วันนี้มาต่อกันที่รองเท้าวิ่งถนนแบรนด์ Salomon ในปี 2022 กัน ที่มีการแถลงข้อมูลบางส่วนและรายละเอียดของรองเท้ารุ่นใหม่มาได้สักระยะหนึ่งแล้วในต่างประเทศ โดยจะประกอบไปด้วยรุ่น S/LAB Phantasm CF, Phantasm, Spectur, Glide Max, Sonic 5 Balance, และ Sonic 5 Confidence ซึ่งรายละเอียดจะเป็นเช่นไรและน่าสนใจแค่ไหน เชิญติดตามได้เลยครับ

เทคโนโลยี Energy Blade กับ ธีมหลัก “Speed for Everyone” ในปี 2022
หลังจาก ทางแบรนด์ Salomon มีการเปิดให้สื่อและนักวิ่งเข้าทดสอบรองเท้าวิ่งถนนตัวแข่งรุ่นเรือธงตัวใหม่ ณ ประเทศฝรั่งเศส ที่มาพร้อมกับแผ่น Fiberglass Plate อย่างรุ่น S/LAB Phantasm CF ในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ซึ่งภายในงานได้มีการเปิดเผยภาพและรายละเอียดรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ที่ถูกพัฒนาออกมา รวมทั้งธีมหลักหรือหัวใจหลักในการออกแบบรองเท้าวิ่งในปีหน้านี้ของทางแบรนด์ Salomon

โดยในปี 2022 ทางแบรนด์ Salomon ได้วางธีมหลักในการออกแบบรองเท้าวิ่ง คือ “Speed for Everyone” หรือ “ความเร็วที่เหมาะกับทุกคน”
ซึ่งทางแบรนด์ Salomon อธิบายว่า “การทำความเร็วไม่ได้มีไว้สำหรับนักวิ่งชั้นยอดที่ต้องการจะทำลายสถิติเท่านั้น แต่มันจะต้องเหมาะสำหรับนักวิ่งทั่วไปและนักวิ่งมือใหม่ด้วย”
และแน่นอนว่ารองเท้าวิ่งคู่เดียวคงเป็นไม่ได้ที่จะทำให้เหมาะกับนักวิ่งทุกคน ฉะนั้น ในปีหน้านี้เราจะได้เห็นรองเท้ารุ่นต่างๆ ที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันจากแบรนด์ Salomon
แต่ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในปีหน้านี้อย่าง “เทคโนโลยี Energy Blade” กันก่อน

เทคโนโลยี Energy Blade คือ เทคโนโลยีแผ่นเพลท ที่ออกแบบอยู่บนแนวคิดที่ว่า “นักวิ่งหรือผู้ใช้คือศูนย์กลาง” หรือ “Consumer-Centric Approach” ซึ่งจะสอดคล้องกับธีมหลักอย่าง “Speed for Everyone”
โดยเทคโนโลยี Energy Blade จะเป็นแผ่นเพลทที่มีหลากหลายรูปทรงและวัสดุ รวมไปถึงบริเวณที่ติดตั้งก็จะแตกต่างกัน ซึ่งจะถูกออกแบบให้เหมาะกับนักวิ่งแต่ละประเภท ตามหน้าที่ของรองเท้าวิ่งแต่ละรุ่น

ซึ่งใน ณ เวลานี้ รองเท้าวิ่งถนนที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Energy Blade ที่ถูกเปิดเผยออกมาจะมีทั้งหมดอยู่ 3 รุ่น ได้แก่
- Salomon S/LAB Phantasm CF
- Salomon Phantasm
- Salomon Spectur

และเราจะมาอธิบายกันว่าแนวคิดเทคโนโลยี Energy Blade จะสะท้อนออกมาในรองเท้าวิ่งทั้ง 3 รุ่นอย่างไรบ้าง (ซึ่งในส่วนรองเท้าวิ่งเทรลจะมาในโพสต่อไปครับ) โดยเริ่มกันจาก
Salomon S/LAB Phantasm CF

Salomon S/LAB Phantasm CF เป็นรองเท้าวิ่งสำหรับใส่แข่งขัน (Racing Shoes) ระยะมาราธอน ซึ่งชื่อ S/LAB ก็การันตีแล้วว่ารองเท้ารุ่นนี้จะเป็นรองเท้าวิ่งตัวแข่งเรือธงในปีหน้านี้ของแบรนด์ Salomon
โดยทางแบรนด์ Salomon ได้กล่าวว่า “นี่คือรองเท้าวิ่งถนนที่เร็วที่สุด ที่เคยออกแบบมานับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน”
ซึ่งรองเท้าเรือธงในปีก่อนหน้าอย่าง Salomon S/LAB Phantasm รุ่นแรก ก็ต้องยอมรับว่า ไม่ประสบความสำเร็จนัก เนื่องจากพื้นชั้นกลางที่ถือว่าบางและไม่ได้มาพร้อมกับเทคโนโลยีแผ่นคาร์บอนหรือแผ่นไนลอนใดๆ ทั้งสิ้น ประกอบกับราคาตั้งที่สูงถึง $180 (ราวๆ 5,8xx บาท) ในยุคที่รองเท้าวิ่ง Super Shoe หนานุ่มแบรนด์ดัง มีราคาเริ่มต้นเพียง $160 (ราวๆ 5,3xx บาท) เท่านั้น

ทำให้แบรนด์ Salomon ต้องกลับมาทำการบ้านใหม่อีกครั้ง และในปี 2022 นี้ เราจะได้เห็นการยกระดับรองเท้าวิ่งถนนรุ่นเรือธงของแบรนด์ Salomon ขึ้นไปอีกขั้น
โดย Salomon S/LAB Phantasm CF จะมาพร้อมกับแผ่น Composite Fiber Plate หรือ Fiberglass Plate (ซึ่งชื่อ CF ก็ย่อมาจาก Composite Fiber Plate ไม่ใช่ Carbon Fiber)
ซึ่งแผ่น Composite Fiber จะทำมาจากเส้นใยแก้วที่ถูกถักทอด้วยเทคโนโลยีพิเศษ ที่ทำให้พื้นที่ในแต่ละส่วนของแผ่นมีความแข็งและอ่อนตัวแตกต่างกันไปตามหน้าที่
โดยจังหวะที่วิ่งแล้วยันตัวส่งแรง แผ่นเพลทจะงอตัวได้น้อย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งแรง แต่ในจังหวะลงเท้า แผ่นเพลทจะสามารถงอตัวด้านข้างได้ ทำให้การลงเท้าเป็นไปอย่างธรรมชาติ โดยที่ไม่พลิกหรือรู้สึกแข็งกระด้างเหมือนกับแผ่นคาร์บอน

และหลังจากนั้น เส้นใยแก้วที่ถูกทอจนเสร็จก็จะถูกนำไปใส่ไว้ในแม่พิมพ์รูปเท้าแล้วเทสารประกอบร้อน เพื่อขึ้นรูปเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนนำไปติดตั้งไว้ในรองเท้า
โดย Gatien Airiau ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์รองเท้าวิ่งถนนของแบรนด์ Salomon ยังได้กล่าวอีกว่า “อีกหนึ่งจุดเด่นของแผ่น Composite Fiber คือ ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าแผ่นคาร์บอน ในแง่ของการลดของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิต ซึ่งหมายความว่าแผ่น Composite Fiber มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกว่าแผ่นคาร์บอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางเราได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก”
ในส่วนของพื้นชั้นกลางจะมาพร้อมพื้นชั้นกลาง Energy Surge (วัสดุ Olefin) ที่มีความนุ่ม ส่งแรงได้ดีและน้ำหนักเบา ซึ่งทำงานร่วมกับองศาพื้นชั้นกลางลิขสิทธิ์เฉพาะอย่างเทคโนโลยี R.Camber ที่จะทำให้ทุกย่างก้าวในการแข่งขันเป็นไปอย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ ซึ่งในรุ่นนี้จะเป็นการออกแบบสำหรับนักวิ่งที่ลงเท้าบริเวณปลายเท้าเป็นหลัก
โดยมีความสูงของพื้นชั้นกลางอยู่ที่
- Salomon S/LAB Phantasm CF มีปลายเท้าสูง 23 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม. (Drop 9 มม.)
- Salomon S/LAB Phantasm (รุ่นแรก) มีปลายเท้าสูง 14 มม. และส้นเท้าสูง 20 มม. (Drop 6 มม.)

และทางแบรนด์ Salomon ได้กล่าวถึงการนำรองเท้าต้นแบบของ Salomon S/LAB Phantasm CF ไปทดสอบในห้องปฏิบัติการ โดยคู่หนึ่งติดตั้งแผ่น Composite Fiber และอีกคู่หนึ่งไม่ถูกติดตั้ง โดยรองเท้าทั้ง 2 คู่ใช้พื้นโฟมตัวเดียวกัน
ผลลัพธ์ที่ได้คือ รองเท้าต้นแบบที่ติดตั้งแผ่น Composite Fiber มีระยะเวลาที่เท้าสัมผัสกับพื้น (หรือ Ground Contact Time) ที่ลดลงถึง 10 มิลลิวินาที ซึ่งหมายความว่าในทุก 1,000 ก้าว (หรือ ประมาณ 6-8 กิโลเมตร) เราจะลดเวลาที่เท้าสัมผัสกับพื้นได้ถึง 10 วินาที หรือก็คือ สามารถวิ่งได้อย่างประหยัดแรงขึ้นและเท้าล้าน้อยลงนั่นเอง
ในส่วนของความทนทานในการใช้งาน ทางแบรนด์ Salomon ก็ได้มีการกล่าวถึงเช่นกันว่า “พื้นชั้นกลางของ Salomon S/LAB Phantasm CF ถูกออกแบบให้มีความทนทานในการใช้งานขั้นต่ำอยู่ที่ 600 กม. ก่อนที่พื้นชั้นกลางจะรับและส่งแรงได้ไม่ดีเท่าเดิมหรือเริ่มหมดอายุ”
โดยจากการทดสอบ รองเท้าคู่นี้มีอายุอยู่ระหว่าง 600 ถึง 900 กม. ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวของนักวิ่งและลักษณะการลงเท้าที่แตกต่างกัน ซึ่งแน่นอนว่าการกล่าวถึงในด้านความทนทานในการใช้งานก็ไม่ต่างอะไรจากการบอกว่ารองเท้าวิ่ง Super Shoe หนานุ่มของแบรนด์อื่นนั้นช่างหมดอายุเร็ว
และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า Salomon S/LAB Phantasm CF จะใช้หน้าผ้าที่ทอจากบริษัท MATRYX ซึ่งเป็นผ้า Mesh ชั้นเดียว น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดีและโดดเด่นในเรื่องของความทนทาน รวมทั้งจะมีการสกรีนยางรอบตัวรองเท้า เพื่อเพิ่มความกระชับ

และในส่วนของหน้าผ้าจะมีการปรับปรุงในส่วนของ Heel Counter ที่ในรุ่นเดิม จะไม่มี Heel Counter แต่ในครั้งนี้จะมาพร้อมกับ Heel Counter แบบแข็งที่ล็อคกระชับบริเวณส้นเท้าได้ดีกว่าเดิม
โดยรวม Salomon S/LAB Phantasm CF จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาราวๆ 26 กรัม โดย
- Salomon S/LAB Phantasm CF มีน้ำหนักอยู่ที่ 225 กรัม ในไซส์ 9US Unisex
- Salomon S/LAB Phantasm (รุ่นแรก) มีน้ำหนักอยู่ที่ 199 กรัม ในไซส์ 9US Unisex
ในส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศของ Salomon S/LAB Phantasm CF คือ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ซึ่งมีการปรับราคาวางจำหน่ายขึ้นมาเป็น $225 (คาดว่าเข้าไทยราคา 7,xxx บาท)
Salomon Phantasm

Salomon Phantasm เป็นรองเท้าวิ่งทำความเร็วเอนกประสงค์ สำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral Foot) ที่สามารถใช้เป็นได้ทั้งรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมประจำวัน (Daily Trainers) และซ้อมทำความเร็ว (Lightweight Trainers) รวมไปถึงรองเท้าวิ่งสำหรับใส่แข่งขันของมหาชน
ซึ่งการใช้งานจะคล้ายคลึงกับรองเท้าวิ่งถนน Saucony ตระกูล Endorphin Speed หรือ Skechers ตระกูล Razor Excess
โดยตามข้อมูล ณ เวลานี้ กล่าวว่า Salomon Phantasm จะมีองศาพื้นชั้นกลางต่างๆ แบบเดียวกับในรุ่น S/LAB Phantasm CF ซึ่งเป็นการออกแบบสำหรับนักวิ่งที่ลงเท้าบริเวณปลายเท้าเป็นหลัก
แต่แผ่นเพลทใน Salomon Phantasm จะเป็นรูปทรงแบบ 3 ก้านแทน และทำมาจากวัสดุไนลอนผสมกับเส้นใยแก้ว 33 เปอร์เซ็นต์ (หรือ Polyamide + 33% Fiberglass) ทำให้ตัวของแผ่นเพลทมีความยืดหยุ่นตัวได้ดีกว่าและไม่แข็งเท่ากับแผ่น Composite Fiber ในรุ่น S/LAB Phantasm CF ส่งผลให้เหมาะกับการนำไปใช้ฝึกซ้อมมากกว่า

และในส่วนของพื้นชั้นกลางจะมาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Energy Surge และองศาพื้นชั้นกลางเทคโนโลยี R.Camber โดยความสูงของพื้นชั้นกลางยังไม่มีการเปิดเผย แต่ข้อมูลในต่างประเทศกล่าวว่ามีความสูงที่เท่ากับรุ่น S/LAB Phantasm CF คือ มีปลายเท้าสูง 23 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม. (Drop 9 มม.)
และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า Salomon Phantasm จะใช้หน้าผ้า Mesh ชั้นเดียว ที่ทอจากบริษัท MATRYX เช่นเดียวกัน และในส่วนน้ำหนักรวมของรองเท้ามีการเปิดเผยออกมาเฉพาะในไซส์ 9US ชาย โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 235 กรัม

ในส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศของ Salomon Phantasm คือ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ซึ่งจะวางจำหน่ายในราคา $160 (คาดว่าเข้าไทยราคา 5,9xx บาท)
Salomon Spectur

Salomon Spectur เป็นรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมวิ่งประจำวัน (Daily Trainers) สำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral Foot) ที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับเหล่านักวิ่งมหาชนที่สุดในบรรดารองเท้าวิ่งที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Energy Blade ในปีหน้านี้
โดย Salomon Spectur จะเป็นการออกแบบแผ่นเพลทให้มีรูปทรงแบบ 3 ก้าน ที่บริเวณกลางเท้าและส้นเท้าจะมีฐานที่กว้างและเชื่อมต่อกัน ซึ่งแผ่นเพลททำมาจากวัสดุไนลอนผสมกับเส้นใยแก้ว 33 เปอร์เซ็นต์ (หรือ Polyamide + 33% Fiberglass)

ซึ่งทางแบรนด์ Salomon กล่าวว่า การออกแบบแผ่นเพลทลักษณะนี้จะช่วยให้ทุกย่างก้าวของนักวิ่งที่ลงเท้าบริเวณกลางเท้าและส้นเท้าเป็นหลักเป็นไปอย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพ
และในส่วนของพื้นชั้นกลางจะมาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Energy Surge และองศาพื้นชั้นกลางเทคโนโลยี R.Camber แต่จะมีองศา Rocker บริเวณปลายเท้า ที่ชันน้อยกว่ารุ่น S/LAB Phantasm CF และ Phantasm
ในส่วนของความสูงของพื้นชั้นกลางยังไม่มีการเปิดเผย แต่ทางแบรนด์ Salomon ได้มีการลด Drop ของรองเท้าลง โดยรุ่น Spectur จะมี Drop อยู่ที่ 6 มม. และคาดว่าจะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 26.5 มม. และส้นเท้าสูง 32.5 มม. ซึ่งจะเท่ากับรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นใหม่อย่างรุ่น Pulsar Trail ที่ใช้พื้นชั้นกลางตัวเดียวกัน

และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า Salomon Spectur จะใช้หน้าผ้า Engineered Mesh ที่มีลิ้นรองเท้าแบบหนานุ่ม และในส่วนน้ำหนักรวมของรองเท้ามีการเปิดเผยออกมาเฉพาะในไซส์ 9US ชาย โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 280 กรัม

ในส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศของ Salomon Spectur คือ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ซึ่งจะวางจำหน่ายในราคา $130 (คาดว่าเข้าไทยราคา 4,9xx บาท)
และในส่วนของรองเท้าวิ่งถนนของแบรนด์ Salomon อีก 3 รุ่น ที่มีการเปิดตัวในปี 2022 แต่ไม่ได้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Energy Blade ได้แก่
- Salomon Glide Max
- Salomon Sonic 5 Balance
- Salomon Sonic 5 Confidence
Salomon Glide Max

Salomon Glide Max เป็นรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมวิ่งประจำวัน (Daily Trainers) และซ้อมวิ่งระยะทางไกล (Long Run) สำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral Foot)
โดย Salomon Glide Max เป็นรองเท้าวิ่งถนนที่ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของรองเท้าวิ่งเทรลที่ประสบความสำเร็จคู่หนึ่งในปีนี้อย่างรุ่น Ultra Glide ซึ่งในต่างประเทศมีกระแสตอบรับที่ดีมาก และถูกจัดเป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ดีที่สุดในปี 2021 นี้ทั้งจากสำนักรีวิวในต่างประเทศและทางเราเอง (อ่านพรีวิวรองเท้าวิ่งเทรล Salomon Ultra Glide ได้ที่นี่เลยครับ)

จนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ทางแบรนด์ Salomon ทำรองเท้าวิ่งถนนที่เหมือนกับรุ่น Ultra Glide ออกมา และ Salomon Glide Max ก็คือคำตอบในปีหน้านี้
ซึ่ง Salomon Glide Max จะใช้พื้นชั้นกลาง Energy Surge ที่มีความนุ่มเท่ากับในรองเท้าวิ่งเทรลรุ่น Ultra Glide แต่จะมีการเพิ่มความสูงและปรับองศาของพื้นชั้นกลางใหม่ให้เหมาะกับการวิ่งถนนมากขึ้น ซึ่งยังคงใช้ชื่อองศาของพื้นชั้นกลางว่าเทคโนโลยี R.Camber โดย
- Salomon Glide Max มีปลายเท้าสูง 29 มม. และส้นเท้าสูง 38 มม. (Drop 9 มม.)
- Salomon Ultra Glide มีปลายเท้าสูง 26 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม. (Drop 6 มม.)
และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า Salomon Glide Max จะใช้หน้าผ้า Engineered Mesh ที่มีลิ้นรองเท้าแบบหนานุ่ม และในส่วนของน้ำหนักรวมของรองเท้ามีการเปิดเผยออกมาเฉพาะในไซส์ 9US ชาย โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 275 กรัม

ในส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศของ Salomon Glide Max คือ ในช่วงเดือนกันยายน ปี 2022 ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในราคา $140 (คาดว่าเข้าไทยราคา 5,150 บาท)
Salomon Sonic 5 Balance

Salomon Sonic 5 Balance เป็นรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมวิ่งประจำวัน (Daily Trainers) สำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral Foot) ที่ในปีหน้านี้ยังคงได้ไปต่อ ซึ่งในรุ่นที่ 5 จะเป็นเพียงการปรับปรุงในส่วนของหน้าผ้าเท่านั้น
โดย Salomon Sonic 5 Balance จะยังคงมาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Optivibe ที่ประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนเนื้อโฟม ที่เป็นวัสดุผสมระหว่าง EVA กับ Olefin (แบบสูตรเก่า ที่ EVA จะเยอะกว่า Olefin) และอีกส่วนหนึ่งคือ JPAD ซึ่ง JPAD จะเป็นแผ่นยาง EVA ชนิดพิเศษที่มีหน้าที่สำหรับรับแรงกระแทกบริเวณส้นเท้า เพื่อลดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อขาขณะวิ่ง

และจากงานวิจัยในอดีตของทางแบรนด์ Salomon พบว่า “พื้นชั้นกลาง Optivibe สามารถช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อขณะลงเท้าได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ และช่วยซับแรงกระแทกได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ โดยยังคงความสามารถในการตอบสนองและส่งแรงที่มีประสิทธิภาพ”
ในส่วนความสูงของพื้นชั้นกลางจะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 20 มม. และส้นเท้าสูง 28 มม. (Drop 8 มม.)
และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า Salomon Sonic 5 Balance จะใช้หน้าผ้า Engineered Mesh ที่มีการสกรีนลวดลายใหม่ และในส่วนน้ำหนักรวมของรองเท้ายังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่คาดว่าจะมีน้ำหนักไม่ต่างจากรุ่นเดิมมากนัก โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 257 กรัม ในไซส์ 9US ชาย และ 213 กรัม ในไซส์ 8US หญิง

ในส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศของ Salomon Sonic 5 Balance คือ ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2022 ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในราคาเดิม คือ $130 (หากเข้าไทยคาดว่าราคา 4,550 บาท)
Salomon Sonic 5 Confidence

Salomon Sonic 5 Confidence เป็นรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมวิ่งประจำวัน (Daily Trainers) สำหรับนักวิ่งเท้าแบน (Overpronators) ซึ่งในรุ่นที่ 5 ก็จะเป็นเพียงการปรับปรุงในส่วนของหน้าผ้าเท่านั้น
ก่อนอื่นต้องอธิบายถึงเทคโนโลยีในรองเท้าวิ่งถนนตระกูล Sonic กันก่อน ซึ่งนอกจากเทคโนโลยีพื้นชั้นกลางอย่าง Optivibe แล้ว ทางแบรนด์ Salomon ได้พัฒนาเทคนิคในการผ่าแบ่งพื้นของพื้นชั้นกลาง ซึ่งถูกเรียกว่า “Geometric Decoupling”
โดยเทคโนโลยี Geometric Decoupling คือ การผ่าแบ่งพื้นชั้นกลางด้านล่างตามแนวยาว ทำให้พื้นชั้นกลางทั้งสองฝั่งมีความเป็นอิสระต่อกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งรองเท้าวิ่งตระกูล Sonic ในแต่ละรุ่นก็จะมีการผ่าพื้นตามแนวยาวที่ไม่เท่ากัน โดย
- Sonic Accelerate เป็นตระกูลรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมทำความเร็ว (Lightweight Trainers) สำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral Foot) ซึ่งเน้นไปที่การวิ่งลงปลายเท้าเป็นหลัก จะเป็นการผ่าพื้นให้บริเวณอุ้งเท้าด้านในเหลือพื้นที่น้อยที่สุด และออกแบบให้ปลายเท้าด้านนอกมีพื้นที่มากที่สุด

- Sonic Balance เป็นตระกูลรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมประจำวัน (Daily Trainers) สำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral Foot) ซึ่งเน้นไปที่การวิ่งลงกลางเท้าและส้นเท้าเป็นหลัก จะเป็นการผ่าพื้นให้บริเวณอุ้งเท้าด้านในและพื้นฝั่งนอกมีพื้นที่ที่เท่าๆ กัน

- Sonic Confidence เป็นตระกูลรองเท้าวิ่งสำหรับซ้อมประจำวัน (Daily Trainers) สำหรับนักวิ่งเท้าแบน (Overpronators) ซึ่งเน้นไปที่การวิ่งลงกลางเท้าและส้นเท้าเป็นหลัก จะเป็นการผ่าพื้นให้บริเวณอุ้งเท้าด้านในมีพื้นที่มากที่สุด และเหลือพื้นฝั่งนอกน้อยที่สุด เพื่อช่วยลดอาการล้มของเท้าในนักวิ่งเท้าแบน

ในส่วนความสูงของพื้นชั้นกลางของ Salomon Sonic 5 Confidence จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 20 มม. และส้นเท้าสูง 30 มม. (Drop 10 มม.)
และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า Salomon Sonic 5 Confidence จะใช้หน้าผ้า Engineered Mesh ที่มีการสกรีนลวดลายใหม่ และไม่ใช้การสกรีนยางแข็งแบบในรุ่นเดิม รวมไปถึงแก้ไขลิ้นรองเท้าให้บางลงเล็กน้อย

ในส่วนน้ำหนักรวมของรองเท้ายังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่คาดว่าจะมีน้ำหนักไม่ต่างจากรุ่นเดิมมากนัก โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 277 กรัม ในไซส์ 9US ชาย และ 228 กรัม ในไซส์ 8US หญิง
ในส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศของ Salomon Sonic 5 Confidence คือ ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2022 ซึ่งคาดว่าจะวางจำหน่ายในราคาเดิม คือ $130 (หากเข้าไทยคาดว่าราคา 4,550 บาท)
และในส่วนของ Salomon ตระกูล Sonic Accelerate ในปีหน้านี้คาดว่าจะไม่ได้ไปต่อ และอาจถูกแทนด้วยตระกูล Phantasm และ Spectur แทน และสุดท้ายหากมีรูปภาพมุมต่างๆ อย่างเป็นทางการของรองเท้าวิ่งถนนรุ่นใหม่ในปี 2022 ของแบรนด์ Salomon ทางเราจะนำมาให้รับชมกันอีกทีนะครับ
และในบทความหน้ามาต่อกันที่รองเท้าวิ่งเทรลรุ่นใหม่ของแบรนด์ Salomon กันครับ ไม่ว่าจะเป็น Pulsar Trail Pro, Pulsar Trail, Hypulse, Impulse และ Speedcross 6
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน
- FB: Running Profiles
- Website: https://runningprofiles.com/
- Youtube: Running Profiles