รีวิว (ผ่า) La Sportiva Karacal รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับฝึกซ้อมระยะกลางถึงไกล

Related Articles

วันนี้เรามาอธิบายและรีวิว (ผ่า) La Sportiva Karacal รองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการฝึกซ้อมในระยะกลางถึงไกล ที่จะเป็นการเจาะลึกถึงเทคโนโลยีภายในและความคิดเห็นเกี่ยวกับรองเท้าวิ่งเทรลคู่นี้ ซึ่งจะน่าสนใจเพียงใด เชิญติดตามได้เลยครับ

รีวิว (ผ่า) La Sportiva Karacal รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับฝึกซ้อมระยะกลางถึงไกล

คำชี้แจง:

  • การผ่ารองเท้าวิ่งในทุกๆ ครั้งของทางเรา Running Profiles มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการศึกษาเทคโนโลยีภายในรองเท้าและเผยแพร่ให้ความรู้แก่นักวิ่งทุกท่าน โดยรองเท้าวิ่งที่ถูกผ่าแต่ละคู่จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นแหล่งอ้างอิงอย่างดี ไม่มีการนำไปทิ้งเป็นขยะ
  • ซึ่งทางเราไม่แนะนำหรือสนับสนุนให้นักวิ่งผ่ารองเท้าวิ่ง แม้ว่าจะมีการใช้งานมาแล้วก็ตาม โดยรองเท้าวิ่งที่ถูกใช้งานแล้ว ทางเราแนะนำให้นำไปบริจาคหรือส่งต่อให้นักวิ่งที่มีความต้องการใช้งานต่อ
  • โดยทางเราสนับสนุนและรณรงค์ให้ทุกท่านเห็นคุณค่าของอุปกรณ์ทุกชิ้น และส่งเสริมการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตอุปกรณ์กีฬา เพื่อลดปริมาณขยะและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา

ความเป็นมาและรายละเอียดการออกแบบของ La Sportiva Karacal

ย้อนกลับไปในปี 2021 ทางแบรนด์ La Sportiva ได้มีการเปิดตัวของรองเท้าวิ่งเทรล 2 รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการร่วมออกแบบโดย Jonathan Wyatt นักวิ่งชาวนิวซีแลนด์และอดีตเจ้าของแชมป์เหรียญทองรายการแข่ง World Mountain Running Championships 6 สมัย

Jonathan Wyatt นักวิ่งชาวนิวซีแลนด์และเจ้าของแชมป์เหรียญทองรายการแข่ง World Mountain Running Championships 6 สมัย

และทั้ง 2 รุ่น ถือเป็นรองเท้าวิ่งเทรลซีรีส์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตระกูลรองเท้าวิ่งเทรลของแบรนด์ La Sportiva โดยทั้ง 2 รุ่น ได้แก่

  • La Sportiva Cyklon: รองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันระยะกลาง (ระยะ 0 ถึง 100 กม.) บนเส้นทางที่ทรุกันดารทุกรูปแบบโดยเฉพาะ
  • La Sportiva Karacal: รองเท้าวิ่งเทรลเอนกประสงค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการฝึกซ้อมระยะกลางถึงไกล (ระยะ 0 ถึง 100 กม.)
(ซ้าย) La Sportiva Cyklon และ (ขวา) La Sportiva Karacal สองรองเท้าวิ่งเทรลซีรีส์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในตระกูลรองเท้าวิ่งเทรลของแบรนด์ La Sportiva

โดยทางแบรนด์ La Sportiva ได้อธิบายถึงรองเท้าวิ่งเทรลรุ่น Karacal ว่า Karacal เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการฝึกซ้อมระยะกลางถึงไกล และยังเหมาะกับการใช้วิ่งในวันพักหลังจากการแข่งขันที่เหนื่อยล้า (Post-Race Recovery) จากการออกแบบที่สวมใส่สบายและหน้าผ้าที่ระบายอากาศได้ดี”

ซึ่งรองเท้าวิ่งเทรล La Sportiva Karacal จะมีการออกแบบรูปทรงและองศาของพื้นชั้นกลางที่เหมือนกับรองเท้าวิ่งเทรล La Sportiva Jackal รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันระยะไกล (ระยะ 0 ถึง 170 กม.) ทุกประการ แต่จะมีการเปลี่ยนวัสดุหน้าผ้าและพื้นชั้นกลาง รวมทั้งวัสดุดอกยาง เพื่อให้มีความทนทานในการฝึกซ้อมที่มากขึ้น

La Sportiva Karacal รองเท้าวิ่งเทรลเอนกประสงค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการฝึกซ้อมระยะกลางถึงไกล

ความรู้เพิ่มเติม

  • Caracal เป็นชื่อของแมวป่าขนาดกลางตระกูลหนึ่ง ที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกา ตะวันออกกลางและเอเชียกลาง โดยมีลักษณะเด่นคือ โครงร่างสูงใหญ่ ขายาว หน้าสั้น มีหูที่เรียวยาวและใบหูด้านหลังปกคลุมด้วยขนสีดำ
  • ซึ่งชื่อ Caracal เป็นชื่อที่เพี้ยนมาจากภาษาตุรกีอย่าง Karrah-kulak” ซึ่งมีความหมายว่า “แมวที่มีหูสีดำ” และทางแบรนด์ La Sportiva ได้ใช้ชื่อรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นนี้ว่า Karacal” โดยเปลี่ยนตัวอักษรจากตัว C เป็นตัว K แทน
Caracal เป็นชื่อของแมวป่าขนาดกลางตระกูลหนึ่ง ที่มีลักษณะเด่นคือ โครงร่างสูงใหญ่ ขายาว หน้าสั้น มีหูที่เรียวยาวและใบหูด้านหลังปกคลุมด้วยขนสีดำ

และจากข้อมูลของทางแบรนด์ La Sportiva รองเท้าวิ่งเทรลทั้ง 2 รุ่น จะมีความสูงของพื้นชั้นกลาง ดังนี้

  • La Sportiva Jackal มีความสูงของบริเวณปลายเท้า 22 มม. และส้นเท้า 29 มม. (Drop 7 มม.)
  • La Sportiva Karacal มีความสูงของบริเวณปลายเท้า 22 มม. และส้นเท้า 29 มม. (Drop 7 มม.)

และในด้านของวัสดุพื้นชั้นกลาง

  • La Sportiva Jackal มาพร้อมกับพื้นชั้นกลางเทคโนโลยี Infinitoo หรือแผ่นโฟมวัสดุ PU ที่ถูกติดตั้งบริเวณปลายเท้าและส้นเท้า และเป็นรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นเดียวในปัจจุบันของแบรนด์ La Sportiva ที่ใช้เทคโนโลยีนี้
  • La Sportiva Karacal มาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง CMEVA (Compression Molded EVA) ที่โดดเด่นในเรื่องของความทนทานในการใช้งาน
(ซ้าย) La Sportiva Jackal และ (ขวา) La Sportiva Karacal

และทั้ง La Sportiva Jackal และ La Sportiva Karacal จะมีการติดตั้งแผ่นเพลทกันหินวัสดุ EVA แข็ง (EVA Rock-Shield) ที่บริเวณด้านล่างของพื้นชั้นกลาง โดยมีความหนาอยู่ที่ 1.5 มม. และวางยาวตั้งแต่บริเวณปลายเท้าถึงบริเวณส้นเท้า เพื่อทำหน้าที่ปกป้องเท้าและช่วยในการส่งแรงขณะวิ่ง รวมทั้งช่วยเพิ่มความเสถียรและป้องกันการบิดตัวบริเวณกลางเท้าของรองเท้า

และในด้านของน้ำหนัก

  • La Sportiva Jackal มีน้ำหนัก 305 กรัม ในไซส์ 42EU ชาย และ 275 กรัม ในไซส์ 38EU หญิง
  • La Sportiva Karacal มีน้ำหนัก 290 กรัม ในไซส์ 42EU ชาย และ 250 กรัม ในไซส์ 38EU หญิง
La Sportiva Jackal มาพร้อมกับพื้นชั้นกลางเทคโนโลยี Infinitoo หรือแผ่นโฟมวัสดุ PU

และในด้านของวัสดุเนื้อยาง ซึ่งทั้งสองรุ่นจะมีลักษณะลายของดอกยางที่เหมือนกันทุกประการ และมีความสูงของดอกยางอยู่ที่ 3.5 มม. รวมทั้งมาพร้อมกับเทคโนโลยี Impact Brake System (IBS) หรือเทคนิคการออกแบบลักษณะดอกยาง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะพื้นผิวและช่วยซับแรงกระแทกขณะลงเท้า แต่วัสดุเนื้อของดอกยางของทั้ง 2 รุ่นจะแตกต่างกันดังนี้

  • La Sportiva Jackal มาพร้อมกับเนื้อดอกยาง FriXion Red ที่มีความสมดุลระหว่างการยึดเกาะพื้นและความทนทานในการใช้งาน
  • La Sportiva Karacal มาพร้อมกับเนื้อดอกยาง FriXion Blue ซึ่งเป็นเนื้อยางที่มีความโดดเด่นในด้านของความทนทานที่มากที่สุดของแบรนด์ La Sportiva
(ซ้าย) La Sportiva Jackal และ (ขวา) La Sportiva Karacal

ในด้านของหน้าผ้า ทั้ง La Sportiva Jackal และ Karacal จะมีการออกแบบความกว้างของหน้าเท้าให้กว้างเป็นพิเศษ ซึ่งถูกจัดอยู่ในกลุ่มรองเท้าหน้าเท้ากว้างของแบรนด์ La Sportiva ที่เรียกว่า “ความกว้างแบบ High Volume” อย่างไรก็ตาม หน้าผ้าของ La Sportiva Jackal ที่เป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันระยะไกลจะมีความกว้างของหน้าเท้าที่กว่ารุ่น Karacal เล็กน้อย เพื่อช่วยเพิ่มความสบายในการวิ่งในระยะทางที่ไกลกว่า

หน้าผ้าของทั้ง La Sportiva Jackal และ Karacal จะมีการออกแบบความกว้างของหน้าเท้าให้กว้างเป็นพิเศษ ที่ถูกเรียกว่า “ความกว้างแบบ High Volume”

และในด้านของความรู้สึกของพื้นชั้นกลางและความเหมาะสมในการใช้งาน ซึ่งเป็นความคิดเห็นและประสบการณ์ของทางเรา Running Profiles สามารถสรุปได้ดังนี้

  • La Sportiva Jackal พื้นชั้นกลางให้ความรู้สึกที่นุ่มแน่น โดยโดดเด่นในเรื่องของการซับแรงกระแทกได้ดีจากพื้นชั้นกลางที่มีการติดตั้งวัสดุ PU ภายใน ซึ่งช่วยให้เท้ามีอาการล้าน้อยลงในการวิ่งในระยะทางไกล ทำให้เหมาะสำหรับการใช้แข่งขันวิ่งเทรลในระยะทางไกล
  • La Sportiva Karacal พื้นชั้นกลางให้ความรู้สึกเฟิร์มแน่น โดยโดดเด่นในด้านของการออกแบบองศา Rocker ของพื้นชั้นกลาง ที่ทำให้รองเท้ามีความลื่นไหลในการส่งแรง และให้ความคล่องตัวในการวิ่ง รวมทั้งดอกยางยังมีความทนทานในการใช้งานเป็นอย่างมาก ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ฝึกซ้อมเป็นหลัก โดยเฉพาะกับนักวิ่งที่ต้องการรองเท้าวิ่งที่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
La Sportiva Karacal สีต่างๆ

ข้อมูลจำเพาะของ La Sportiva Karacal

  • น้ำหนัก: 290 กรัม ในไซส์ 42EU ชาย และ 250 กรัม ในไซส์ 38EU หญิง
  • น้ำหนักชั่งจริง: 331 กรัม ในไซส์ 45EU
  • Offset: 7 มม. (ปลายเท้าสูง 22 มม. และส้นเท้าสูง 29 มม.)
  • ความกว้างหน้าเท้าแบบกว้าง (High Volume)
  • ราคา: 4,750 บาท
La Sportiva Karacal

และหลังจากทราบถึงความเป็นมาและรายละเอียดการออกแบบของ La Sportiva Karacal แล้ว เรามารีวิวเจาะลึก (ผ่า) และความคิดเห็นหลังใช้งานของ La Sportiva Karacal กันนะครับ

รีวิว (ผ่า) และความคิดเห็นหลังใช้งาน La Sportiva Karacal

รีวิว (ผ่า) และความคิดเห็นหลังใช้งาน La Sportiva Karacal

ในส่วนของการรีวิวสามารถแบ่งประเด็นได้ดังนี้

หน้าผ้า (Upper)

หน้าผ้าของ La Sportiva Karacal

หน้าผ้าของ La Sportiva Karacal มาพร้อมกับหน้าผ้า Sandwich Mesh แบบชั้นเดียว ที่มีความโดดเด่นในด้านของความสามารถในการระบายอากาศ และมีการสกรีนยาง TPU รอบตัวรองเท้า รวมทั้งทางแบรนด์ La Sportiva จะมีการเสริมโครงภายในบริเวณ Toe Cap และบริเวณช่วงส้นเท้า เพื่อช่วยในการปกป้องเท้าและเพิ่มความทนทานในการใช้งาน

La Sportiva Karacal มาพร้อมกับหน้าผ้า Sandwich Mesh แบบชั้นเดียว
เนื้อผ้า Sandwich Mesh แบบชั้นเดียว ที่มีความโดดเด่นในด้านของความสามารถในการระบายอากาศ

ความรู้เพิ่มเติม เนื้อผ้าแบบ Sandwich Mesh หรือที่ชาวไทยคุ้นหูกันในชื่อของ Air Mesh เป็นผ้าตาข่ายที่ประกอบไปด้วย 3 ชั้น คือ เนื้อผ้าด้านบน เส้นใยตรงกลาง และเนื้อผ้าด้านล่าง โดยคุณสมบัติเด่นของเนื้อผ้าชนิดนี้คือ ความนุ่มและความทนทานในใช้งาน

เนื้อผ้า Sandwich Mesh
ทางแบรนด์ La Sportiva มีการเสริมโครงภายในบริเวณ Toe Cap และบริเวณช่วงส้นเท้า เพื่อช่วยในการปกป้องเท้า
ทางแบรนด์ La Sportiva มีการเสริมโครงภายในบริเวณ Toe Cap และบริเวณช่วงส้นเท้า เพื่อช่วยในการปกป้องเท้า

และในส่วนของลิ้นรองเท้าจะมีการบุฟองน้ำหนานุ่มขนาดใหญ่ ซึ่งลิ้นรองเท้าจะไม่ได้เชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันกับหน้าผ้า แต่จะมีสายคาดเข้ามารัดบริเวณกลางเท้าแทน

ลิ้นรองเท้าจะมีการบุฟองน้ำหนานุ่มขนาดใหญ่
ลิ้นรองเท้าไม่ได้เชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันกับหน้าผ้า แต่จะมีสายคาดเข้ามารัดบริเวณกลางเท้าแทน

และในส่วนของ Heel Counter ภายในจะเป็นพลาสติกแข็งรอบส้นเท้า ที่ช่วยประคองและปกป้องบริเวณส้นเท้า รวมทั้งมีการบุขอบบริเวณส้นเท้าด้วยฟองน้ำ เพื่อเพิ่มความสบายในการสวมใส่

และความกว้างหน้าเท้าของ La Sportiva Karacal จะมาพร้อมกับความกว้างแบบ High Volume หรือเป็นกลุ่มรองเท้าวิ่งเทรลที่มีความกว้างของหน้าเท้าที่กว้างที่สุดของแบรนด์ La Sportiva

Heel Counter ภายในจะเป็นพลาสติกแข็งรอบส้นเท้า ที่ช่วยประคองและปกป้องบริเวณส้นเท้า

ในด้านความรู้สึกหลังสวมใส่ หน้าผ้าของ La Sportiva Karacal มีจุดเด่นหลักคือ ความทนทานและความสามารถในการปกป้องเท้าของหน้าผ้า ที่แม้ว่าในรุ่นนี้จะมีหน้าผ้าเพียงแค่ชั้นเดียว แต่การสกรีนยางและเสริมโครงบริเวณหน้าผ้า ทำให้หน้าผ้าในรองเท้ารุ่นนี้ สามารถปกป้องเท้าของนักวิ่งได้ดีเป็นอย่างมาก

และจุดเด่นของหน้าผ้าชั้นเดียว คือ การระบายอากาศและการระบายน้ำที่ดีมาก และการเลือกใช้เนื้อผ้า Sandwich Mesh ก็สามารถช่วยป้องกันเศษฝุ่นหรือเศษดินที่จะหลุดรอดเข้าไปภายในรองเท้าได้ดีกว่าหน้าผ้า Mesh แบบตาข่ายชั้นเดียว

จุดเด่นของหน้าผ้าชั้นเดียว คือ การระบายอากาศและการระบายน้ำที่ดีมาก

และในด้านของความกระชับและความสบายในการสวมใส่ หน้าผ้าของ La Sportiva Karacal สามารถจับเท้าและให้ความกระชับที่ดี และมีความสบายในการสวมใส่ในระดับปานกลาง เนื่องจากหน้าผ้าชั้นเดียวที่ถูกสกรีนด้วยยางตลอดทั้งหน้าผ้าโดยตรงจะให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างแข็ง ทำให้ในช่วงแรก หน้าผ้าของ La Sportiva Karacal ต้องมีการนำไปใช้งานสักระยะ เพื่อให้หน้าผ้าคลายตัวและอ่อนตัวขึ้น ซึ่งจะเข้ากับรูปเท้าได้ดีขึ้น

และอีกหนึ่งจุดที่ต้องกล่าวถึง คือ หน้าผ้าของรองเท้ารุ่นนี้ไม่เหมาะสำหรับนักวิ่งเท้าล้ม (Overpronators) เนื่องจาก สายคาดบริเวณกลางเท้าด้านใน ที่เมื่อนักวิ่งที่เท้าล้มในสวมใส่ อุ้งเท้าจะไปสัมผัสกับสายคาดภายใน ที่ค่อนข้างมีความหนา ส่งผลให้เกิดความไม่สบายบริเวณอุ้งเท้า ซึ่งจุดนี้ไม่เกิดขึ้นกับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral)

หน้าผ้าของ La Sportiva Karacal สามารถจับเท้าและให้ความกระชับที่ดี และมีความสบายในการสวมใส่ในระดับปานกลาง

ในส่วนของการเลือกไซส์รองเท้าวิ่งเทรลของแบรนด์ La Sportiva จะมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ค่อนข้างมาก เช่น ไซส์ 45EU ของแบรนด์ La Sportiva จะมีความยาวเท่ากับไซส์ 10.5US ของแบรนด์อื่นๆ ซึ่งโดยปกติ 45EU ส่วนใหญ่จะเป็นไซส์ 11US ทำให้ไซส์ของแบรนด์ La Sportiva จะมีความสั้นกว่าของแบรนด์อื่นๆ

วิธีการที่ง่ายที่สุดในการเลือกไซส์รองเท้าวิ่งเทรลของแบรนด์ La Sportiva คือ การดูจากตารางไซส์ของทางแบรนด์ ดังต่อไปนี้

ตารางไซส์ของรองเท้าวิ่งเทรลแบรนด์ La Sportiva

โดย Mondo Point (cm) คือ ความยาวของแผ่นรองรองเท้าภายใน (หรือ Insole) ซึ่งไม่ใช่ความยาวเท้าของนักวิ่ง ฉะนั้น นักวิ่งต้องวัดความยาวของแผ่นรองในรองเท้าวิ่งที่ตนเองเคยใช้งานเป็นเซนติเมตร แล้วนำมาเทียบกับตาราง

ตัวอย่างเช่น ปกติแล้วทางเราใช้งานรองเท้าวิ่งไซส์ 11US โดยมีความยาวของแผ่นรองโดยประมาณอยู่ที่ 29.5 ซม. โดยเมื่อเทียบในตารางไซส์ของแบรนด์ La Sportiva จะได้ไซส์ใกล้เคียงสุดคือ 46EU นั่นเอง

ตัวอย่างการเลือกไซส์รองเท้าวิ่งเทรลของแบรนด์ La Sportiva

หรือหากท่านใดที่สะดวกได้ลองสวมที่ร้าน ทางเราแนะนำว่า นิ้วเท้าที่ยาวที่สุด (เวลาใส่ถุงเท้าแล้ว) ควรจะอยู่ห่างจาก Toe Bumper ประมาณ 2 -2.5 ซม. ดังรูปภาพต่อไปนี้

นิ้วเท้าที่ยาวที่สุด (เวลาใส่ถุงเท้าแล้ว) ควรจะอยู่ห่างจาก Toe Bumper ประมาณ 2 -2.5 ซม.

โดย La Sportiva Karacal หากสวมใส่ไซส์เล็กจนเกินไปจะทำให้หน้าบริเวณส้นเท้าจับเท้าไม่อยู่และจะเกิดอาการส้นรูดได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกไซส์ให้ถูกต้อง

หน้าผ้าของ La Sportiva Karacal มีจุดเด่นหลักคือ ความทนทานและความสามารถในการปกป้องเท้าของหน้าผ้า

พื้นชั้นกลาง (Midsole)

พื้นชั้นกลางของ La Sportiva Karacal

La Sportiva Karacal มาพร้อมกับพื้นชั้นกลางวัสดุ CMEVA (Compression Molded EVA) ที่โดดเด่นในเรื่องของความทนทานในการใช้งาน ซึ่งพื้นชั้นกลางจะถูกออกแบบให้มีความหนาแน่นสองส่วน (Dual-Density) โดยประกอบไปด้วย

(1) พื้นชั้นกลางหลัก (โฟมสีแดง) เป็นพื้นชั้นกลางที่มีความนุ่มแน่น โดยบริเวณปลายเท้าจะมีการแบ่งร่องตามแนวขวาง เพื่อให้บริเวณปลายเท้าของนักวิ่งสามารถงอตัวได้เล็กน้อย และบริเวณส้นเท้าจะมีการเจาะรูพรุนทั่วทั้งพื้น เพื่อช่วยเพิ่มความนุ่มและช่วยซับแรงกระแทกขณะลงเท้าบริเวณส้นเท้า

(2) กรอบโฟมรูปทรงตัว U บริเวณกลางเท้าถึงส้นเท้า (โฟมสีดำ) เป็นกรอบโฟมที่มีความแน่นและเฟิร์มเป็นพิเศษ เพื่อช่วยเพิ่มความเสถียรและมั่นคงให้แก่ตัวรองเท้า

พื้นชั้นกลางหลัก (โฟมสีแดง) เป็นพื้นชั้นกลางที่มีความนุ่มแน่น โดยบริเวณปลายเท้าจะมีการแบ่งร่องตามแนวขวาง และบริเวณส้นเท้าจะมีการเจาะรูพรุนทั่วทั้งพื้น
กรอบโฟมรูปทรงตัว U บริเวณกลางเท้าถึงส้นเท้า (โฟมสีดำ)

โดยค่าความนุ่มที่วัดได้ของพื้นชั้นกลาง La Sportiva Karacal มีดังนี้

ความนุ่มพื้นชั้นกลาง La Sportiva Karacalค่าความนุ่ม (Durometer Shore C: HC)ระดับความนุ่ม
(1) พื้นชั้นกลางหลัก (โฟมสีแดง)50 – 55เฟิร์ม
(2) กรอบโฟมรูปทรงตัว U (โฟมสีดำ)55 – 60เฟิร์ม

หมายเหตุ:

  • วิธีการอ่านค่า Durometer Shore C คือ ยิ่งตัวเลขน้อย พื้นโฟมจะยิ่งนุ่ม และตัวมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเฟิร์ม
  • ระดับความนุ่มแบ่งเป็น นุ่มมาก (30-35 HC) ➞ นุ่ม (35-40 HC) ➞ นุ่มน้อย (40-50 HC)
  • ระดับความเฟิร์มแบ่งเป็น เฟิร์ม (50-60 HC) ➞ เฟิร์มมาก (60-70 HC)
พื้นชั้นกลางของ La Sportiva Karacal

และบริเวณด้านล่างสุดของพื้นชั้นกลางจะมีการติดตั้ง แผ่นเพลทกันหินวัสดุ EVA แข็ง (EVA Rock-Shield) โดยมีความหนาอยู่ที่ 1.5 มม. และวางยาวตั้งแต่บริเวณปลายเท้าถึงบริเวณส้นเท้า เพื่อทำหน้าที่ปกป้องเท้าและช่วยในการส่งแรงขณะวิ่ง รวมทั้งช่วยเพิ่มความเสถียรและป้องกันการบิดตัวบริเวณกลางเท้าของรองเท้า

บริเวณด้านล่างสุดของพื้นชั้นกลางจะมีการติดตั้ง แผ่นเพลทกันหินวัสดุ EVA แข็ง (EVA Rock-Shield)

ในส่วนความสูงของพื้นชั้นกลาง La Sportiva Karacal เมื่อวัดจริง (รวมพื้นชั้นกลาง แผ่นรองบุพื้นและแผ่นเพลท แต่ยังไม่รวมแผ่นรองรองเท้าและดอกยาง) จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 15 มม. และส้นเท้าสูง 25 มม. (Drop 10 มม.) ซึ่งมีความสูงที่เท่ากับพื้นชั้นกลางของ La Sportiva Jackal

และเมื่อรวมความสูงของพื้นชั้นกลางทั้งหมด (รวมพื้นชั้นกลาง แผ่นรองบุพื้น แผ่นรองรองเท้า แผ่นเพลท และดอกยาง) La Sportiva Karacal จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 24.5 มม. และส้นเท้าสูง 34.5 มม. (Drop 10 มม.)

La Sportiva Karacal จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 15 มม. และส้นเท้าสูง 25 มม. (Drop 10 มม.) (รวมพื้นชั้นกลาง แผ่นรองบุพื้นและแผ่นเพลท)
La Sportiva Karacal จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 24.5 มม. และส้นเท้าสูง 34.5 มม. (Drop 10 มม.) (รวมพื้นชั้นกลาง แผ่นรองบุพื้น แผ่นรองรองเท้า แผ่นเพลท และดอกยาง)

เสริมเพิ่มเติม เมื่อรวมความสูงของพื้นชั้นกลางทั้งหมด La Sportiva Jackal จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 25 มม. และส้นเท้าสูง 35 มม. (Drop 10 มม.) ซึ่งหนากว่ารุ่น Karacal อยู่ที่ 0.5 มม. โดยเกิดจากแผ่นรองที่มีความหนาอยู่ที่ 4.5 มม.

และในส่วนของแผ่นรองรองเท้า (Insole) ของ La Sportiva Karacal จะใช้เป็นแผ่นรองลิขสิทธิ์เฉพาะที่ทางแบรนด์ La Sportiva ทำร่วมกับแบรนด์ OrthoLite ที่มีชื่อว่า Mountain Running Ergonomic”

ซึ่งเป็นแผ่นรองวัสดุ Open Cell PU ที่มีการขึ้นรูปแผ่นรองให้เข้ากับรูปทรงเท้าของนักวิ่งโดยเฉพาะ ทำให้แผ่นรองสามารถโอบกระชับเข้าเป็นส่วนเดียวกับเท้าของนักวิ่ง โดยมีความหนาของแผ่นรองอยู่ที่ 4 มม. และในส่วนของแผ่นรองบุพื้น (Strobel) จะเป็นผ้าไนลอนตาข่ายแข็ง

แผ่นรองรองเท้า “Mountain Running Ergonomic” และแผ่นรองบุพื้น (Strobel) ที่เป็นผ้าไนลอนตาข่ายแข็ง

และนอกจากในด้านของวัสดุของพื้นชั้นกลางที่ทำให้ La Sportiva Karacal มีความแตกต่างจากพื้นชั้นกลางของ La Sportiva Jackal แล้วยังมีอีกหนึ่งการออกแบบที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะในรุ่น Karacal นั่นคือ “การออกแบบให้พื้นชั้นกลางบริเวณกลางเท้ามีความนูนสูงกว่าบริเวณส้นเท้า”

เอกลักษณะเฉพาะในรุ่น Karacal คือ “การออกแบบให้พื้นชั้นกลางบริเวณกลางเท้ามีความนูนสูงกว่าบริเวณส้นเท้า”

ซึ่งในรองเท้าวิ่งปกติ พื้นชั้นกลางจะมีการลดความสูงลงไปตามลำดับ จากบริเวณส้นเท้าที่มีความหนาที่สุดและลดลงไปจนถึงบริเวณปลายเท้าที่บางที่สุด แต่ใน La Sportiva Karacal พื้นชั้นกลางบริเวณกลางเท้าจะนูนสูงขึ้นจากบริเวณส้นเท้าอีก 1 มม. แล้วจากนั้นจึงค่อยลดระดับลงมา โดยมีความสูงดังนี้

รุ่นบริเวณปลายเท้า (มม.)บริเวณกลางเท้า (มม.)บริเวณส้นเท้า (มม.)
La Sportiva Karacal152625
La Sportiva Jackal152425
(บน) La Sportiva Karacal และ (ล่าง) La Sportiva Jackal

โดยการออกแบบลักษณะนี้ จะทำหน้าที่คล้ายกับแกนของม้าโยก ที่จะทำให้บริเวณปลายเท้าของนักวิ่งทำงานน้อยลง ซึ่งเป็นการถ่ายแรงจากบริเวณกลางเท้าแทน ส่งผลให้รองเท้าคู่นี้ให้ความรู้สึกที่ลื่นไหลและเติมแรงน้อยในการวิ่งฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ

ในด้านความรู้สึกหลังสวมใส่ พื้นชั้นกลางของ La Sportiva Karacal ให้ความรู้สึกโดยรวมที่แน่นเฟิร์ม ซึ่งพื้นชั้นกลางมีความเป็นโครงที่คงรูป บิดตัวได้น้อยและคงองศา Rocker ได้ดี ทำให้เมื่อประกอบการออกแบบพื้นชั้นกลางบริเวณกลางเท้าที่มีความนูน จะช่วยให้การวิ่งแต่ละก้าวใช้แรงน้อยในการเติมแรงและสามารถวิ่งลื่นไหลไปได้เรื่อยๆ รวมทั้งให้ความรู้สึกที่คล่องตัวในการวิ่ง

พื้นชั้นกลางของ La Sportiva Karacal ให้ความรู้สึกโดยรวมที่แน่นเฟิร์ม มีความเป็นโครงที่คงรูป บิดตัวได้น้อยและคงองศา Rocker ได้ดี

อย่างไรก็ตาม การที่พื้นชั้นกลางมีลักษณะเป็นโครงแข็ง ที่บิดตัวได้น้อย จะทำให้การวิ่งบนเส้นทางทรุกันดาร เช่น ทางหินลอย รองเท้าจะมีอาการควบคุมได้ยากสำหรับนักวิ่งมือใหม่และจะพลิกตัวได้ง่าย เนื่องจากพื้นชั้นกลางปรับตัวไปบนพื้นผิวที่ไม่เรียบได้น้อย

แต่หากเป็นนักวิ่งอาชีพหรือนักวิ่งที่มีประสบการณ์ก็สามารถวิ่งอย่างระมัดระวังได้ แต่สำหรับนักวิ่งมือใหม่อาจจะไม่เหมาะกับการใช้งานบนเส้นทางที่มีความทรุกันดารมากๆ

นอกจากนี้ การออกแบบให้บริเวณกลางเท้ามีความนูนลักษณะนี้พบเห็นได้ไม่บ่อยนักในรองเท้าวิ่ง และให้ความรู้สึกในการวิ่งช่วงแรกที่แตกต่างจากรองเท้าวิ่งคู่อื่น ทำให้ต้องมีการปรับตัวในการใช้งานระยะหนึ่ง ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่วิ่งสนุกและลื่นไหลขึ้น

La Sportiva Karacal ใช้แรงน้อยในการเติมแรงและสามารถวิ่งลื่นไหลไปได้เรื่อยๆ รวมทั้งให้ความรู้สึกที่คล่องตัวในการวิ่ง

ในด้านของนักวิ่งเท้าล้ม (Overpronators) ซึ่ง La Sportiva Karacal เป็นรองเท้าวิ่งสำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral) ที่แม้ว่าพื้นชั้นกลางจะมีการเสริมกรอบโฟมคล้ายกับการเสริมอุ้งเท้า (Medial Post) แต่โดยรวมยังให้ความรู้สึกที่เท้าล้มเข้าด้านในได้อยู่ เนื่องจากพื้นชั้นกลางหลักสามารถยุบตัวได้ค่อนข้างมาก ประกอบกับฐานบริเวณกลางเท้าที่ไม่กว้างนัก ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ไม่เหมาะกับนักวิ่งเท้าล้มเท่าไหร่นัก

การที่พื้นชั้นกลางมีลักษณะเป็นโครงแข็ง ที่บิดตัวได้น้อย จะทำให้การวิ่งบนเส้นทางทรุกันดาร เช่น ทางหินลอย รองเท้าจะมีอาการควบคุมได้ยากสำหรับนักวิ่งมือใหม่

ดอกยาง (Outsole)

ดอกยางของ La Sportiva Karacal

La Sportiva Karacal มาพร้อมกับดอกยาง FriXion Blue ซึ่งเป็นเนื้อยางที่มีความโดดเด่นในด้านของความทนทานที่มากที่สุดของแบรนด์ La Sportiva โดยมาพร้อมกับลักษณะลายดอกยางแบบเอนกประสงค์ ที่มีความสูงของดอกยางอยู่ที่ 3.5 มม.

รวมทั้งมาพร้อมกับเทคโนโลยี Impact Brake System (IBS) หรือเทคนิคการออกแบบลักษณะดอกยาง ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะพื้นผิวและช่วยซับแรงกระแทกขณะลงเท้า

ในด้านประสิทธิภาพของการยึดเกาะพื้นของเนื้อดอกยาง สามารถแบ่งได้ดังนี้

  • ประสิทธิภาพการยึดเกาะบนพื้นผิวแห้ง ดอกยางของ La Sportiva Karacal สามารถยึดเกาะพื้นได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐาน โดยจะยึดเกาะอยู่ที่ 46 องศา (ค่าเฉลี่ยมาตรฐานการยึดเกาะพื้นผิวที่แห้งอยู่ 35 องศา)
  • ประสิทธิภาพการยึดเกาะบนพื้นผิวที่เปียกน้ำ ดอกยางของ La Sportiva Karacal สามารถยึดเกาะพื้นได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐานเช่นกัน โดยจะยึดเกาะอยู่ที่ 34 องศา (ค่าเฉลี่ยมาตรฐานการยึดเกาะพื้นผิวที่เปียกน้ำของรองเท้าวิ่งเทรลอยู่ 30 องศา)
ประสิทธิภาพของการยึดเกาะพื้นของ La Sportiva Karacal

โดยค่าเฉลี่ยมาตรฐานการยึดเกาะพื้นผิวที่เปียกน้ำของรองเท้าวิ่งเทรล คือ ค่าเฉลี่ยที่รองเท้าวิ่งเทรลส่วนใหญ่สามารถยึดเกาะพื้นผิวที่เปียกน้ำได้ และเป็นมาตรฐานกลางที่ถูกออกแบบมาให้กับรองเท้าวิ่งเทรลส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 30 องศา

รวมทั้ง ค่าการยึดเกาะพื้นผิวที่เปียกน้ำของดอกยางทั้งในรองเท้าวิ่งถนนและวิ่งเทรล ที่ทางเราทดสอบแล้วพบว่า “ให้ความรู้สึกที่มั่นคงมาก ไม่มีอาการลื่นหรือไถลบนเส้นทางที่เปียกน้ำ จะมีค่าอยู่ที่ 30 องศาขึ้นไป”

โดยรวม ดอกยาง FriXion Blue ถือเป็นดอกยางที่น่าประทับใจ ที่แม้ว่าทางแบรนด์ La Sportiva จะอธิบายว่าเป็นดอกยางที่โดดเด่นในด้านของความทนทานในการใช้งานเป็นหลัก แต่จากการทดสอบการยึดเกาะพื้น ถือได้ว่ายึดเกาะพื้นได้ดีมากทั้งบนพื้นผิวแห้งและเปียกน้ำ โดยมีความใกล้เคียงกับดอกยาง Vibram MegaGrip

ดอกยาง FriXion Blue ถือเป็นดอกยางที่น่าประทับใจ โดยมีทั้งความทนทานและการยึดเกาะพื้นที่ดี

ความรู้เพิ่มเติม

  • อาการติดโคลนในรองเท้าวิ่งเทรลถือเป็นเรื่องปกติที่ดอกยางลายเอนกประสงค์จะมีอาการติดโคลนหรือลื่นบนทางโคลน เนื่องไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในทางโคลนโดยเฉพาะ
  • ซึ่งดอกยางสำหรับทางโคลนโดยเฉพาะจะมีลักษณะลายดอกยางที่แต่ละดอกวางตัวห่างกันและมีความสูงของดอกยางอยู่ที่ 5 – 6 มม. รวมไปถึงบางแบรนด์อาจจะมีการเคลือบเนื้อดอกยางให้มีความมัน เพื่อช่วยสลัดโคลนออกจากพื้นได้อย่างรวดเร็ว

สรุปโดยรวมและการใช้งาน

สรุปโดยรวมและการใช้งานของ La Sportiva Karacal

La Sportiva Karacal เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการฝึกซ้อมเป็นหลัก โดยโดดเด่นในด้านการออกแบบองศาพื้นชั้นกลางและพื้นโฟมที่เฟิร์มแน่น เสถียรคงรูป ซึ่งช่วยให้การวิ่งมีความลื่นไหลและใช้แรงน้อยในการเติมแรงในแต่ละก้าวที่วิ่ง

รวมทั้ง ดอกยางที่มีความทนทานในการใช้งาน โดยยังคงไม่ละทิ้งประสิทธิภาพในการยึดเกาะพื้นที่ทำออกมาได้ดีทั้งพื้นผิวแห้งและเปียกน้ำ

และจุดเด่นสำคัญในรองเท้าวิ่งเทรลแบรนด์ La Sportiva ทุกรุ่น คือ ในด้านของความทนทานในการใช้งานและความสามารถในการปกป้องเท้าของหน้าผ้า ที่ถือเป็นเอกลักษณ์เด่นของแบรนด์สัญชาติอิตาลีแบรนด์นี้

จุดเด่นสำคัญในรองเท้าวิ่งเทรลแบรนด์ La Sportiva ทุกรุ่น คือ ในด้านของความทนทานในการใช้งานและความสามารถในการปกป้องเท้าของหน้าผ้า

ทำให้โดยรวมแล้ว La Sportiva Karacal จะเหมาะกับนักวิ่งที่ต้องการรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับฝึกซ้อมวิ่งเก็บระยะไปเรื่อยๆ ในเพซที่ไม่เร็วมาก หรือนักวิ่งที่ต้องการรองเท้าวิ่งเทรลที่ให้ความรู้สึกที่กลิ้งไหล เติมแรงน้อย โดยเฉพาะกับนักวิ่งที่รู้สึกว่ารองเท้าวิ่งเทรลหนานุ่ม มีอาการยุบตัวมากเกินไป และชื่นชอบความแน่นเฟิร์มและความคล่องตัวมากกว่า

อย่างไรก็ตาม สำหรับนักวิ่งมือใหม่ การใช้งานรองเท้าวิ่งเทรลคู่นี้บนเส้นทางทรุกันดารอาจจะทำได้ค่อนข้างยาก ซึ่งต่างจากรองเท้าวิ่งเทรลที่ใช้งานบนเส้นทางทรุกันดารได้ง่ายกว่าอย่าง La Sportiva Jackal หรือ La Sportiva Akasha II ที่มีความใช้งานง่าย โดยเฉพาะกับตระกูล Akasha ที่เหมาะกับนักวิ่งทั้งมือใหม่ที่ต้องการเริ่มต้นวิ่งเทรลและนักวิ่งอาชีพที่ต้องการรองเท้าคู่ใจ

โดยรวม La Sportiva Karacal จะเหมาะกับนักวิ่งที่ต้องการรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับฝึกซ้อมวิ่งเก็บระยะไปเรื่อยๆ ในเพซที่ไม่เร็วมาก หรือนักวิ่งที่ต้องการรองเท้าวิ่งเทรลที่ให้ความรู้สึกที่กลิ้งไหล เติมแรงน้อย

แต่สำหรับนักวิ่งอาชีพหรือนักวิ่งที่มีประสบการณ์ รองเท้า La Sportiva Karacal ก็สามารถใช้ในเส้นทางทรุกันดารและนำไปลงแข่งขันได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับถนัดและความชื่นชอบของนักวิ่งแต่ละบุคคล

นักวิ่งอาชีพหรือนักวิ่งที่มีประสบการณ์ รองเท้า La Sportiva Karacal สามารถใช้ในเส้นทางทรุกันดารและนำไปลงแข่งขันได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับถนัดและความชื่นชอบของนักวิ่งแต่ละบุคคล

และในบทความรีวิว (ผ่า) La Sportiva Karacal นี้ ต้องขอขอบคุณทาง La Sportiva Thailand ที่ส่งรองเท้ามาให้ทางเราทดสอบนะครับ

รีวิว (ผ่า) La Sportiva Karacal รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับฝึกซ้อมระยะกลางถึงไกล

และท่านใดที่สนใจรองเท้าวิ่งเทรล La Sportiva Karacal ณ เวลานี้ มีวางจำหน่ายแล้วที่ La Sportiva Thailand หรือสามารถเข้าไปเลือกชมแบบออนไลน์ได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ

หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ

สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน

More on this topic

Popular stories

Training Plan