับว่าดอกยางไม่สามารถเกาะพื้นดินโคลนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดอาการลื่น รวมทั้งลวดลายของดอกยางที่เรียงชิดติดกัน ทำให้ดินโคลนเข้าไปติดได้ง่าย ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับดอกยางเอนกประสงค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในทุกสภาพภูมิประเทศลักษณะนี้


โดยรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาสำหรับการวิ่งบนทางโคลนและทางทรุกันดารโดยเฉพาะอย่าง Scott Supertrac RC 2 หรือ Hoka One One Evo Jawz ส่วนใหญ่จะมีดอกยางที่วางห่างกันและมีความสูงของดอกยางประมาณ 5 ถึง 6 มม. ขึ้นไป ทำให้การวิ่งบนทางดินโคลนไม่เกิดอาการลื่นไถล รวมทั้งสามารถสลัดโคลนออกจากพื้นได้อย่างรวดเร็ว




แต่ปัญหาของรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาสำหรับการวิ่งบนทางโคลนและทางทรุกันดารโดยเฉพาะ คือ ความบางของพื้นชั้นกลาง ที่ต้องมีความบางเพราะต้องทำให้รองเท้ามีความเสถียรให้มากที่สุดและตอบสนองดีที่สุด ทำให้รองเท้าเหล่านี้ไม่สามารถนำไปใช้งานในการวิ่งระยะทางไกลได้ (ยกเว้นในนักวิ่งระดับอาชีพเท่านั้น ที่สามารถใช้รองเท้าเหล่านี้ในการแข่งขันระยะทางไกลได้)
ฉะนั้น ในเรื่องของการติดโคลนของ Kailas Fuga Pro 3 เมื่อเทียบกับรองเท้าดอกยางเอนกประสงค์ของแบรนด์อื่นๆ ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเมื่อวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ดินโคลนจะค่อยๆ หลุดออกจากพื้นไปเอง


สรุปโดยรวม

Kailas Fuga Pro 3 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันวิ่งเทรลระยะทางไกล (0 – 170 กม.) โดยเฉพาะ ที่ตัวรองเท้ามีความโดดเด่นในด้านของน้ำหนักที่เบา โดยในไซส์ 45EU (หรือเทียบเท่ากับไซส์ 11US ของแบรนด์ Hoka One One) รองเท้า Kailas Fuga Pro 3 มีน้ำหนักเพียง 300 กรัมเท่านั้น ทำให้การวิ่งในระยะไกลรองเท้าไม่เป็นภาระและไม่มีความรู้สึกหน่วงเท้า
รวมไปถึงหน้าผ้าที่ออกแบบมาได้ดี ระบายอากาศได้ยอดเยี่ยมและไม่มีอาการกัดเท้า และในส่วนของพื้นชั้นกลาง ที่โดยรวมมีความเสถียรปานกลางและส่งแรงได้ดี โดยยังคงมีความนุ่มที่มากพอที่นักวิ่งมือใหม่จะสามารถนำไปใช้ในการวิ่งระยะทางไกลได้
หากเทียบแล้วรองเท้าคู่นี้จะอยู่ระหว่างกลางของรองเท้าตัวแข่งระยะไกลสองรุ่นอย่าง Salomon S/LAB Ultra 2 และ Hoka One One Evo Speedgoat

โดย Kailas Fuga Pro 3 จะมีความนุ่มที่มากกว่า Salomon S/LAB Ultra 2 ทำให้เหมาะกับนักวิ่งมือใหม่สำหรับใช้ในการวิ่งระยะทางไกลมากกว่า ซึ่ง Salomon S/LAB Ultra 2 เป็นรองเท้าที่มีความเฟิร์ม เสถียรมั่นคง และตอบสนองที่ดีกว่า ทำให้เหมาะกับนักวิ่งระดับมืออาชีพที่ฝึกซ้อมมาอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น
และเมื่อเทียบกับ Hoka One One Evo Speedgoat ที่เป็นรองเท้าตัวแข่งแนวหนา นุ่ม วิ่งสบาย ที่เหมาะกับเส้นทางที่ไม่ทรุกันดารมากนัก ซึ่งตัวของ Kailas Fuga Pro 3 จะมีความเสถียร แน่นและมั่นคงกว่า ทำให้เหมาะกับเส้นทางลัดเลาะบนภูเขาและการวิ่งขึ้นเขามากกว่า
ดังนั้น ด้วยความที่ Kailas Fuga Pro 3 เป็นรองเท้าที่อยู่ตรงกลาง ทำให้รองเท้าคู่นี้มีความเอนกประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลายและสามารถใช้ได้ทั้งนักวิ่งมือใหม่และมืออาชีพ โดยถือได้ว่าเป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ใช้งานได้ดีและเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจคู่หนึ่งในตลาด

และในบทความนี้ต้องขอขอบคุณทาง Kailas Thailand ที่ส่งรองเท้าวิ่งเทรล Kailas Fuga Pro 3 มาให้ทางเราทดสอบกันนะครับ และในส่วนของวิดีโอรีวิวเต็มๆ และรีวิวเป้น้ำ จะออกมากันอีกทีนะครับ
ส่วนนักวิ่งท่านใดที่สนใจในรองเท้าวิ่งเทรล Kailas Fuga Pro 3 และผลิตภัณฑ์อื่นๆ จากแบรนด์ Kailas สามารถเข้าไปเลือกชมสินค้าได้ที่ช่องทางเว็บไซต์ Kailas Thailand หรือ FB: Kailas TH
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน