วันนี้เรามาอธิบายและรีวิว (ผ่า) Kailas Fuga Pro 3 ที่จะเป็นการเจาะลึกถึงเทคโนโลยีภายในและความรู้สึกหลังสวมใส่รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันระยะไกลคู่นี้ พร้อมรายละเอียดรุ่นใหม่ในปี 2022 อย่าง Fuga Pro 4 ซึ่งจะมีการปรับปรุงในส่วนใดบ้างและน่าสนใจเพียงใด เชิญติดตามได้เลยครับ

ปล. ท่านใดที่ยังไม่ทราบถึงประวัติตระกูล Kailas Fuga Pro สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่เลยครับ
คำชี้แจง:
- การผ่ารองเท้าวิ่งในทุกๆ ครั้งของทางเรา Running Profiles มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการศึกษาเทคโนโลยีภายในรองเท้าและเผยแพร่ให้ความรู้แก่นักวิ่งทุกท่าน โดยรองเท้าวิ่งที่ถูกผ่าแต่ละคู่จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นแหล่งอ้างอิงอย่างดี ไม่มีการนำไปทิ้งเป็นขยะ
- ซึ่งทางเราไม่แนะนำหรือสนับสนุนให้นักวิ่งผ่ารองเท้าวิ่ง แม้ว่าจะมีการใช้งานมาแล้วก็ตาม โดยรองเท้าวิ่งที่ถูกใช้งานแล้ว ทางเราแนะนำให้นำไปบริจาคหรือส่งต่อให้นักวิ่งที่มีความต้องการใช้งานต่อ
- โดยทางเราสนับสนุนและรณรงค์ให้ทุกท่านเห็นคุณค่าของอุปกรณ์ทุกชิ้น และส่งเสริมการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตอุปกรณ์กีฬา เพื่อลดปริมาณขยะและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา
ข้อมูลจำเพาะของ Kailas Fuga Pro 3
Kailas Fuga Pro 3 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้แข่งขันทำความเร็วระยะทางไกล (0 ถึง 170 กม.) บนสภาพเส้นทางทุกรูปแบบโดยเฉพาะ
- น้ำหนัก: 256 กรัม ในไซส์ 42 ชาย
- น้ำหนักชั่งจริง: 300 กรัม ในไซส์ 45 (หรือเทียบเท่ากับไซส์ 11US ของแบรนด์ Hoka One One)
- Offset: 8 มม. (ปลายเท้าสูง 23 มม. และส้นเท้าสูง 31 มม.)
- ดอกยางสูง 3.5 มม.
- ความกว้างหน้าเท้าแบบปกติ
- ราคา: 5,750 บาท

รีวิว (ผ่า) Kailas Fuga Pro 3
ในส่วนของการรีวิวสามารถแบ่งประเด็นได้ดังนี้
หน้าผ้า (Upper)

หน้าผ้าของ Kailas Fuga Pro 3 มาพร้อมกับหน้าผ้า Mesh แบบ 2 ชั้น ที่ประกอบไปด้วย เนื้อผ้าด้านนอกที่เป็นเนื้อผ้า Engineered Mesh แบบตาข่ายที่ระบายอากาศและน้ำได้ดี และเนื้อผ้าด้านในจะเป็นเนื้อผ้า Mesh แบบทอละเอียด


โดยทางแบรนด์ Kailas เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการป้องกันเศษฝุ่นหรือเศษดินที่จะเข้าไปภายในรองเท้าเป็นอย่างมาก
ซึ่งเนื้อผ้าด้านนอกบริเวณลิ้นรองเท้าจะมีการติดตั้งเนื้อผ้ากันเศษทราย (Sandproof Cover) และเนื้อผ้าด้านในที่เป็นผ้า Mesh แบบทอละเอียดจะมีการตัดเย็บให้ลิ้นรองเท้าเชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันกับหน้าผ้า เสมือนเป็นผ้าชิ้นเดียว (ซึ่งเรียกว่า Gusseted Tongue) ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้ ทำให้หน้าผ้าสามารถช่วยป้องกันเศษฝุ่นหรือเศษดินที่จะเข้าไปภายในรองเท้าได้เป็นอย่างดี
และเนื้อผ้า Engineered Mesh แบบตาข่ายภายนอกจะมีการสกรีนโครงฟิลม์บางรอบตัวรองเท้ารวมถึงบริเวณ Toe Bumper ที่ทำหน้าที่ช่วยปกป้องเท้าและเพิ่มความกระชับให้แก่หน้าผ้า

และเนื้อผ้าด้านในที่เชื่อมกับลิ้นรองเท้าจะเป็นผ้าชิ้นเดียวกับหน้าผ้าบริเวณปลายเท้า ซึ่งทำให้บริเวณปลายเท้าไม่มีรอยตะเข็บ รวมทั้งทางแบรนด์ Kailas จะมีการออกแบบให้ความกว้างหน้าเท้าของรองเท้า Kailas Fuga Pro 3 กว้างกว่าปกติเล็กน้อย ทำให้ช่วยลดการบีบรัดหรือเสียดสีบริเวณปลายเท้าขณะวิ่งระยะไกล

นอกจากนี้ หากต้องการติดตั้งถุงกันกรวด (Gaiters) รองเท้า Kailas Fuga Pro 3 ก็มาพร้อมกับหูยึด Gaiter แบบ 4 จุด ที่จะช่วยป้องกันเศษฝุ่นหรือเศษดินที่จะเข้าบริเวณข้อเท้าได้


ในส่วนของลิ้นรองเท้าจะเป็นวัสดุนีโอพรีน (Neoprene) คล้ายกับชุดว่ายน้ำ ที่มีลักษณะเรียบ ลื่น และนุ่มกำลังดี รวมทั้งเข้ารูปกับข้อเท้า และจะมาพร้อมกับช่องเก็บเชือกด้านใน

ซึ่งในส่วนเชือกของ Kailas Fuga Pro 3 จะเป็นระบบรัดเชือก AWS 2.0 (Adjust Whole Sole) รุ่นปรับปรุง หรือ ระบบเชือก Quick Lace แบบ 2 ชุด ที่สามารถปรับกระชับทั้งบริเวณหน้าเท้าและหลังเท้าได้อย่างละเอียด
เสริมเพิ่มเติม AWS 2.0 (Adjust Whole Sole) รุ่นปรับปรุง ซึ่งรุ่นปรับปรุงของแบรนด์ Kailas คือ การแก้ไขความยาวของเชือกใหม่ จากเดิมที่ในอดีตเคยมีความยาวถึงบริเวณนิ้วโป้งเท้า ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ จะถูกลดลงมาให้ยาวถึงแค่บริเวณหน้าเท้าเท่านั้น

และทางแบรนด์ Kailas ยังมีการติดตั้งตะขอปลดเชือกเร็ว (Lace Hook) ไว้สำหรับกรณีต้องถอดรองเท้าแบบเร่งด่วน ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าเดินป่า

และในส่วนของ Heel Counter จะเป็นพลาสติกแข็งและหนารอบส้นเท้าและหุ้มทับด้วยหนังเทียมอีกหนึ่งชั้น ทำให้สามารถช่วยประคองและปกป้องบริเวณส้นเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม รวมทั้งมีการบุขอบบริเวณส้นเท้าด้วยฟองน้ำแบบหนา เพื่อเพิ่มความสบายในการสวมใส่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าลิ้นรองเท้าวัสดุนีโอพรีนจะสามารถเข้ารูปกับข้อเท้าได้ แต่เมื่อเก็บเชือกและหัว Quick Lace เข้าไปในลิ้น จะทำให้ลิ้นหนาขึ้น ประกอบกับการออกแบบทรงลิ้นให้เป็นรูปทรงภูเขา (ในอดีตอย่างรุ่น Fuga Pro Nasa จะเป็นการตัดตรง) ส่งผลให้ขณะวิ่ง ลิ้นจะไม่เข้ารูปกับข้อเท้า และเมื่อไม่ได้ติดตั้ง Gaiters เศษฝุ่นและเศษดินก็มักจะเข้าไปในรองเท้าจากบริเวณนี้ เนื่องจากลิ้นรองเท้าไม่แนบสนิทกับข้อเท้า

แต่ส่วนนี้สามารถแก้ไขได้โดยการเก็บเชือกเฉพาะตัวสาย Quick Lace เข้าไปในลิ้นรองเท้าหรือเอาปลายสายไปเก็บไว้ในช่องเนื้อผ้ากันเศษทราย ซึ่งทั้งสองแบบจะไม่ทำให้ลิ้นรองเท้าหนาขึ้นและลิ้นจะยังสามารถเข้ารูปกับข้อเท้าได้

เสริมเพิ่มเติม ถุงเก็บเชือก Quick Lace ของแบรนด์ Salomon จะสามารถเก็บได้ทั้งตัวเชือกและหัว Quick Lace โดยที่ไม่ส่งผลให้ลิ้นไม่เข้ารูปกับข้อเท้า เนื่องจากเป็นการแยกถุงออกมาไว้บนลิ้นด้านนอก และลิ้นรองเท้าจะเป็นการตัดเว้าให้เข้ารูปกับข้อเท้าของนักวิ่ง

โดยรวม หน้าผ้าของ Kailas Fuga Pro 3 เป็นหน้าผ้าที่มีน้ำหนักเบา ระบายอากาศและระบายน้ำที่ดีเยี่ยม โดยยังคงความสวมใส่สบาย ล็อคบริเวณส้นเท้าได้เป็นอย่างดีและไม่มีอาการส้นรูด รวมทั้งมีความทนทานและสามารถปกป้องเท้าได้ดี ซึ่งสิ่งที่โดดเด่นของหน้าผ้าในรองเท้าคู่นี้ เลยก็คือ ระบบเชือก Quick Lace แบบ 2 ชุด ที่สามารถปรับความกระชับได้อย่างละเอียด ไม่มีอาการเท้าเลื่อนหรือไหลขณะวิ่งลงเขา

และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า ที่จะต้องกล่าวถึงและเป็นตัวแปรที่ทำให้ประสบการณ์ของนักวิ่งที่สวมใส่รองเท้าของแบรนด์ Kailas แตกต่างกัน นั่นคือ ไซส์ของรองเท้า ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อความกว้างของหน้าเท้า และเป็นเรื่องที่นักวิ่งชาวไทยประสบปัญหากันบ่อยๆ จากแบรนด์ Kailas
โดยปัญหาที่เกิดขึ้น คือ ตารางเลือกไซส์ของแบรนด์ Kailas ไม่ตรงกับความยาวเท้าที่เหมาะสม ทำให้หากเลือกไซส์ตรงกับตารางไซส์ของแบรนด์แล้ว จะพบว่า รองเท้าจะพอดีเกินไป ส่งผลให้หน้าเท้าไม่กว้างพอที่จะวิ่งในระยะทางไกล รวมไปถึงการวิ่งลงเขาที่จะทำให้นิ้วเท้าเลื่อนไปชนกับขอบ Toe Bumper ได้ง่าย
ฉะนั้น การเลือกไซส์ที่ดีที่สุดของแบรนด์ Kailas ทางเราแนะนำว่าควรบวกเพิ่มไปครึ่งไซส์เป็นอย่างต่ำจากตารางไซส์ของแบรนด์ Kailas ซึ่งจะทำให้มีความพอดีเท่ากับแบรนด์อื่นๆ และจะทำให้ความกว้างของหน้าเท้ากว้างมากขึ้น ซึ่งไซส์ที่ถูกต้องจะทำให้ความกว้างของหน้าเท้าของ Kailas Fuga Pro 3 กว้างกว่าหน้าเท้าปกติเล็กน้อย แต่ไม่ถึง 2E
หรือหากท่านใดที่สะดวกได้ลองสวมที่ร้าน ทางเราแนะนำว่า นิ้วเท้าที่ยาวที่สุด (เวลาใส่ถุงเท้าแล้ว) ควรจะอยู่ไม่เกินเส้นขีดสีน้ำตาลบริเวณ Toe Bumper

ตัวอย่างการเลือกไซส์รองเท้า Kailas Fuga Pro 3 ผ่านตารางไซส์
- กรณีที่ 1 เท้าลงตารางไซส์ครึ่ง ตัวอย่างเช่น เท้ายาว 276 ซม. จะลงตารางไซส์ 44.5EU ดังนั้นควรบวกเพิ่มไปครึ่งไซส์เป็นเบอร์ 45EU

- กรณีที่ 2 เท้าลงตารางไซส์เต็ม ตัวอย่างเช่น เท้ายาว 274 ซม. จะลงตารางไซส์ 44EU ดังนั้นควรบวกเพิ่มไปหนึ่งไซส์เป็นเบอร์ 45EU (เนื่องจากแบรนด์ Kailas ไม่มีวางจำหน่ายเป็นเบอร์ไซส์ครึ่ง)

พื้นชั้นกลาง (Midsole)

Kailas Fuga Pro 3 มาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง ECCEVAI ซึ่งเป็นวัสดุ EVA สูตรของทางแบรนด์ Kailas เอง โดยทางแบรนด์กล่าวว่า “ECCEVAI มีน้ำหนักที่เบากว่าและส่งแรงได้ดีกว่าวัสดุ EVA ทั่วไป ถึง 20 เปอร์เซ็นต์”
และทางแบรนด์ยังกล่าวอีกว่า Kailas Fuga Pro 3 ใช้พื้นชั้นกลาง ECCEVAI แบบความหนาแน่นสองส่วน (Dual-density) ที่เนื้อโฟมภายนอกจะมีความเฟิร์ม และเนื้อโฟมด้านในจะมีความนุ่มกว่า
และหลังจากที่ทางเราได้ผ่าออกมาดู พบว่า เนื้อโฟมถูกแบ่งออกเป็น 2 สี และบริเวณส้นเท้าจะมีการเจาะรู เพื่อเพิ่มความนุ่มบริเวณส้นเท้า สำหรับใช้ในการวิ่งลงเขา แต่ความนุ่มที่วัดได้จากเนื้อโฟมทั้ง 2 สี จะมีค่าความนุ่มที่เท่ากัน (คาดว่าเป็นความหนาแน่นเดียวกัน หรือ Single-density) คือ 30 – 35 HC ซึ่งถือได้ว่าเป็นโฟมที่มีความนุ่มมากในรองเท้าวิ่งเทรล




ความนุ่มพื้นชั้นกลางของ Kailas Fuga Pro 3
ความนุ่มของพื้นชั้นกลาง | ค่าความนุ่ม (Durometer Shore C: HC) | ระดับความนุ่ม |
(1) บริเวณโฟมสีเหลือง | 30 – 35 | นุ่มมาก |
(2) บริเวณโฟมสีดำ | 30 – 35 | นุ่มมาก |

หมายเหตุ:
- ค่า Durometer Shore C ยิ่งค่าน้อย หมายถึง ยิ่งนุ่มมาก
- เกณฑ์ระดับความนุ่มในบทความนี้ของทางเรา Running Profiles ถูกจัดขึ้นตามความนุ่มของรองเท้าวิ่งเทรลเท่านั้น ซึ่งจะไม่รวมกับเกณฑ์ระดับความนุ่มของรองเท้าวิ่งถนน ที่มีความนุ่มของพื้นโฟมมากกว่ารองเท้าวิ่งเทรล
โดยความสูงของพื้นชั้นกลาง Kailas Fuga Pro 3 เมื่อวัดจริง (รวมแผ่นรองบุพื้น แต่ไม่รวมแผ่นรองรองเท้าและดอกยาง) จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 14.5 มม. และส้นเท้าสูง 21.5 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 7 มม.

ในส่วนของแผ่นรองรองเท้า (Insole) จะใช้เป็นแผ่นรองวัสดุ Open Cell PU หรือ วัสดุเดียวกับแผ่นรองของแบรนด์ OrthoLite โดยมีความหนาบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 5 มม. และส้นเท้า 6 มม. และในส่วนของแผ่นรองบุพื้น (Strobel) จะเป็นผ้าไนลอนตาข่ายแข็ง
ทำให้เมื่อวัดรวมความสูงทั้งหมด (รวมแผ่นรองบุพื้น แผ่นรองรองเท้า และดอกยาง) จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 24 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 8 มม.


และ Kailas Fuga Pro 3 จะไม่มีแผ่น Torsion บริเวณกลางเท้า แต่จะเป็นการออกแบบยกขอบโฟมให้สูงขึ้นมาแทน โดยเฉพาะบริเวณกลางเท้า เพื่อช่วยป้องกันการบิดตัวบริเวณกลางเท้า และจะไม่ได้มีการติดตั้งแผ่นรองกันหิน (Rock Plate) มาให้ แต่ดอกยาง Vibram ที่ค่อนข้างแข็ง ประกอบกับแผ่นรองบุที่เป็นผ้าไนลอนแข็ง ก็เพียงพอที่จะช่วยปกป้องเท้าของนักวิ่งจากหินหรือกิ่งไม้ที่คมๆ ได้


ในส่วนความรู้สึกของพื้นชั้นกลาง Kailas Fuga Pro 3 จะให้ความรู้สึกที่คล้ายกับรองเท้าวิ่งถนนสำหรับซ้อมประจำวัน (Daily Trainers) ยุคเดิม เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นพื้นชั้นกลางที่บางและโฟมที่นุ่ม รวมไปถึงองศาพื้นชั้นกลาง (หรือ องศา Rocker) ที่ไม่ชันมาก
ซึ่งลักษณะเนื้อโฟม ECCEVAI จะค่อนข้างคล้ายกับโฟม Cushlon ของแบรนด์ Nike ที่มีความนุ่มและยังส่งแรงได้ดี ไม่ยวบหรือย้วยจนเสียแรง ทำให้รองเท้า Kailas Fuga Pro 3 ให้ความรู้สึกคล้ายกับ Nike Air Zoom Pegasus 36 ในอดีต แต่ไม่มีเทคโนโลยี Air Zoom
แต่ในช่วงแรกหลังจากเปิดกล่องและไม่ได้ทำการวิ่งเก็บระยะเพื่อให้เนื้อโฟมเริ่มเข้าที่ (Break-in Period) รองเท้าจะให้ความรู้สึกที่แน่น เฟิร์ม และไม่ยืดหยุ่น แต่เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งแล้วจะพบว่าพื้นชั้นกลางทุกส่วนจะมีความนุ่มและมีความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นมาอย่างชัดเจน

ในส่วนขององศาพื้นชั้นกลาง องศา Rocker บริเวณปลายเท้าที่ไม่ชันมากก็ถือเป็นข้อดีที่ช่วยให้นักวิ่งสามารถควบคุมรองเท้าได้ง่ายในการวิ่งขึ้นหรือลงเขา อย่างไรก็ตาม องศา Rocker บริเวณส้นเท้าที่ถูกออกแบบมาให้ต่ำกว่าแบรนด์อื่นๆ ส่งผลให้บริเวณปลายส้นเท้ามักจะไปสัมผัสหรือโดนกับหินอยู่บ่อยครั้งแบบไม่ตั้งใจ ซึ่งให้ความรู้สึกที่รบกวนขณะวิ่งอยู่เล็กน้อย
อีกส่วนของพื้นชั้นกลางที่ต้องกล่าวถึง คือ บริเวณอุ้งเท้าด้านในของรองเท้า ที่จะมีการยกขอบโฟมที่ไม่หนามากขึ้นมาโอบบริเวณอุ้งเท้า ซึ่งสามารถช่วยประคองอุ้งเท้าในการวิ่งระยะไกลและช่วยลดอาการเท้าล้มในนักวิ่งเท้าแบนได้เล็กน้อย แต่สำหรับนักวิ่งเท้าปกติสวมใส่แล้วก็จะไม่รู้สึกถึงขอบโฟมบริเวณอุ้งเท้านี้ และให้ความรู้สึกเสมือนว่าพื้นชั้นกลางได้โอบกระชับขึ้นมาเป็นส่วนเดียวกับเท้าเท่านั้น

โดยรวม พื้นชั้นกลางของ Kailas Fuga Pro 3 เป็นพื้นชั้นกลางที่ค่อนข้างนุ่ม รวมทั้งยังมีความเสถียรและความคล่องตัว ไม่ยวบหรือย้วยในการวิ่งขึ้นเขาหรือทำความเร็ว

ดอกยาง (Outsole)

Kailas Fuga Pro 3 มาพร้อมกับดอกยาง Vibram MegaGrip Litebase น้ำหนักเบา ที่มีความสูงของดอกยางอยู่ที่ 3.5 มม. และเป็นลักษณะลายดอกยางแบบเอนกประสงค์ โดยที่จะมีการออกแบบให้แต่ละดอกอยู่เรียงชิดติดกัน
เสริมเพิ่มเติม Vibram MegaGrip Litebase เป็นพื้นยางจากแบรนด์ Vibram ที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 2017 โดยเป็นการออกแบบพื้นยางให้มีความบางขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และมีน้ำหนักที่เบาขึ้นกว่า MegaGrip รุ่นดั้งเดิมถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยยังคงคุณสมบัติในการยึดเกาะและมีความทนทานที่เทียบเท่ากับ MegaGrip รุ่นเดิม

และทางแบรนด์ Kailas จะมีการยกขอบด้านข้างของดอกยางทั้งสองด้านให้โค้งขึ้น 3 องศา โดยทางแบรนด์ Kailas ให้เหตุผลว่า การทำให้ดอกยางโค้งขึ้นจะช่วยเพิ่มหน้าสัมผัสระหว่างดอกยางกับพื้นผิวของถนน และช่วยลดแรงที่จะกระทำต่อเท้า ซึ่งมีผลช่วยลดอาการบาดเจ็บของเท้าจากการวิ่งในระยะไกล
ในด้านประสิทธิภาพของการยึดเกาะพื้นของเนื้อดอกยาง สามารถแบ่งได้ดังนี้
- ประสิทธิภาพการยึดเกาะบนพื้นผิวแห้ง ดอกยางของ Kailas Fuga Pro 3 สามารถยึดเกาะพื้นได้ดีกว่าค่ามาตรฐาน โดยจะยึดเกาะอยู่ที่ 45 องศา (ค่ามาตรฐานการยึดเกาะพื้นผิวที่แห้งอยู่ 35 องศา และ Vibram MegaGrip อยู่ที่ 45 องศา)
- ประสิทธิภาพการยึดเกาะบนพื้นผิวที่เปียกน้ำ ดอกยางของ Kailas Fuga Pro 3 สามารถยึดเกาะพื้นได้ดีกว่าค่ามาตรฐานเช่นกัน โดยจะยึดเกาะอยู่ที่ 38.9 องศา (ค่ามาตรฐานการยึดเกาะพื้นผิวที่เปียกน้ำอยู่ 30 องศา และ Vibram MegaGrip อยู่ที่ 36 องศา)

และในส่วนของการวิ่งบนเส้นทางดินโคลนที่ลื่นและเปียกแฉะ ก็ถือเป็นเรื่องปกติของดอกยางเอนกประสงค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในทุกสภาพภูมิประเทศลักษณะนี้และมีความสูงเพียง 3.5 มม. จะเกิดอาการลื่นในการวิ่งบนเส้นทางดินโคลนที่เปียกแฉะ แต่ในเรื่องของการติดโคลนของ Kailas Fuga Pro 3 เมื่อเทียบกับรองเท้าดอกยางเอนกประสงค์ของแบรนด์อื่นๆ ก็ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเมื่อวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ดินโคลนจะค่อยๆ หลุดออกจากพื้นไปเอง

โดยรวม ดอกยางของ Kailas Fuga Pro 3 สามารถยึดเกาะพื้นได้ดีทั้งบนพื้นผิวที่แห้งและเปียกน้ำ โดยเฉพาะกับพื้นผิวที่เปียกน้ำ ดอกยาง Vibram MegaGrip Litebase สามารถเกาะพื้นได้ดีกว่า Vibram MegaGrip ปกติ และแน่นอนว่าดอกยางตระกูล MegaGrip เป็นดอกยางที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความทนทานในการใช้งานเป็นอย่างมาก และจากการใช้งานพบว่า ดอกยางมีร่องรอยการสึกที่น้อยมาก

สรุปโดยรวม

Kailas Fuga Pro 3 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาสำหรับแข่งขันทำความเร็วระยะไกล (0 ถึง 170 กม.) ที่ถือว่าดีคู่หนึ่งในตลาดเลยก็ว่าได้ ทั้งในส่วนของหน้าผ้าที่ระบายน้ำ ระบายอากาศได้อย่างดีเยี่ยม สวมใส่สบาย การตัดเย็บและเทคโนโลยีที่ให้มาแบบเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบรัดเชือก AWS 2.0, ตะขอปลดเชือกเร็ว, และเนื้อผ้ากันเศษทรายที่ลิ้นรองเท้า
และในส่วนของพื้นชั้นกลางที่มีความนุ่ม คล่องตัว สามารถใช้วิ่งขึ้นเขาชันได้อย่างไม่เสียแรง และการวิ่งลงเขาก็สามารถวิ่งได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากบริเวณส้นเท้ามีการเจาะรูไว้ ทำให้มีความนุ่มเพิ่มขึ้นและสามารถช่วยรองรับแรงกระแทกได้ดี รวมทั้งยังมีน้ำหนักที่เบา

นอกจากนี้ ในส่วนของดอกยาง Vibram MegaGrip Litebase ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในดอกยางที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งสามารถเกาะพื้นได้ในระดับที่ดีมากและลักษณะลายดอกยางที่มีความเอนกประสงค์สามารถใช้งานได้ทั้งทางทรุกันดารที่มีหินก้อนลอยและบนทางดินเรียบ

ทำให้ถือได้ว่า Kailas Fuga Pro 3 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลอีกหนึ่งคู่ที่ถูกออกแบบมาได้ดี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน รองเท้าวิ่งถนนสำหรับซ้อมประจำวัน (Daily Trainers) ที่นักวิ่งส่วนใหญ่สวมใส่ซ้อมจะมีความสูงของพื้นชั้นกลางที่มากขึ้นกว่าในอดีตมาก
ทำให้รองเท้าวิ่งเทรลพื้นบางเหล่านี้อาจจะให้ความรู้สึกที่ไม่นุ่มหรือรองรับแรงกระแทกได้ไม่ดีเพียงพอสำหรับนักวิ่งในปัจจุบัน รวมไปถึงการแข่งขันระยะไกลในสนามแข่งที่มีภูเขาไม่สูงชันมากนัก ซึ่งรองเท้าวิ่งเทรลหนานุ่มจะมีความได้เปรียบมากกว่า
ฉะนั้น นักวิ่งที่คุ้นชินกับรองเท้าพื้นบางลักษณะนี้หรือเป็นนักวิ่งอาชีพก็สามารถนำ Kailas Fuga Pro 3 ไปใช้งานในการแข่งขันระยะทางไกล (0 ถึง 170 กม.) ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่สำหรับนักวิ่งมือใหม่แล้ว ทางเราแนะนำว่า เหมาะกับการนำไปใช้งานในระยะสั้นถึงกลาง (0 ถึง 100 กม.) มากกว่า

และทางแบรนด์ Kailas เอง ก็ยังมีอีกหนึ่งตัวเลือกสุดหนานุ่มอย่าง ตระกูล Fuga EX ซึ่ง Fuga EX 2 ในปี 2022 มีความสูงของพื้นชั้นกลางที่มากกว่า Fuga Pro 3 อยู่ 5 มม. และมีองศา Rocker ที่ชันกว่า ซึ่งอาจจะเหมาะกับนักวิ่งยุคใหม่ที่คุ้นชินกับรองเท้าวิ่งพื้นหนาในปัจจุบัน
ปล. Kailas Fuga EX 2 มีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 28 มม. และส้นเท้า 36 มม. (Drop 8 มม.)

แต่ Kailas Fuga Pro 3 ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่เหมาะการนำไปลงแข่งขันทำความเร็วในทุกระยะ ซึ่งรองเท้าคู่นี้ก็ได้พิสูจน์มาแล้วมากมายทั้งจากในสนามแข่งระดับโลกและในประเทศไทยเอง
สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบและความเหมาะสมของนักวิ่งแต่ละท่านด้วยนะครับ

Kailas Fuga Pro 4 ในปี 2022 ได้รับการปรับปรุงในส่วนได้บ้าง?
Kailas Fuga Pro 4 ในปี 2022 เป็นการปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในรุ่น Kailas Fuga Pro 3 ทั้งหมด โดยมาเริ่มอธิบายกันในแต่ละส่วน ดังนี้
- หน้าผ้าของ Kailas Fuga Pro 4
Kailas Fuga Pro 4 จะยังคงมาพร้อมกับหน้าผ้า Engineered Mesh แบบ 2 ชั้น แต่จะมีการปรับเปลี่ยนลวดลายและออกแบบ Heel Counter และขอบบริเวณส้นเท้าใหม่
ในส่วนเนื้อผ้ากันเศษทราย (Sandproof Cover) จะมีการปรับให้มีความยาวเพิ่มไปจนถึงบริเวณหน้าเท้าจากที่ในรุ่นเดิมมีความยาวเพียงแค่บริเวณหลังเท้า เพื่อช่วยป้องกันเศษฝุ่นหรือเศษดินที่จะเข้าไปภายในรองเท้าได้ดีมากยิ่งขึ้น
และระบบรัดเชือก AWS 3.0 ใหม่ ที่เป็นการปรับตัวร้อยเชือกบริเวณหน้าเท้าให้อยู่ต่ำลงมาอีกหนึ่งระดับ เพื่อให้สามารถล็อคกระชับบริเวณหน้าเท้าได้ดีขึ้น
และสิ่งสำคัญในรุ่น Kailas Fuga Pro 4 เลยก็คือ การปรับแก้ทรงลิ้นรองเท้าใหม่ให้เข้ารูปกับข้อเท้าของนักวิ่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้สามารถช่วยลดอาการเศษฝุ่นหรือเศษดินที่หลุดเข้าไปภายในรองเท้า ซึ่งเป็นปัญหาของรุ่นเดิมได้
นอกจากนี้จะมีการติดตั้งแถบสะท้อนแสงเพิ่มเข้ามาบริเวณปลายเท้านิ้วเท้า ซึ่งในรุ่นเดิมไม่ได้มีการติดตั้งมาให้ และในส่วนของตะขอปลดเชือกเร็ว (Lace Hook) สำหรับกรณีต้องถอดรองเท้าแบบเร่งด่วน ยังคงมีการติดตั้งมาให้เหมือนเดิม
- พื้นชั้นกลางของ Kailas Fuga Pro 4
พื้นชั้นกลางของ Kailas Fuga Pro 4 ยังจะมาพร้อมกับพื้นโฟม ECCEVAI แต่จะมีการเพิ่มความสูงของพื้นชั้นกลางอีก 1 มม. และปรับองศา Rocker ใหม่ ให้ชันขึ้นทั้งบริเวณปลายเท้าและส้นเท้า
ซึ่งหากอ้างอิงตามข้อมูลของแบรนด์ Kailas จะได้ดังนี้
- Kailas Fuga Pro 4 มีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 24 มม. และส้นเท้า 32 มม.
- Kailas Fuga Pro 3 มีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 23 มม. และส้นเท้า 31 มม.
และการปรับองศา Rocker บริเวณส้นเท้าใหม่ให้ชันขึ้นก็ถือว่าเป็นการช่วยแก้ปัญหาในรุ่นเดิม ที่บริเวณปลายส้นเท้ามักจะไปสัมผัสกับหินแบบไม่ตั้งใจอยู่บ่อยครั้ง
และพื้นชั้นกลางของ Kailas Fuga Pro 4 ในครั้งนี้จะเป็นการแยกชั้นโฟมออกมาเป็นสองส่วนจริงๆ ไม่ได้เป็นพื้นโฟมความหนาแน่นเดียวแต่ฉีดแยกสีเหมือนในรุ่นเดิม โดยเนื้อโฟมสีขาวจะมีความนุ่มและรองรับแรงกระแทกได้ดี และในส่วนเนื้อโฟมสีดำที่เฟิร์มกว่าจะเป็นเสมือนกรอบหรือโครงที่ช่วยเพิ่มความความเสถียรให้แก่ตัวรองเท้า

- ดอกยางของ Kailas Fuga Pro 4
ดอกยางของ Kailas Fuga Pro 4 จะยังคงใช้ดอกยาง Vibram MegaGrip Litebase ลวดลายเดียวกันกับในรุ่นเดิมทุกประการ

โดยรวม Kailas Fuga Pro 4 จะมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นกว่ารุ่นเดิมราวๆ 10 กรัม ซึ่ง
- Kailas Fuga Pro 4 มีน้ำหนักอยูที่ 266 กรัมในไซส์ 42
- Kailas Fuga Pro 3 มีน้ำหนักอยูที่ 256 กรัมในไซส์ 42
และแม้ว่าจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมา แต่ Kailas Fuga Pro 4 ก็ยังจัดอยู่ในรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันที่มีน้ำหนักเบา และเป็นการปรับปรุงที่ดูน่าลงทุนสำหรับนักวิ่งที่กำลังตัดสินใจที่จะเปลี่ยนจาก Kailas Fuga Pro 3 ไปรุ่นใหม่
และนี่คือทั้งหมดของรีวิว (ผ่า) Kailas Fuga Pro 3 พร้อมรายละเอียดรุ่นใหม่อย่าง Fuga Pro 4 นะครับ
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ
สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน
- FB: Running Profiles
- Website: https://runningprofiles.com/
- Youtube: Running Profiles