วันนี้เราจะมาต่อกันในตอนที่ 3 ของประวัติ Mountain Running และ Trail Running ที่จะเล่าถึงเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการแข่งขัน Western States Endurance Run ที่ทำให้เกิดกระแสการวิ่งเทรลระยะทางไกล 100 ไมล์ ไปทั่วทุกรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา และการก่อตั้งสมาคม “American Trail Running Association” หรือ “ATRA” ที่เป็นเสมือนแบบอย่างให้กับองค์กร ITRA ที่นักวิ่งเทรลรู้จักกันในปัจจุบัน ประวัติจะน่าสนใจเพียงใด เชิญติดตามได้เลยครับ
ปล. ท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านประวัติ Mountain Running และ Trail Running สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่

กระแสการวิ่งเทรลระยะทางไกล 100 ไมล์
หลังจากการแข่งขัน Western States Endurance Run เป็นที่รู้จักและโด่งดังไปทั่วทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 1970 ถึง 1980 จนก่อให้เกิดกระแสการจัดการแข่งขันวิ่งเทรลระยะทาง 100 ไมล์ (หรือ 160.9 กิโลเมตร) ในรัฐต่างๆ ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็น
Wasatch Front 100 Mile Endurance Run ที่จัดขึ้น ณ รัฐยูทาห์ ในปี 1980 ซึ่งถือได้ว่าเป็นรายการแข่งที่เคยมีระดับความยากของสนามที่ยากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา (ก่อนที่จะถูกทำลายลงโดยงานแข่ง Hardrock Hundred Mile Endurance Run และ Barkley Marathons) และมีคำขวัญของสนาม คือ “One Hundred Miles of Heaven and Hell” หรือ “หนึ่งร้อยไมล์แห่งสวรรค์และนรก” โดยสนามแข่งมีระยะทาง 100 ไมล์ และมีความชันสะสมรวม (Elevation Gain) อยู่ที่ 7,852 เมตร

Leadville Trail 100 ที่จัดขึ้น ณ เมืองลีดวิลล์ รัฐโคโลราโด ในปี 1983 ซึ่งเป็นสนามแข่งแบบ Out-and-back (หรือไปและกลับในเส้นทางเดิม) โดยมีจุดกึ่งกลางของสนามคือ เส้นทาง Hope Pass ที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขา Hope และภูเขา Quail ซึ่งในเส้นทางนี้ นักวิ่งต้องวิ่งขึ้นเขาที่มีความชันสะสม 975 เมตร เป็นระยะทางกว่า 4 ไมล์ (หรือ 6.4 กม.) โดยมีเปอร์เซ็นต์ความชันอยู่ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ โดยรวม สนามแข่งมีระยะทาง 100 ไมล์ และมีความชันสะสมรวมอยู่ที่ 4,318 เมตร


ความรู้เพิ่มเติม:
- เปอร์เซ็นต์ความชัน (Incline หรือ Percent grade หรือในทางคณิตศาสตร์เรียกว่า Percent of Slope) เป็นการวัดความชันของภูเขาที่เป็นที่นิยมและถือเป็นสากล ซึ่งนักวิ่งส่วนใหญ่สามารถพบเห็นคำว่า Incline ได้ในลู่วิ่งไฟฟ้าเกือบทุกยี่ห้อ
- ซึ่งวิธีการคำนวณเปอร์เซ็นต์ความชันสามารถทำได้โดยการนำระยะทางความสูงจากตีนเขาถึงยอดเขา (the rise) มาหารด้วยระยะทางแนวนอน (the run) แล้วคูณด้วย 100

- ตัวอย่างเช่น ภูเขาสูง 500 เมตร และมีระยะทางที่วัดจาก GPS ได้ 4 กม. ฉะนั้นเปอร์เซ็นต์ความชันจะเท่ากับ (500/4000)*100 = 12.5%
- ปล. ระยะทางในที่นี้ไม่ใช่ระยะทางจริงที่ใช้ในการเดินทางจากตีนเขาถึงยอดเขา แต่คือระยะทางที่วัดตรงๆ ในแนวนอน ซึ่งมีหลายท่านเข้าใจผิดในเรื่องนี้อยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ความชัน 100 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่ใช่หน้าผาตั้งชัน 90 องศา แต่เป็นเนินเขาที่มีมุมองศาอยู่ที่ 45 องศา เท่านั้น
Angeles Crest 100 Mile Endurance Run ที่จัดขึ้น ณ อุทยานแห่งชาติแองเจลิส (Angeles National Forest) รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 1986 ซึ่งในครั้งแรกสนามถูกออกแบบมาให้วิ่งจบภายใน 30 ชั่วโมง แต่ด้วยความยากของสนามที่มากเกินไป ทำให้ทางผู้จัดงานต้องเพิ่มเวลาให้แก่เหล่านักวิ่งเป็น 33 ชั่วโมงแทน โดยสนามแข่งมีระยะทาง 100 ไมล์ และมีความชันสะสมรวมอยู่ที่ 6,586 เมตร

Barkley Marathons ที่จัดขึ้น ณ อุทยาน Frozen Head State Park รัฐเทนเนสซี ในปี 1986 ซึ่งเป็นงานแข่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความแหวกแนวในการสมัครและความโหดของสนามที่โหดที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ในบางปีไม่มีนักวิ่งคนใดสามารถวิ่งจบงานแข่งนี้ได้เลย

โดยในแต่ละปี งานแข่ง Barkley Marathons จะเปิดรับสมัครผู้เข้าร่วมเพียง 40 คน เท่านั้น และจะไม่มีเว็บไซต์ทางการของผู้จัดงานและไม่มีการประกาศถึงระยะเวลาในการสมัคร รายละเอียดต่างๆ ของงานจะไม่มีการโฆษณาต่อสาธารณะและรู้กันเฉพาะบุคคลวงในเท่านั้น
ซึ่งผู้สมัครจะต้องเขียนเรียงความตอบคำถามว่า “ทำไมคุณถึงควรได้รับอนุญาตให้เข้าแข่งขันในรายการ Barkley Marathons?” พร้อมทั้งจ่ายค่าธรรมเนียม $1.6 หรือประมาณ 50 บาท ไปก่อน และหลังจากได้รับพิจารณาตอบรับให้เข้าร่วมงานแข่ง ผู้เข้าร่วมจะได้รับ “จดหมายแสดงความเสียใจ” ที่ต้องมาร่วมงาน
และผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันเป็นปีแรกจะต้องนำป้ายทะเบียนรถของตนเองที่บ่งบอกถึงรัฐหรือประเทศที่อาศัยอยู่มาติดไว้ที่สนามแข่งอีกด้วย และทางผู้จัดงานยังเรียกร้องให้ผู้สมัครนำเสื้อผ้าหรือถุงเท้ามาจ่ายเป็นค่าสมัครเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งเสื้อผ้าเหล่านี้จะถูกนำไปบริจาคให้แก่ผู้ที่วิ่งไม่จบงานในปีนั้นๆ

โดยสนามแข่งของ Barkley Marathons จะเป็นการวิ่งวนรอบอุทยาน Frozen Head State Park ที่แต่ละรอบจะมีระยะทาง 20 ไมล์ (หรือ 32.2 กม.) และมีความชันสะสมรอบละ 3,657 เมตร ซึ่งผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันต้องวิ่งวน 5 รอบ โดยจะมีระยะทางรวมทั้งหมด 100 ไมล์ และมีความชันสะสมรวม 18,288 เมตร หรือมีความชันสะสมเท่ากับวิ่งขึ้นและลงภูเขาเอเวอเรสต์จากระดับน้ำทะเล 2 รอบนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีเวลาจำกัดอยู่ที่ 60 ชั่วโมง ทำให้ในบางปีการแข่งขัน Barkley Marathons ไม่มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนใดที่สามารถจบงานเลยได้

ซึ่งสัญญาณการปล่อยตัวผู้เข้าร่วมการแข่งขัน Barkley Marathons จะไม่ใช้การยิงปืนพลุขึ้นฟ้าหรือให้คนมายืนโบกธง แต่เป็นการที่ผู้จัดงานมายืนแล้วจุดบุหรี่ ณ จุดปล่อยตัว และเมื่อบุหรี่ติดแล้ว นั่นคือสัญญาณในการเริ่มการแข่งขัน

และผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันที่สามารถจบการแข่งขันได้เพียง 3 รอบ (หรือ 96.5 กม.) ในเวลา 40 ชั่วโมง จะถูกเรียกว่า “Fun Run Finishers” หรือ “ผู้จบงานแบบนักวิ่งเพื่อสุขภาพ”
และอีกหนึ่งจุดเด่นของงานแข่ง Barkley Marathons คือ หมายเลข BIB ประจำตัวผู้เข้าแข่งขัน ที่หมายเลข 1 จะถูกเลือกจากผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันที่มีโอกาศจบงานได้น้อยที่สุด เพื่อเป็นเสมือนเครื่องบูชายัญให้แก่พระเจ้า นอกจากนี้ ทางผู้จัดงานยังไม่อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันใช้อุปกรณ์ GPS ทุกชนิด และไม่มีจุดให้บริการความช่วยเหลือนักวิ่ง (Aid Station) ที่คอยบริการอาหารหรือฝากสัมภาระเพิ่มเติม แต่มีเพียงจุดเติมน้ำดื่มให้เท่านั้น ซึ่งผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องเตรียมแผนที่ เข็มทิศ ไฟฉายและนาฬิกาธรรมดา รวมทั้งทีมผู้ช่วยเหลือไปรอในจุดต่างๆ เอง
Hardrock Hundred Mile Endurance Run ที่จัดขึ้น ณ เมือง Silverton รัฐโคโลราโด ในปี 1992 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสนามแข่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องความโหดของสนาม ที่เส้นทางการแข่งขันจะมีระยะทาง 100.5 ไมล์ (หรือ 161.7 กม.) และมีความชันสะสมรวมอยู่ที่ 10,073 เมตร โดยอดีตเจ้าของสถิติแชมป์ 5 สมัยของรายการ คือ นักวิ่งชาวอเมริกันอย่าง “Karl Meltzer” หรือเจ้าฉายา “Speedgoat Karl” ซึ่งรองเท้าวิ่งเทรลของแบรนด์ Hoka One One รุ่น Speedgoat ก็ได้มาจาก Karl Meltzer ผู้นี้นั่นเอง (ไว้ในบทความต่อๆ ไป ทางเราจะมาเล่าถึงประวัติของเขากันครับ) และในปัจจุบันแชมป์ 4 สมัยของรายการ คือ Kílian Jornet แห่งทีม Salomon

โดยในการแข่งขัน Hardrock 100 ในปี 2017 Kílian Jornet ได้พลาดล้มระหว่างการแข่งขันขณะวิ่งไปได้เพียง 13 ไมล์ หรือราวๆ 21 กม. เท่านั้น จนทำให้ไหล่ของเขาหลุด แต่เขาก็จับมันดึงกลับเข้าที่ด้วยตัวเองและทำการแข่งขันต่อ ซึ่งเขาให้สัมภาษณ์ในภายหลังว่า “ไม่ต้องตกใจ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกครับที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ซึ่งในช่วงแรกมันก็จะเจ็บ แต่ผ่านไปสักระยะ มันก็จะดีขึ้นเองแม้มันจะไม่ง่ายก็ตาม”

ซึ่งตลอดทั้งงาน Kílian Jornet ใช้ผ้าประคองแขนของเขาไปตลอดทั้งงานจนสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ของงานแข่ง Hardrock 100 ด้วยระยะเวลา 24 ชั่วโมง 32 นาที 32 วินาที
ความรู้เพิ่มเติม:
- คำว่า “Rocky Mountain Slam” คือ ความท้าทายใหม่ ที่ใช้เรียกนักวิ่งที่สามารถพิชิตรายการแข่ง 100 ไมล์ ได้ 4 สนาม จากทั้งหมด 5 สนาม ภายในปีนั้นๆ ที่แต่ละสนามแข่งจะจัดขึ้น ณ เทือกเขาร็อกกี (Rocky Mountains) ซึ่งเป็นเทือกเขาที่พาดยาวตั้งแต่รัฐบริติชโคลัมเบียในประเทศแคนาดาไปจนถึงรัฐนิวเม็กซิโกในประเทศสหรัฐอเมริกา
- โดยทั้ง 5 สนามแข่งประกอบไปด้วยรายการแข่ง Leadville Trail 100, Bear 100 Mile Endurance Run, Bighorn 100, Wasatch Front 100 Mile Endurance Run และ Hardrock Hundred Mile Endurance Run ซึ่งนักวิ่งที่ทำสำเร็จจะได้รับถ้วยรางวัลที่ทำมาจากท่อนไม้ขนาดใหญ่ ที่จะสลักชื่อของนักวิ่งและวันที่ รวมทั้งชื่อรายการแข่งขันที่ถูกพิชิต

การก่อตั้งสมาคม American Trail Running Association
หลังจากการเติบโตของกระแสการแข่งขันวิ่งเทรลระยะทางไกล 100 ไมล์ ในรัฐต่างๆ ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อให้เกิดการจัดตั้งสมาคมไม่แสวงหาผลกำไรอย่างสมาคม “American Trail Running Association” หรือ “ATRA” ขึ้น ในปี 1996 ณ รัฐโคโลราโด เพื่อเข้ามากำกับและดูแลสังคมของเหล่านักวิ่งเทรลในประเทศสหรัฐอเมริกา

และทางสมาคมได้ให้นิยามของการวิ่งเทรลไว้ว่า “คำนิยามของการวิ่งเทรลของเรานั้นค่อนข้างกว้าง เราไม่เพียงแต่จะพิจารณาถึงเส้นทางที่วิ่งบนภูเขาเท่านั้น แต่เรายังรวมเส้นทางที่ลาดยางในพื้นที่ชนบทและในเมือง และเราไม่สนับสนุนความคิดที่ว่า ทางเทรลต้องเป็นทางที่ยานพาหนะเข้าไปไม่ถึง เนื่องจากในปัจจุบันสถานที่หลายแห่งในภูเขาสามารถเข้าถึงได้โดยรถยนต์”
“ฉะนั้น กีฬาวิ่งเทรล คือ กีฬาสันทนาการสาธารณะสำหรับทุกคนประเภทหนึ่งที่ให้ความเพลิดเพลินกับที่ผู้ที่เข้าร่วม โดยมีกฏต่างๆ เพียงเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้เข้าร่วมและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเท่านั้น”
โดยในปัจจุบันหน้าที่หลักของสมาคม ATRA มีดังนี้
- กำกับและดูแลการจัดการแข่งขันวิ่งเทรลให้อยู่ภายใต้ ความสนุก ความปลอดภัย และขนบธรรมเนียมที่ดีงาม
- เป็นสถานที่พบปะที่สามารถพูดคุยและจัดระเบียบของธุรกิจการวิ่งเทรล
- สร้างเครือข่ายพันธมิตรกับองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ปกป้องสิ่งแวดล้อมที่อาจจะถูกทำลายระหว่างการแข่งขันวิ่งเทรล
- เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และให้ข้อมูลข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับการวิ่งเทรล
- ให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการวิ่งเทรลแก่บุคคลภายนอก
- สร้างการมีส่วนร่วมของบุคคลทั่วไปและส่งเสริมให้เป็นกิจกรรมสันทนาการสำหรับครอบครัว
- สนับสนุนนักกีฬาระดับมืออาชีพที่ขาดแคลนด้านทุนทรัพย์ ผ่านการระดมทุนช่วยเหลือ
ซึ่งสมาคม ATRA จะกลายมาเป็นบรรทัดฐานสำคัญขององค์กรต่างๆ ในระดับนานาชาติอย่าง ITRA ที่จะมีการกำหนดนิยามของการวิ่งเทรลใหม่ในเวลาต่อมา
และในบทความตอนที่ 3 กระแสการวิ่งเทรลระยะทางไกล 100 ไมล์ ทางเราต้องขอจบไว้ที่ ณ ตรงนี้ และในตอนต่อไป เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับต้นกำเนิดของอีกหนึ่งรายการแข่งขันที่โด่งดังที่สุดในโลกอย่าง Skyrunning การวิ่งภูเขาแตะขอบฟ้า ในตอนหน้าสนุกและน่าสนใจแน่นอน โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน