Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR กับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Smooth Speed Assist

Related Articles

วันนี้เรามาอธิบายถึงรองเท้าวิ่งถนนสำหรับแข่งขันรุ่นล่าสุดของแบรนด์ Mizuno อย่าง Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR ที่มาพร้อมกับหน้าตารองเท้าสุดแหวกแนว ที่เป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์ที่ถูกเรียกว่า Smooth Speed Assist ซึ่งจะมีเหตุผลในการออกแบบและทำงานอย่างไร เชิญติดตามรับชมได้เลยครับ

Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR กับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Smooth Speed Assist

Smooth Speed Project โครงการนวัตกรรมวิทยาศาสตร์แห่งความเร็ว

Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR มาพร้อมกับรูปร่างที่แปลกตาจากการตัดส้นรองเท้าออกไปและบริเวณกลางเท้าถูกเสริมให้เนื้อโฟมมีความหนามากกว่ารองเท้าวิ่งปกติ ซึ่งรูปทรงพิเศษนี้ เป็นผลจากการวิจัยและพัฒนาในโครงการ Smooth Speed Project ของแบรนด์ Mizuno ที่ต้องการส่งมอบประสบการณ์การวิ่งทำความเร็วสุดแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนมาให้แก่นักวิ่ง

Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR มาพร้อมกับรูปร่างที่แปลกตาจากการตัดส้นรองเท้าออกไปและบริเวณกลางเท้าถูกเสริมให้เนื้อโฟมมีความหนามากกว่ารองเท้าวิ่งปกติ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สถิติสนามแข่งต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่สถิติโลกวิ่งมาราธอนได้ถูกทำลายเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน และรองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันถูกปรับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม จากผลงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมคิดว่าเราควรจะต้องกลับมาพิจารณาถึงคำถามที่ว่า อะไรคือความลื่นไหลอย่างมีประสิทธิภาพในการวิ่งทำความเร็ว?” – Shunsuke Aoi ผู้ออกแบบและวางแผนผลิตภัณฑ์รองเท้า ณ สำนักงานใหญ่ของ Mizuno กล่าว

คุณ Shunsuke Aoi (青井俊輔) ผู้ออกแบบและวางแผนผลิตภัณฑ์รองเท้า ณ สำนักงานใหญ่ของ Mizuno ได้นำทีมผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันนำเสนอแนวคิดและวิเคราะห์ว่า “อะไรคือความลื่นไหลในการวิ่งทำความเร็ว” ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มก่อตั้งโครงการที่มีชื่อว่า “Smooth Speed Project”

โดยในโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ คือ “จะทำอย่างไรให้ในทุกๆ ก้าวที่วิ่งจากจุดเริ่มต้นไปจนถึงเส้นชัยเป็นไปอย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ”

คุณ Shunsuke Aoi (青井俊輔) ผู้ออกแบบและวางแผนผลิตภัณฑ์รองเท้า ณ สำนักงานใหญ่ของ Mizuno
Smooth Speed Project โครงการนวัตกรรมวิทยาศาสตร์แห่งความเร็ว

ซึ่งทางแบรนด์ Mizuno ได้จำแนกการลงเท้าของนักวิ่งออกเป็น 3 ลักษณะหลัก ที่ได้แก่

  • การลงปลายเท้า (Forefoot strike)
  • การลงกลางเท้า (Midfoot strike)
  • การลงส้นเท้า (Heel strike)

และจากการวิจัยและสังเกตของทางทีมผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์ Mizuno ทำให้พบว่า “การวิ่งลงปลายเท้า (Forefoot strike) และกลางเท้า (Midfoot strike) ถือเป็นการวิ่งที่มีประสิทธิภาพสำหรับการวิ่งทำความเร็ว”

ทางแบรนด์ Mizuno ได้จำแนกการลงเท้าของนักวิ่งออกเป็น 3 ลักษณะหลัก

โดยคุณ Shunsuke Aoi กล่าวว่า “ผมคิดว่าการวิ่งลงปลายเท้าและกลางเท้าเป็นการลงเท้าที่มีประสิทธิภาพในการวิ่งทำความเร็ว อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน การลงเท้าลักษณะนี้จะทำให้กล้ามเนื้อรอบๆ น่องทำงานหนักขึ้น และยังสามารถนำไปสู่อาการบาดเจ็บได้ รวมไปถึงในความเป็นจริง มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยที่นักวิ่งจะสามารถคงลักษณะการลงเท้าให้มีประสิทธิภาพได้ตลอดการแข่งขัน”

เสริมเพิ่มเติม ความหมายของการวิ่งลงปลายเท้าของทางแบรนด์ Mizuno ในบทความนี้ คือ การวิ่งลงบริเวณจมูกเท้าถึงนิ้วเท้าแล้วส้นเท้าจะมีการยกตลอดทาง ซึ่งถือเป็นการลงเท้าที่พบเห็นได้มากในนักวิ่งอาชีพชาวญี่ปุ่น เช่น Suguru Osako แต่ในส่วนนักวิ่งมืออาชีพระดับโลกส่วนใหญ่จะเป็นการลงเท้าแบบเต็มเท้า (Midfoot strike)

ซึ่งทั้งในแง่ของ ประสิทธิภาพในการวิ่ง และ การลดความเครียดสะสมบริเวณน่อง จึงกลายมาเป็นโจทย์สำคัญของทีมพัฒนา และหลังจากที่พวกเขาได้ทำการทดสอบและขอความเห็นจากนักกีฬาครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุดก็ก่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ ที่เป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะซึ่งถูกเรียกว่า “เทคโนโลยี Smooth Speed Assist”

“เทคโนโลยี Smooth Speed Assist” เทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์ Mizuno

และหนึ่งในความคิดเห็นของนักวิ่งที่ได้เข้าร่วมการพัฒนารองเท้าคู่นี้ เขาได้กล่าวว่า “เมื่อเทียบกับรองเท้าคู่ก่อน (รุ่น Wave Duel NEO) ในช่วงท้ายของการแข่งขัน ผมไม่สามารถที่จะคงปลายเท้าของผมให้สัมผัสพื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไปและเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก (ส้นเท้าเริ่มตกลงมาสัมผัสกับพื้น) แต่เมื่อผมได้สวมใส่รองเท้าที่มีเทคโนโลยี Smooth Speed Assist มันทำให้ผมสามารถลงเท้าบริเวณปลายเท้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรเลย ต้องขอบคุณเทคโนโลยีนี้จริงๆ”

เทคโนโลยี Smooth Speed Assist นวัตกรรมช่วยลดภาระของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณน่อง

ทางแบรนด์ Mizuno อธิบายว่า คุณสมบัติเด่นข้อแรกของเทคโนโลยี Smooth Speed Assist คือ เนื้อโฟมบริเวณส้นเท้าที่ถูกตัดออกไป ซึ่งเป็นการออกแบบที่ส่งเสริมและช่วยให้นักวิ่งสามารถวิ่งลงปลายเท้าและกลางเท้าได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

เทคโนโลยี Smooth Speed Assist นวัตกรรมช่วยลดภาระของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณน่อง

และโดยปกติแล้ว นักวิ่งที่มีลักษณะการลงเท้าแบบวิ่งลงปลายเท้า หากสวมใส่รองเท้าวิ่งปกติ ในระหว่างการลงเท้า บริเวณส้นเท้าจะมีอาการตกลงมาสัมผัสกับพื้นถนน ซึ่งส่งผลให้การพยายามไม่ให้ส้นเท้าสัมผัสกับพื้นจึงกลายมาเป็นภาระของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณรอบๆ น่อง

แต่สำหรับเทคโนโลยี Smooth Speed Assist สามารถแก้ปัญหานี้ได้ โดยเป็นการออกแบบที่ขยายฐานบริเวณกลางเท้าให้มีความสูงและหนาเป็นพิเศษ รวมทั้งให้บริเวณกลางเท้ากลายมาเป็นจุดรับแรงหลัก เพื่อเข้ามาค้ำยันบริเวณส้นเท้าไม่ให้ตกลงไปขณะวิ่ง ส่งผลให้สามารถช่วยลดภาระของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณน่องในขณะวิ่งลงปลายเท้าและกลางเท้า

Mizuno Wave Duel PRO

และคุณ Haruka Kajiwara (梶原遥) หนึ่งในผู้ออกแบบรองเท้าคู่นี้ได้อธิบายถึงเทคโนโลยี Smooth Speed Assist ไว้ว่า “การทำให้ระยะห่างระหว่างจุดที่สัมผัสพื้นกับข้อเท้าของนักวิ่งสั้นลง จะส่งผลให้ภาระแรงที่กระทำต่อกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณน่องลดลงตามไปด้วย ซึ่งเปรียบเสมือนการถือวัตถุที่มีน้ำหนัก ที่ความรู้สึกของน้ำหนักจะเปลี่ยนไปตามตำแหน่งที่คุณถือ”

“ซึ่งจากการวิจัยและวัดค่าแรงบิดตัวของข้อเท้า ที่ถือเป็นตัวชี้วัดการทำงานของกล้ามเนื้อน่อง ทางเราพบว่า เทคโนโลยี Smooth Speed Assist จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพขณะวิ่งที่ความเร็ว 20 กม./ชม. (เพซ 3:00 นาที/กม.)”

การทำให้ระยะห่างระหว่างจุดที่สัมผัสพื้นกับข้อเท้าของนักวิ่งสั้นลง จะส่งผลให้ภาระแรงที่กระทำต่อกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณน่องลดลงตามไปด้วย

โดยทางแบรนด์ Mizuno ได้ทำการทดสอบวัดค่าแรงบิดตัวของข้อเท้ากับกลุ่มนักวิ่งตัวอย่างจากภายนอก ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบกับรองเท้าวิ่งที่มีเทคโนโลยี Smooth Speed Assist กับรองเท้าวิ่งรุ่นเดิม (รุ่น Wave Duel NEO) ในการวิ่งในความเร็วเพซที่ใช้ในการแข่งขัน คือ 16 ถึง 20 กม./ชม. (เพซ 3:00 ถึง 3:45 นาที/กม.)

โดยผลลัพธ์ของการวิจัยถูกยืนยันแล้วว่า เทคโนโลยี Smooth Speed Assist สามารถช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณน่องในขณะวิ่งลงปลายเท้าและกลางเท้า

Mizuno Wave Duel PRO QTR

Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR แรงบันดาลใจจาก DNA ของรองเท้าตะปู

ทางทีมออกแบบของแบรนด์ Mizuno ยังได้อธิบายถึงแรงบันดาลใจที่ได้มาจากรองเท้าตะปูระยะสั้น (Spikes) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสังเกตว่า ลักษณะการลงเท้าในการวิ่งทำความเร็วที่มีประสิทธิภาพบนถนนกับการวิ่งทำความเร็วระยะสั้นในสนามลู่ยางมีความคล้ายคลึงกัน

Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR แรงบันดาลใจจาก DNA ของรองเท้าตะปู

คุณ Haruka Kajiwara กล่าวว่า “เรามุ่งเน้นไปที่ 2 จุดสำคัญ คือ องศาการลงเท้าของรองเท้าตะปู และโครงสร้างที่จะค้ำยันให้องศานั้นอยู่ติดกับเท้า ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องยาก แต่เราก็สามารถนำมันมาประยุกต์ใช้กับรองเท้าวิ่งระยะไกลได้”

“ซึ่งรองเท้าตะปูของแบรนด์ Mizuno มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในโลกของการแข่งขันกรีฑาในลู่ และ DNA ของรองเท้าตะปู ณ เวลานี้ ได้ถูกส่งต่อมายังรองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันระยะไกลในปัจจุบัน”

รองเท้าตะปูของแบรนด์ Mizuno มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในโลกของการแข่งขันกรีฑาในลู่

และในวันที่ 1 สิงหาคม ปี 2022 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ Mizuno ได้เปิดตัวรองเท้าวิ่ง 2 รุ่น ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Smooth Speed Assist พร้อมอธิบายวัตถุประสงค์การใช้งานไว้ดังนี้

  • Mizuno Wave Duel PRO ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในการแข่งขันวิ่งถนนระยะฮาล์ฟมาราธอนและการแข่งขัน Ekiden โดยเฉพาะ (หรือระยะประมาณ 0 – 21 กม.)
  • Mizuno Wave Duel PRO QTR ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานทั้งในการแข่งขันวิ่งถนนและการแข่งขันกรีฑาในลู่ระยะ 800 เมตร ถึง 10,000 เมตรขึ้นไป (แต่ไม่สามารถใช้ในระยะสั้นที่ต่ำกว่า 800 เมตรลงมา ตามกฎของ World Athletics)
Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR

และรองเท้าวิ่งทั้งสองรุ่น ทางแบรนด์ Mizuno จะมีการจัดให้อยู่ในกลุ่มรองเท้าที่เหมาะสำหรับนักวิ่งที่สามารถจบการแข่งขันในระยะมาราธอนด้วยเวลาต่ำกว่า 3 ชั่วโมง หรือต้องวิ่งไม่ต่ำกว่าเพซ 4:15 นาที/กม. รวมไปถึงการที่รองเท้าวิ่งทั้งสองคู่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันเท่านั้น จึงทำให้ไม่สามารถนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้

ในส่วนของข้อมูลจำเพาะของทั้ง Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR จะมาพร้อมกับพื้นชั้นกลางที่ใช้ในรองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันของแบรนด์ Mizuno ณ เวลานี้ อย่าง Mizuno Enerzy Lite ซึ่งคาดว่าเป็นกลุ่มโฟม PEBA Base โดยเป็นโฟมที่มี Energy Return สูงขึ้น 35% และนุ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับโฟมรุ่นเก่าอย่าง Mizuno U4ic ที่เป็นวัสดุ EVA

Mizuno Enerzy Lite เป็นโฟมที่มี Energy Return สูงขึ้น 35% และนุ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับโฟมรุ่นเก่าอย่าง Mizuno U4ic

และ Mizuno Wave Duel PRO จะมีฐานบริเวณกลางเท้าที่ยาวกว่าในรุ่นของ Wave Duel PRO QTR ทำให้เหมาะกับการวิ่งในระยะทางที่ไกลกว่าและช่วยลดการตกลงมาสัมผัสพื้นของบริเวณส้นเท้าได้มากกว่า ซึ่งในส่วนของ Wave Duel PRO QTR จะเหมาะกับการทำความเร็วในสนามยางลู่มากกว่า

Mizuno Wave Duel PRO จะมีฐานบริเวณกลางเท้าที่ยาวกว่าในรุ่นของ Wave Duel PRO QTR ทำให้เหมาะกับการวิ่งในระยะทางที่ไกลกว่า

และบริเวณด้านในของพื้นชั้นกลางของทั้งสองรุ่นจะมีการติดตั้งแผ่นคาร์บอนรูปทรงพิเศษความยาวตลอดทั้งพื้น ที่มีการขึ้นรูปบริเวณกลางเท้าให้แข็งขึ้น เพื่อทำหน้าที่ค้ำยันไม่ให้ส้นเท้าตกลงไปสัมผัสกับพื้น โดยทางแบรนด์ Mizuno จะถือว่าเป็น “เทคโนโลยี Mizuno Wave Plate”

บริเวณด้านในของพื้นชั้นกลางของทั้งสองรุ่นจะมีการติดตั้งแผ่นคาร์บอนรูปทรงพิเศษความยาวตลอดทั้งพื้น ที่มีการขึ้นรูปบริเวณกลางเท้าให้แข็งขึ้น โดยทางแบรนด์ Mizuno จะถือว่าเป็น “เทคโนโลยี Mizuno Wave Plate”

โดยความสูงของพื้นชั้นกลางของทั้งสองรุ่นจะมีดังนี้

  • Mizuno Wave Duel PRO มีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 29.5 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม.
  • Mizuno Wave Duel PRO QTR  มีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 24.5 มม. และส้นเท้าสูง 23.5 มม.
ความสูงของพื้นชั้นกลางของทั้งสองรุ่น

ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้ที่ส่วนของส้นเท้าจะไม่มีการแตะพื้น ทำให้ไม่สามารถวัด Drop ของรองเท้าตามแบบรองเท้าวิ่งมาตรฐานทั่วไปได้ จึงทำให้ต้องมีการวัดรวมความสูงทั้งหมดของบริเวณส้นเท้าที่หายไปด้วย ซึ่งจะประมาณความสูงได้ดังนี้ (และถือเป็น Drop เสมือน)

  • Mizuno Wave Duel PRO มีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 29.5 มม. และส้นเท้าสูง 50 มม. ทำให้เสมือนมี Drop อยู่ที่ 20.5 มม.
  • Mizuno Wave Duel QTR มีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 24.5 มม. และส้นเท้าสูง 43 มม. ทำให้เสมือนมี Drop อยู่ที่ 18.5 มม.
การวัดรวมความสูงทั้งหมดของบริเวณส้นเท้าที่หายไปของทั้ง 2 รุ่น

และในส่วนของหน้าผ้า Mizuno Wave Duel PRO จะมาพร้อมกับหน้าผ้าทอ Woven Mesh ที่จับกระชับได้เท้าได้ดี และในส่วนของ Wave Duel PRO QTR จะมาพร้อมกับหน้าผ้า Air Mesh ที่ระบายอากาศได้ดี

และในส่วนของดอกยางของทั้ง 2 รุ่นจะมาพร้อมกับดอกยางน้ำหนักเบาลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ Mizuno อย่างดอกยาง G3

หน้าผ้า Mizuno Wave Duel PRO มาพร้อมกับหน้าผ้าทอ Woven Mesh และในส่วนของ Wave Duel PRO QTR มาพร้อมกับหน้าผ้า Air Mesh

โดยรวม Mizuno Wave Duel PRO และ Wave Duel PRO QTR จะมีน้ำหนักดังนี้

  • Mizuno Wave Duel PRO มีน้ำหนักอยู่ที่ 195 กรัม ในไซส์ 27 ซม. (9US) Unisex
  • Mizuno Wave Duel PRO QTR มีน้ำหนักอยู่ที่ 190 กรัม ในไซส์ 27 ซม. (9US) Unisex

ซึ่ง Mizuno Wave Duel PRO วางจำหน่ายในราคา ¥29,700 (ประมาณ 7,5xx บาท) และ Mizuno Wave Duel QTR วางจำหน่ายในราคา ¥20,900 (ประมาณ 5,5XX บาท)

ข้อมูลจำเพาะของ Mizuno Wave Duel PRO

  • หน้าผ้า Woven Mesh
  • พื้นชั้นกลาง Mizuno Enerzy Lite
  • มาพร้อมกับแผ่นคาร์บอน (Mizuno Wave Plate)
  • ออกแบบตามเทคโนโลยี Smooth Speed Assist
  • ดอกยาง G3
  • Offset: ปลายเท้าสูง 29.5 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม.
  • น้ำหนัก: 195 กรัม ในไซส์ 27 ซม. (9US) Unisex
  • มีเฉพาะหน้าเท้าปกติ
  • ราคา: ¥29,700 (ประมาณ 7,5xx บาท)
25
19
20
21
22
23
24
previous arrow
next arrow
Shadow

ข้อมูลจำเพาะของ Mizuno Wave Duel PRO QTR

  • หน้าผ้า Air Mesh
  • พื้นชั้นกลาง Mizuno Enerzy Lite
  • มาพร้อมกับแผ่นคาร์บอน (Mizuno Wave Plate)
  • ออกแบบตามเทคโนโลยี Smooth Speed Assist
  • ดอกยาง G3
  • Offset: ปลายเท้าสูง 24.5 มม. และส้นเท้าสูง 23.5 มม.
  • น้ำหนัก: 190 กรัม ในไซส์ 27 ซม. (9US) Unisex
  • มีเฉพาะหน้าเท้าปกติ
  • ราคา: ¥20,900 (ประมาณ 5,5xx บาท)
32
26
27
28
29
30
31
previous arrow
next arrow
Shadow

และ ณ เวลานี้ ทางเว็บไซต์ของ Mizuno Japan ได้เปิดให้สั่งจองแล้ว และจะเริ่มส่งรองเท้าให้ผู้ที่สั่งจองในช่วงสิ้นเดือนกันยายน ซึ่งในประเทศไทยก็ต้องรอติดตามข่าวสารกันต่อไป

โดยรวมแล้ว การออกแบบรองเท้าวิ่งครั้งนี้ของแบรนด์ Mizuno ถือได้ว่ามีความแปลกใหม่และน่าสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นการออกแบบมาเพื่อรองรับกับนักวิ่งที่วิ่งลงปลายเท้าแล้วส้นเท้าลอยโดยเฉพาะ ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ในประเทศญี่ปุ่น ในประเทศไทยเองก็มีนักวิ่งที่วิ่งลงเท้าลักษณะนี้อยู่ไม่น้อย ซึ่งนักวิ่งในกลุ่มนี้ต้องการรองเท้าวิ่งที่มี Drop ที่สูงเป็นพิเศษ เพื่อให้แต่ละก้าวที่ลงเท้าเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด และเอกลักษณ์เด่นของนักวิ่งกลุ่มนี้ คือ การมีรอบขาที่สูงเป็นพิเศษ

Mizuno Wave Duel PRO

ซึ่งทางแบรนด์ Mizuno ก็ถือได้ว่าเป็นการเปิดกลุ่มรองเท้าวิ่งประเภทใหม่ให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นและเหมาะกับนักวิ่งประเภทต่างๆ มากขึ้น

นอกจากนี้ทางแบรนด์ Mizuno ยังเหลือรองเท้าวิ่งระยะมาราธอนอีกหนึ่งรุ่นที่ยังไม่ถูกเปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ ที่คาดว่าจะเป็นรุ่น Mizuno Wave Rebellion Pro ที่ดูต่างออกไปจากรุ่นอื่นๆ ในซีรีส์ Smooth Speed Project ซึ่งต้องรอทาง Mizuno เปิดเผยข้อมูลออกมากันอีกทีนะครับ

Mizuno Wave Rebellion Pro

สุดท้าย คุณ Shunsuke Aoi ได้กล่าวว่า “ในอนาคต เราวางแผนที่จะเพิ่มรองเท้าวิ่งที่มีองศาการลงเท้าและจุดสัมผัสกับพื้นที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมกับระยะทางเป้าหมาย ซึ่งการแข่งขันวิ่งทำความเร็วทั่วโลกจะเข้มข้นขึ้น และนักวิ่งจำนวนมากจะสามารถทำลายสถิติของตนเองได้ เราหวังว่าเทคโนโลยีใหม่นี้ ที่เราพัฒนาขึ้นจะมีส่วนช่วยในเรื่องนั้น แม้ว่าจะเพียงเล็กน้อยก็ตาม”

Mizuno Wave Duel PRO QTR

หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ

สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน

อ้างอิง

More on this topic

Popular stories

Training Plan