วันนี้มารีวิวความคิดเห็นหลังใช้งานรองเท้าวิ่ง Reebok Floatride Energy X รองเท้าวิ่งถนนที่มาพร้อมกับแผ่นคาร์บอนรุ่นล่าสุดของแบรนด์ Reebok ในปี 2022 ที่เพิ่งเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยกันนะครับ ซึ่งจะน่าสนใจแค่ไหนและเหมาะกับการใช้ในการฝึกซ้อมแบบใด เชิญติดตามได้เลยครับ

ปล. ณ เวลานี้ ทางแบรนด์ Reebok ได้เปิดตัว Reebok Floatride Energy X คอลเลคชั่นใหม่ในปี 2023 ซึ่งเป็นการปรับโฟมใหม่ให้นุ่มขึ้นและเด้งขึ้น โดยสามารถอ่านรีวิวคอลเลคชั่นใหม่ได้ที่นี่เลยครับ
ข้อมูลและรีวิว Reebok Floatride Energy X
Reebok Floatride Energy X หรือในช่วงแรกที่เปิดตัวออกมาถูกใช้ชื่อว่า Reebok Floatride Energy X Trainers ก่อนที่ในภายหลังทางแบรนด์ Reebok ในต่างประเทศจะมีการตัดคำว่า Trainers ออกไป และวางตำแหน่งรองเท้าวิ่งคู่นี้เป็นรองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันและฝึกซ้อมในระยะมาราธอน
โดยทางแบรนด์ Reebok ได้อธิบายถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบรองเท้าวิ่งคู่นี้ไว้ว่า
“Reebok Floatride Energy X เป็นการออกแบบร่วมกับทีมนักกีฬา Reebok Boston Track Club โดยพวกเรามีวัตถุประสงค์ที่ต้องการสร้างสรรค์รองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันในระยะมาราธอน ที่มีความทนทานและนักวิ่งทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย”

“โดยในปัจจุบันรองเท้าวิ่งประสิทธิภาพสูงที่มาพร้อมกับแผ่นคาร์บอนมีราคาที่สูงมาก ซึ่งรองเท้าวิ่งประสิทธิภาพสูงเหล่านี้ควรจะเป็นรองเท้าวิ่งที่นักวิ่งทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นนักวิ่งที่แสวงหาการทำลายสถิติหรือนักวิ่งระยะไกลในวันอาทิตย์”
“เพราะทางเรามองว่า หากคุณออกวิ่ง คุณก็คือนักวิ่ง และนักวิ่งทุกคนควรได้รับโอกาศที่จะเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตนเอง”
ซึ่งจากคำอธิบายจากแบรนด์ Reebok ทำให้ Reebok Floatride Energy X ถือเป็นรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมทำความเร็ว (Lightweight Trainers) สำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral Foot) ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้ฝึกซ้อมในระยะไกลตั้งแต่ 5 กม. ไปจนถึงระยะมาราธอน รวมทั้งยังสามารถเป็นรองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันของมหาชน
ข้อมูลจำเพาะของ Reebok Floatride Energy X
- น้ำหนัก: 258 กรัม ในไซส์ 9US Unisex (รุ่นนี้ไม่มีแยกไซส์ชายหญิง)
- น้ำหนักชั่งจริง: 284 กรัม ในไซส์ 11US Unisex
- Offset: 6 มม. (ปลายเท้าสูง 30 มม. และส้นเท้าสูง 36 มม.) โดยประมาณ
- ความกว้างหน้าเท้าแบบปกติ
- ราคา: 6,590 บาท

และบทความรีวิว Reebok Floatride Energy X ในครั้งนี้จะสามารถแบ่งประเด็นได้ดังนี้
หน้าผ้า (Upper)

หน้าผ้าของ Reebok Floatride Energy X จะมาพร้อมกับหน้าผ้า Flexweave ซึ่งเป็นผ้า Mesh 2 ชั้น ที่ประกอบไปด้วย เนื้อผ้าภายนอกที่เป็นผ้าไนลอนทอแบบตาข่ายตาห่างที่ระบายอากาศได้ดีและทนทาน และเนื้อผ้าภายในที่เป็นผ้า Mesh ทอละเอียด ที่มีความอ่อนนุ่มกว่า
ซึ่งเนื้อผ้าทั้งสองส่วนจะมีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลขั้นต่ำ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยทางแบรนด์จะเรียกว่า หน้าผ้า [REE]CYCLED




และในส่วนของเนื้อผ้าด้านในจะมีการตัดเย็บให้ลิ้นรองเท้าเชื่อมเป็นหนึ่งเดียวกันกับหน้าผ้า เสมือนเป็นผ้าชิ้นเดียว ซึ่งเรียกว่า Gusseted Tongue และเนื้อผ้าด้านในจะเป็นผ้าชิ้นเดียวกับหน้าผ้าบริเวณปลายเท้า ทำให้บริเวณปลายเท้าไม่มีรอยตะเข็บ
โดยการออกแบบลักษณะนี้จะพบเห็นได้ในรองเท้าวิ่งสำหรับฝึกซ้อมเป็นส่วนใหญ่ เช่น Nike Zoom Fly 4 หรือรองเท้าวิ่งสำหรับฝึกซ้อมประจำวัน (Daily Trainers) ซึ่งรองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันโดยปกติจะมีหน้าผ้าเพียงชั้นเดียวเท่านั้น

ในส่วนของลิ้นรองเท้าจะมีการบุฟองน้ำที่ไม่หนามากและมีการเจาะรูทั่วทั้งบริเวณลิ้นรองเท้า เพื่อช่วยในการระบายอากาศ และในส่วนของ Heel Counter จะเป็นพลาสติกแข็งรอบส้นเท้า ทำให้สามารถช่วยประคองบริเวณส้นเท้าได้เป็นอย่างดี รวมทั้งมีการบุขอบบริเวณส้นเท้าด้วยฟองน้ำ โดยทางแบรนด์ Reebok จะมีการการออกแบบให้ขอบบริเวณส้นเท้าเข้ารูปและหลบบริเวณเอ็นร้อยหวาย เพื่อช่วยป้องกันอาการเสียดสีหรืออาการกัดเอ็นร้อยหวาย



ในด้านความรู้สึกหลังสวมใส่ หน้าผ้าของ Reebok Floatride Energy X เป็นหน้าผ้าที่ระบายอากาศได้ดี หน้าเท้าและความสูงของบริเวณปลายเท้าค่อนข้างกว้างและสูงมาก ซึ่งนักวิ่งเท้ากว้าง (2E) และหลังเท้าสูงสามารถสวมใส่รองเท้าวิ่งคู่นี้ได้อย่างสบายๆ (ทางเราให้นักวิ่งหน้าเท้ากว้างทดสอบแล้ว)

และหน้าผ้ายังให้ความรู้สึกสวมใส่สบายจากเนื้อผ้าด้านในที่ให้ความนุ่มกับเท้า รวมทั้งโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของความทนทานในการใช้งาน และหน้าผ้าที่ไม่ใช่เนื้อผ้ายืดก็ทำให้หน้าผ้าสามารถจับกระชับเท้า ไม่ย้วยขณะวิ่งทำความเร็วและไม่มีอาการส้นรูดหรืออาการหน้าผ้ากัดเท้า

อย่างไรก็ตาม ต้องแจ้งให้ทราบว่า รองเท้าวิ่ง Reebok Floatride Energy X ไม่มีวางจำหน่ายในไซส์ครึ่ง (รวมทั้งในต่างประเทศ) เช่น 9.5US หรือ 10.5US มีแต่ไซส์เต็มเท่านั้น เช่น 9US, 10US, และ 11US และเป็นแบบ Unisex ที่รวมทั้งชายและหญิง ทำให้นักวิ่งที่ปกติสวมใส่รองเท้าไซส์ครึ่งอาจจะไม่กระชับพอดีสำหรับรองเท้าวิ่งคู่นี้ แต่สำหรับนักวิ่งที่สวมใส่รองเท้าไซส์เต็มแบบทางเราเบอร์ 11US ก็สวมใส่ตรงไซส์เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ ไม่มีการลดหรือเพิ่มไซส์

พื้นชั้นกลาง (Midsole)

ในส่วนพื้นชั้นกลางของ Reebok Floatride Energy X จะมาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Floatride Energy ซึ่งเป็นวัสดุ e-TPU หรือวัสดุ TPU แบบอัดเม็ด และทางแบรนด์ Reebok จะมีการออกแบบให้พื้นชั้นกลางมีฐานบริเวณกลางเท้าและส้นเท้าที่กว้างเป็นพิเศษ ทำให้รองเท้ามีความเสถียรและมั่นคงเป็นอย่างมาก

ซึ่งพื้นชั้นกลาง Floatride Energy จะเป็นแบบเดียวกันกับในรุ่น Reebok Floatride Energy 4 โดยเนื้อโฟมของทั้งสองรุ่นจะมีความนุ่มที่เท่ากัน แต่ Reebok Floatride Energy X จะมีความสูงของพื้นชั้นกลางที่มากกว่า ทำให้โดยรวมแล้ว Reebok Floatride Energy X ให้ความรู้สึกที่นุ่มและเด้งกว่าในรุ่น Floatride Energy 4 อยู่มาก



โดยความสูงพื้นชั้นกลางของ Reebok Floatride Energy X เมื่อวัดตามกฎของ World Athletic (รวมดอกยางและแผ่นรองรองเท้า) จะมีความสูงบริเวณปลายเท้า 30 มม. และส้นเท้าสูง 36 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 6 มม.
ปล. Reebok Floatride Energy 4 มีความสูงบริเวณปลายเท้า 23 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม. (Drop 9 มม.)

และบริเวณปลายเท้าจะมีการติดตั้งแผ่นคาร์บอนมาให้ โดยแผ่นคาร์บอนจะมีลักษณะเป็นรูปทรงตัว S แบบครึ่งแผ่น ที่การออกแบบลักษณะนี้จะทำให้รองเท้ามีความยืดหยุ่นขึ้นและมีความนุ่มบริเวณส้นเท้ามากขึ้น โดยยังคงประสิทธิภาพในการช่วยส่งแรง ทำให้รองเท้าเหมาะกับการนำไปใช้ในการฝึกซ้อมและแข่งขันสำหรับนักวิ่งมือใหม่
นอกจากนี้ ทางแบรนด์ Reebok จะมีการออกแบบให้ปลายของแผ่นคาร์บอนแยกออกจากกัน ทำให้ปลายเท้ามีความยืดหยุ่นขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยให้การวิ่งเข้าโค้งเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและลื่นไหล

ในส่วนของแผ่นรองรองเท้า (Insole) จะมาพร้อมกับแผ่นรองวัสดุ Open Cell PU จากแบรนด์ OrthoLite ที่ให้ความนุ่มและช่วยดูดซับความชื้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ใช้แผ่นรองจากแบรนด์ OrthoLite โดยตรง ไม่ได้เป็นวัสดุเทียบ
เสริมเพิ่มเติม โดยปกติแล้วแผ่นรองวัสดุ Open Cell PU จะไม่ถูกใช้ในรองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขัน แต่จะอยู่ในรองเท้าวิ่งสำหรับฝึกซ้อมเท่านั้น เช่น Nike Zoom Fly 4


ในด้านความรู้สึกหลังสวมใส่ พื้นชั้นกลางของ Reebok Floatride Energy X ให้ความรู้สึกนุ่มแน่น เด้งส่งแรงได้ดี และการวิ่งเป็นไปอย่างลื่นไหล รวมทั้งโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของความเสถียรและมั่นคง ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในรองเท้าวิ่งคาร์บอนที่เสถียรที่สุดในท้องตลาดเลยก็ว่าได้และไม่มีอาการเท้าล้ม โดยนักวิ่งเท้าแบน (Overpronators) สามารถสวมใส่รองเท้าวิ่งคู่นี้ได้เลย



ดอกยาง (Outsole)

Reebok Floatride Energy X มีการติดตั้งดอกยางมาให้ทั่วทั้งพื้น ซึ่งจะมีการฉลุเนื้อยางออกไปบางส่วน เพื่อช่วยลดน้ำหนัก และเมื่อดูจากภายนอกจากจะสังเกตว่าเนื้อยางมีความบางและไม่หนามาก แต่เมื่อใช้งานจริง ดอกยางกลับมีความทนทานในการใช้งานเป็นอย่างมาก ซึ่งจากที่ทางเราใช้งานมาอย่างเต็มที่ ดอกยางมีการสึกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น



สรุปโดยรวมและการใช้งาน

Reebok Floatride Energy X เป็นรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมทำความเร็ว (Lightweight Trainers) เอนกประสงค์ ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่การซ้อมประจำวัน เนื่องจากความเสถียรและมั่นคง ที่ทำให้เท้าแทบจะไม่ล้าและไม่มีอาการบาดเจ็บ ส่งผลให้สามารถวิ่งต่อเนื่องได้ในทุกๆ วัน
หรือนำไปซ้อมทำความเร็ว เช่น การฝึกซ้อมแบบ Tempo (วิ่งยาวต่อเนื่องแบบมีความเร็ว) และ Long Progression Run (วิ่งยาวแบบแบ่งเป็นเช็ตและเร็วขึ้นเรื่อยๆ) ซึ่ง Reebok Floatride Energy X ก็เหมาะเป็นอย่างมากเนื่องจากพื้นชั้นกลางมีความนุ่มเพียงพอและยังสามารถเร่งทำความเร็วได้ดี

นอกจากนี้ ในด้านของความทนทานในการใช้งานถือได้ว่ามีความทนทานเป็นอย่างมาก จากทั้งหน้าผ้าสองชั้นและพื้นชั้นกลางวัสดุ e-TPU ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความทนทานและไม่เสียรูปเมื่อใช้ไปนานๆ รวมทั้งดอกยางที่มีการสึกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

และแม้ว่าทางเราจะกล่าวว่ารองเท้าวิ่งคู่นี้เป็นรองเท้าวิ่งที่เหมาะสำหรับการฝึกซ้อมทำความเร็ว แต่โดยรวมแล้ว หากเทียบกับรองเท้าวิ่งสำหรับฝึกซ้อมทำความเร็วและแข่งขันในอดีตอย่างรองเท้าวิ่งตระกูล Racing Flat ต่างๆ เช่น Saucony Fastwitch 9 และ Adidas Adizero Adios 5 แล้ว รองเท้าวิ่ง Reebok Floatride Energy X ก็ถือเป็นรองเท้าวิ่งที่ให้ความรู้สึกประหยัดแรงและสามารถทำความเร็วออกมาได้ดีกว่ารองเท้าวิ่งตระกูล Racing Flat เป็นอย่างมาก
โดยทางเรายังถือว่า Reebok Floatride Energy X จัดเป็นรองเท้าวิ่งในกลุ่ม Super Shoes ที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งให้แก่นักวิ่ง ทำให้นักวิ่งมือใหม่สามารถนำไปใช้แข่งขันได้

อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับรองเท้าวิ่งสำหรับแข่งขันโดยเฉพาะอย่าง Apexbeat Speed-I ก็ต้องยอมรับว่า Apexbeat Speed-I เป็นรองเท้าวิ่งที่ทำความเร็วได้ดีกว่า ซึ่งจากที่ทางเราทดสอบมาในการวิ่งในเพซสบายๆ ซ้อมประจำวัน ไม่เร่งมาก จะได้ความเร็วเพซดังนี้
- Apexbeat Speed-I จะวิ่งอยู่ที่เพซ 3.40 – 3.45 นาที ต่อ กม.
- Reebok Floatride Energy X จะวิ่งอยู่ที่เพซ 3.45 – 3.50 นาที ต่อ กม.
- Adidas Adizero Adios 5 จะวิ่งอยู่ที่เพซ 3.55 – 4.00 นาที ต่อ กม.
- Saucony Fastwitch 9 จะวิ่งอยู่ที่เพซ 3.55 – 4.00 นาที ต่อ กม.
และรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมประจำวัน เช่น Reebok Floatride Energy 4 หรือ Adidas Solar Boost 3 จะอยู่ที่เพซ 4.00 – 4.10 ต่อ กม.
ซึ่งจะสังเกตุได้ว่า Apexbeat Speed-I จะมีความประหยัดแรงกว่า Reebok Floatride Energy X จากทั้งน้ำหนักและความเด้งของโฟม

โดยรวม Reebok Floatride Energy X เป็นรองเท้าวิ่งที่เหมาะกับการนำไปใช้ในการฝึกซ้อมในแผน 5 กม. ไปจนถึงแผนมาราธอน หรือนำไปใช้แข่งขันสำหรับนักวิ่งมือใหม่ โดยโดดเด่นเป็นอย่างมากในด้านของความทนทานและความเสถียรมั่นคง

และในบทความรีวิว Reebok Floatride Energy X นี้ ต้องขอขอบคุณทาง Reebok Thailand ที่ส่งรองเท้าคู่นี้มาให้ทางเราทดสอบนะครับ
และท่านใดที่สนใจรองเท้าวิ่ง Reebok Floatride Energy X ณ เวลานี้ มีวางจำหน่ายแล้วที่ Supersport หรือสามารถเข้าไปเลือกชมได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ

หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ
สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน
- FB: Running Profiles
- Website: https://runningprofiles.com/
- Youtube: Running Profiles