ก่อนที่เราจะไปกันต่อกับประวัติแบรนด์ La Sportiva ตอนสุดท้าย วันนี้เราจะมาเจาะลึกและอธิบายถึงประวัติและความแตกต่างระหว่าง Mountain Running และ Trail Running รวมไปถึงองค์กรที่อยู่เบื้องหลังไม่ว่าจะเป็น World Athletic และ WMRA ประวัติจะน่าสนใจเพียงใด เชิญติดตามได้เลยครับกับตอนที่ 1 กำเนิดการวิ่งภูเขา

ประวัติและจุดเริ่มต้นของการวิ่งภูเขา (Mountain Running)
Fell Running ต้นตำรับของการแข่งขันวิ่งบนภูเขา
จุดเริ่มต้นของการแข่งขันวิ่งบนภูเขาครั้งแรกของโลก ตามที่ถูกจารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรในประวัติศาสตร์เริ่มต้นในช่วงปี ค.ศ. 1040 ถึง 1068 โดยกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ ในยุคของสมเด็จพระเจ้ามัลคอล์มที่ 3 (Malcolm III of Scotland)
โดยเป็นการจัดการแข่งขันเพื่อเฟ้นหาผู้ส่งสารที่มีความสามารถ โดยการทดสอบคัดเลือกจากการให้พวกเขาวิ่งขึ้นและลงภูเขาในเมือง Braemar ซึ่งผู้ที่สามารถทำเวลาได้เร็วที่สุดจะกลายมาเป็นผู้ส่งสารที่ทรงเกียรติแห่งราชอาณาจักรสกอตแลนด์

หลังจากผ่านพ้นยุคสมัยของสมเด็จพระเจ้ามัลคอล์มที่ 3 หลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันวิ่งบนภูเขาก็ไม่ได้มีการถูกจดบันทึกไว้ จนกระทั่งในช่วงปลายยุค 1860 การแข่งขันวิ่งภูเขาของชาวสกอตแลนด์ได้กลับมาอีกครั้งในฐานะของหนึ่งในกีฬาของงานเทศกาลกีฬาพื้นบ้านที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ของการแข่งขันวิ่งบนภูเขาถูกเรียกโดยทั่วไปว่า “Fell Running” โดยคำว่า “Fell” เป็นภาษานอร์สโบราณที่มีความหมายว่า “Mountain” หรือ “ภูเขา” นั่นเอง ซึ่งคำว่า Fell Running ถูกใช้อย่างแพร่หลายในสหราชอาณาจักร (หรือ United Kingdom: UK)
ความรู้เพิ่มเติม
- สหราชอาณาจักรหรือ United Kingdom: UK เป็นประเทศที่ในปัจจุบันประกอบไปด้วย 4 ประเทศใหญ่ คือ อังกฤษ (England), สกอตแลนด์ (Scotland), เวลส์ (Wales) และไอร์แลนด์เหนือ (Northern Ireland) ซึ่งถูกเรียกอย่างเป็นทางการว่า “สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ (United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland)”
- โดยการรวม 4 ประเทศใหญ่เข้าด้วยกันเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1603 เมื่อพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสกอตแลนด์ (James VI) ขึ้นครองบัลลังก์อังกฤษ โดยทรงใช้พระนามว่า พระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษและไอร์แลนด์ (James I) ซึ่งเป็นการรวมราชบัลลังก์แห่งสกอตแลนด์ อังกฤษ และไอร์แลนด์ไว้ภายใต้การปกครองของกษัตริย์เพียงพระองค์เดียว
- นี้จึงไม่แปลกว่าทำไม? เทศกาลกีฬาพื้นบ้านของชาวสกอตแลนด์ถึงได้มีการจัดขึ้น ณ ประเทศอังกฤษด้วย นอกจากนี้ คำว่า “ประเทศอังกฤษ” ที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้เรียกมักจะหมายถึง สหราชอาณาจักร ที่รวม 4 ประเทศใหญ่เข้าด้วยกัน

ปล. เพื่อป้องกันความสับสน ภายในบทความนี้ทางเราจะขอเรียก “England ว่า ประเทศอังกฤษ” และ “United Kingdom (UK) ว่า สหราชอาณาจักร” นะครับ
งานเทศกาลกีฬาพื้นบ้านที่มีการรวมการแข่งขันวิ่งภูเขาถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1868 โดยใช้ชื่องานว่า “Grasmere Sports” ซึ่งชื่อ Grasmere คือชื่อทะเลสาบขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในเขต Lake District มณฑล Cumbria ณ ประเทศอังกฤษ

ซึ่งภายในงานจะมีการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ เช่น มวยปล้ำ, แข่งวิ่งระยะสั้น (Sprints), แข่งเต้น, แข่งวิ่งสุนัข (Hound Trailing) และการแข่งขันวิ่งภูเขาที่ภายในงานจะใช้ชื่อว่า “Guides Race” ซึ่งเป็นเสมือนกีฬาเด่นของงาน ที่ให้เหล่านักวิ่งวิ่งขึ้นไปยังยอดเขา Silver How และวิ่งกลับลงมา โดยนักวิ่งที่เข้าเส้นชัยคนแรกจะได้รับเงินรางวัล 3 ปอนด์ หรือมีค่าในปัจจุบันประมาณ 4,400 บาท
นอกจากนี้ภายในงานจะมีการจัดแสดงและขายสินค้าท้องถิ่นต่างๆ กว่า 100 ร้าน ให้แก่เหล่านักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนในท้องถิ่น โดยเคยมีการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้เข้าชมงาน Grasmere Sports ไว้ว่ามีผู้เข้าชมเกินกว่า 10,000 คน
โดยในปัจจุบันงานเทศกาลกีฬาพื้นบ้าน Grasmere Sports ยังถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนสิงหาคม แต่ได้มีการเปลี่ยนสถานที่จัดการแข่งขันของงาน Guides Race จากยอดเขา Silver How ไปเป็นยอดเขา Butter Crags ที่ยอดเขามีความสูง 270 เมตร และมีระยะทาง 2.5 กิโลเมตร
ซึ่งสถิติสนามถูกทำไว้โดย Fred Reeves ในปี 1978 ด้วยระยะเวลา 12 นาที 21.6 วินาที ที่ในปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถทำลายสถิตินี้ลงได้ โดยผู้จัดงานกล่าวว่า ผู้ที่สามารถทำลายสถิตินี้จะได้รับเงินรางวัลเพิ่มเติมอีก 500 ปอนด์ หรือประมาณ 22,000 บาท
และในช่วงยุคเดียวกันนี้เอง ที่ในเดือนกันยายน ปี 1895 ช่างตัดผมนามว่า William Swan จากเมือง Fort William ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในประเทศสกอตแลนด์ ได้ทำสถิติวิ่งจากที่ทำการไปรษณีย์เก่าในเมือง Fort William ขึ้นไปยังยอดของภูเขา Ben Nevis ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศสกอตแลนด์ โดยมีความสูง 1,345 เมตร จากนั้นทำการวิ่งกลับลงมา ณ จุดเริ่มต้น ซึ่งในครั้งแรก เขาได้ใช้เวลาไปทั้งหมด 2 ชั่วโมง 41 นาที และในปีต่อมา เขาก็ยังกลับมาวิ่งในเส้นทางเดิม เพื่อทำลายสถิติของตนเองอีกครั้ง

ซึ่งเรื่องราวนี้ถูกบอกเล่าต่อมา จนทำให้สมาคมกีฬาสมัครเล่นแห่งสก็อตแลนด์ (Scottish Amateur Athletic Association) ได้เล็งเห็นโอกาสและตัดสินใจที่จะจัดการแข่งขันวิ่งขึ้นภูเขา Ben Nevis ทำให้ในปี 1898 การแข่งขันอย่างเป็นทางการก็ได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรก
โดยในการแข่งขันครั้งแรกมีผู้เข้าแข่งขันเพียง 10 คนเท่านั้น และได้มีการเปลี่ยนแปลงจุดเริ่มต้นจากที่ทำการไปรษณีย์เก่าในเมือง Fort William ไปเป็นโรงแรม Lochiel Arms ในเขตชุมชนข้างๆ อย่างเขตชุมชน Banavie ซึ่งทำให้มีระยะทางในการแข่งขันที่ไกลกว่าเดิม

และผู้ชนะในการแข่งขันครั้งแรกคือ Hugh Kennedy เด็กหนุ่มวัย 21 ปี ที่บังเอิญวิ่งจบด้วยระยะเวลา 2 ชั่วโมง 41 นาที ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ William Swan เคยทำไว้ในปี 1895
การแข่งขันนี้ได้ดำเนินมาถึงปี 1903 ซึ่ง ณ เวลานี้การแข่งขันวิ่งขึ้นภูเขา Ben Nevis กลายมาเป็นที่นิยมในเมือง Fort William จนทำให้มีการจัดการแข่งขันแบบไม่เป็นทางการขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยแต่ละงานก็มีจุดเริ่มต้นของสนามที่ต่างสถานที่กัน ซึ่งทำให้เกิดความสับสนในการบันทึกสถิติที่เป็นทางการ
จนกระทั่งเหล่าผู้จัดงานได้เข้ามาพูดคุยและตกลงที่จะร่วมมือกันจัดการแข่งขันที่เป็นทางการขึ้น โดยการก่อตั้ง “สมาคม Ben Nevis Race Association” ขึ้นในปี 1951 เพื่อสร้างข้อกำหนดและกฏระเบียบที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
โดยงานแข่งขันวิ่งขึ้นภูเขา Ben Nevis ได้ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Ben Nevis Race” ซึ่งมีการเลือกให้จุดเริ่มต้นและเส้นชัยของสนามตั้งอยู่ที่สนามฟุตบอล Claggan Park ในเมือง Fort William ซึ่งมีระยะทางรวม 14 กิโลเมตร และมีความชัน 1,345 เมตร และงานแข่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์แรกในเดือนกันยายนของทุกปี
ซึ่งชื่อเสียงของงานแข่ง Ben Nevis Race ถูกเผยแพร่ลงบนหน้าหนังสือพิมพ์หลายแห่ง ณ ช่วงเวลานั้น ว่า “นี้คืองานแข่งขันวิ่งที่ยากลำบากที่สุดในโลก” และ “งานแข่งวิ่งขึ้นภูเขาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก” รวมไปถึง “การแข่งขันสุดโหดที่ใช้ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย”

ชื่อเสียงที่โด่งดังของ Ben Nevis Race รวมทั้งความนิยมที่เพิ่มขึ้นของงานแข่ง Guides Race ทำให้เกิดกระแสการจัดการแข่งขันวิ่งขึ้นภูเขาในแบบเดียวกันไปทั่วทั้งสหราชอาณาจักร จนนำไปสู่การก่อตั้ง “สมาคม Fell Runners Association (FRA)” ขึ้นในปี 1970 เพื่อกำกับและดูแลความปลอดภัยเหล่านักกีฬา รวมไปถึงการสร้างกฏระเบียบและข้อบังคับที่เป็นมาตรฐานสำหรับการจัดการแข่งขันวิ่งภูเขาภายในสหราชอาณาจักร

ความนิยมของกีฬาวิ่งภูเขานี้ ไม่ได้เติบโตเพียงแค่ในสหราชอาณาจักรเท่านั้น แต่มันยังได้รับความนิยมไปทั่วทั้งทวีปยุโรป จนก่อให้เกิดงานแข่งวิ่งภูเขาที่มีชื่อเสียงหลายงาน ไม่ว่าจะเป็นงานแข่ง Sierre Zinal ที่จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1974 ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หรือ งานแข่ง Hochfelln Berglauf ซึ่งเป็นงานแข่งวิ่งภูเขาที่จัดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศเยอรมนีในปี 1974 เช่นกัน
ซึ่งทางประเทศอื่นๆ ในฝั่งยุโรปจะไม่ได้ใช้คำว่า “Fell Running” เหมือนกับในสหราชอาณาจักร แต่พวกเขาจะเรียกกีฬาประเภทนี้ว่า “Mountain Running”
การกำเนิดขององค์กร World Mountain Running Association (WMRA)
โดยในปี 1984 ชาวอิตาลีนามว่า Angelo De Biasi ได้ก่อตั้งและขึ้นเป็นประธานของสมาคม “International Committee of Mountain Running (ICMR)” ซึ่งเป็นสมาคมที่ก่อตั้งมาเพื่อกำกับดูแลกีฬาวิ่งภูเขาและช่วยผลักดันให้กีฬาวิ่งภูเขาเข้าสู่การเป็นกีฬากรีฑาระดับนานาชาติ ซึ่งในภายหลังสมาคมนี้จะถูกเปลี่ยนชื่อกลายมาเป็น “World Mountain Running Association” หรือ “WMRA” นั่นเอง

และสมาคม WMRA ได้เริ่มจัดการแข่งขันวิ่งภูเขาชิงแชมป์โลกขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1985 ภายใต้ชื่อรายการแข่งขันว่า “World Mountain Running Trophy” ซึ่งจัดขึ้น ณ ชุมชน San Vigilio di Marebbe เมือง Bolzano ประเทศอิตาลี และมีนักกีฬาที่เข้าร่วมกว่า 30 ประเทศ ซึ่งทั้ง 30 ประเทศล้วนเป็นประเทศในฝั่งยุโรปทั้งสิ้น
ต่อมาในปี 2002 สมาคม WMRA ได้ตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์กรีฑานานาชาติ (International Amateur Athletic Federation (IAAF) หรือ World Athletics) เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานของกีฬาวิ่งภูเขาให้อยู่ระดับเดียวกับกีฬากรีฑาประเภทอื่นๆ
ความรู้เพิ่มเติม สหพันธ์กรีฑานานาชาติ (World Athletics หรือชื่อเดิมคือ International Amateur Athletic Federation (IAAF)) เป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1913 ซึ่งมีหน้าที่คอยกำกับและดูแลกฏระเบียบและข้อบังคับต่างๆ ให้เป็นมาตรฐานสากล รวมไปถึงการรับรองสถิติโลกของเหล่านักกีฬา ในกีฬากรีฑาทุกประเภท ที่ครอบคลุมทั้งกีฬาวิ่งถนน วิ่งลู่ วิ่งกระโดดสูง ขว้างจักร พุ่งแหลน เดินทน วิ่งผลัด วิ่งภูเขา วิ่งเทรล วิ่งครอสคันทรี่และวิ่งระยะไกล

ต่อมาทางสมาคม WMRA ได้แบ่งรายการแข่งขันวิ่งภูเขาออกเป็น 3 ประเภทหลัก คือ
- “World Mountain Running Championships” ซึ่งเข้ามาแทนที่ World Mountain Running Trophy โดยเป็นการแข่งขันแบบคลาสสิคสนามเดียว ที่มีระยะทางอยู่ระหว่าง 9 ถึง 21 กิโลเมตร และมีความชันอยู่ที่ 100 ถึง 150 เมตรต่อกิโลเมตร
- “World Long Distance Mountain Running Championships” เป็นการแข่งขันระยะไกลสนามเดียว ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในปี 2004 โดยมีระยะทางอยู่ระหว่าง 22 ถึง 45 กิโลเมตร และมีความชันอยู่ที่ 80 ถึง 120 เมตรต่อกิโลเมตร
- “WMRA World Cup” เมื่อการแข่งขันเพียงสนามเดียว ไม่อาจตัดสินตำแหน่งเจ้าแห่งภูเขาได้ ทำให้เกิดการแข่งขันที่ถูกเรียกว่า “WMRA Grand Prix” ซึ่งจัดแข่งขันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1999 โดยเป็นการแข่งขันเก็บคะแนนจาก 4 สนามแข่งในทวีปยุโรป ซึ่งผู้ที่มีคะแนนรวมสูงที่สุดจะเป็นผู้ชนะในรายการแข่งในปีนั้นๆ และในภายหลังรายการแข่งนี้จะถูกเปลี่ยนชื่อกลายมาเป็น WMRA World Cup และมีสนามแข่งเก็บคะแนนถึง 7 สนามจากทั่วโลก
โดยการแข่งขันทุกประเภทจะมีกฏห้ามนำอุปกรณ์ช่วยเหลือติดตัวนักกีฬาไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเป้น้ำ ไม้โพลหรือเข็มทิศ ยกเว้นในการแข่งขันระยะไกลที่สามารถนำเป้น้ำไปได้เพียงอย่างเดียว
เสริมเพิ่มเติม
- เป็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดในต่างประเทศว่า “งานแข่งขันวิ่งภูเขางานอื่นๆ ที่ถูกจัดขึ้นควรจะต้องมีการแบนไม่ให้ใช้ไม้โพล” โดย Joseph Gray เจ้าของแชมป์สองสมัยจากรายการแข่ง World Mountain Running Championships ได้กล่าวถึงประสบการณ์ที่เขาได้พบเจอในงานแข่ง Vertical Kilometre ว่า “ไม้โพลของคู่แข่งแทบจะทิ่มตาของผมอยู่แล้ว เขากดไม้โพลแห่งความตายนั้นลงบนภูเขาอย่างแรง ผมแทบไม่มีสมาธิเลย นอกจากจะหลบไม้โพลนั่น”
- “ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจที่จะวิ่งผ่านเขาไป แต่แม้ว่าทางวิ่งจะกว้างนะ แต่ไม้โพลที่เขาใช้ มันก็ขวางทาง ทำให้ผมต้องระวังไม่ให้ไปสะดุดกับไม้โพลของเขาอีก”
- “และพวกคุณรู้ไหมว่า ไม้โพลเหล่านั้นมันอันตรายต่อคนรอบข้างและธรรมชาติ เมื่อผมต้องวิ่งผ่านคนเหล่านี้อย่างปลอดภัย นั่นหมายความว่า ผมต้องวิ่งออกนอกเส้นทางที่ถูกจัดเตรียมไว้ แล้วเหยียบย่ำลงบนพื้นป่าที่ถูกอนุรักษ์ไว้ ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายต่อธรรมชาติเพิ่มเติม”
- “มนุษย์เราฝากรอยเท้าไว้เต็มธรรมชาติทั่วโลกแล้ว พวกเราจำเป็นต้องเร่งกระบวนการนี้เพียงเพื่อให้ใครบางคนใช้อุปกรณ์ที่ไม่จำเป็น เพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่ตนเองอีกหรือ? บรรพบุรุษเราปีนขึ้นไปยังยอดเขาโดยไม่ใช้ไม้โพลด้วยซ้ำ และผมเป็นพยานได้ว่ามีทั้งผู้ใหญ่และเด็กสามารถวิ่งขึ้นยอดเขาที่ยากลำบากเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไม้โพล ซึ่งการช่วยชะลอการพังทลายของพื้นที่ธรรมชาตินั้นสำคัญกว่าการทำให้ใครบางคนวิ่งขึ้นภูเขาได้ง่ายขึ้น” – Joseph Gray กล่าวเสริม

นอกจากนี้ทางสมาคม WMRA ยังได้มีจัดการแข่งขันสำหรับรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี อีกด้วยภายใต้ชื่อรายการว่า “International Mountain Running Youth Cup” หรือในภายหลังจะใช้ชื่อว่า “International Mountain Running U18 Cup”

และแน่นอนว่ารายการแข่ง World Mountain Running Championships, World Long Distance Mountain Running Championships และ WMRA World Cup ทั้งหมดจะกลายเป็นประวัติศาสตรเก่า ที่จะถูกเขียนทับโดยกฏระเบียบและประเภทการแข่งขันใหม่ ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในปี 2021 นี้
แต่ก่อนที่เราจะไปกันต่อถึงรายละเอียด ทางเราต้องขอพักและจบตอนที่ 1: กำเนิดการวิ่งภูเขา ไว้ที่ ณ ตรงนี้ และในตอนต่อไป เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับจุดเริ่มต้นของการวิ่งเทรล หรือ Trail Running กันนะครับ โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
อ่านต่อตอนที่ 2 กำเนิดการวิ่งเทรล ได้ที่นี่เลยครับ
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน