รีวิว (ผ่า) Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 LTD EDITION

Related Articles

วันนี้เรามาอธิบายและรีวิว (ผ่า) Salomon Sense Ride 4 ที่จะเป็นการเจาะลึกถึงเทคโนโลยีภายในและความรู้สึกหลังสวมใส่รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับสายผจญภัยระยะสั้นคู่นี้ พร้อมเปรียบเทียบความแตกต่างกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Sense Ride 3LTD EDITION ในปี 2020 ซึ่งจะน่าสนใจเพียงใด เชิญติดตามได้เลยครับ

รีวิว (ผ่า) Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 LTD EDITION

คำชี้แจง:

  • การผ่ารองเท้าวิ่งในทุกๆ ครั้งของทางเรา Running Profiles มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการศึกษาเทคโนโลยีภายในรองเท้าและเผยแพร่ให้ความรู้แก่นักวิ่งทุกท่าน โดยรองเท้าวิ่งที่ถูกผ่าแต่ละคู่จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นแหล่งอ้างอิงอย่างดี ไม่มีการนำไปทิ้งเป็นขยะ
  • ซึ่งทางเราไม่แนะนำหรือสนับสนุนให้นักวิ่งผ่ารองเท้าวิ่ง แม้ว่าจะมีการใช้งานมาแล้วก็ตาม โดยรองเท้าวิ่งที่ถูกใช้งานแล้ว ทางเราแนะนำให้นำไปบริจาคหรือส่งต่อให้นักวิ่งที่มีความต้องการใช้งานต่อ
  • โดยทางเราสนับสนุนและรณรงค์ให้ทุกท่านเห็นคุณค่าของอุปกรณ์ทุกชิ้น และส่งเสริมการใช้วัสดุรีไซเคิลในการผลิตอุปกรณ์กีฬา เพื่อลดปริมาณขยะและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา

ข้อมูลจำเพาะของ Salomon Sense Ride 4

Salomon Sense Ride 4 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับสายผจญภัยระยะสั้น (0 ถึง 50 กม.) บนสภาพเส้นทางทุกรูปแบบ

Salomon Sense Ride 4 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับสายผจญภัยระยะสั้น (0 ถึง 50 กม.) บนสภาพเส้นทางทุกรูปแบบ ซึ่งแม้ว่าในอดีตแบรนด์ Salomon จะออกแบบตระกูล Sense Ride มาเพื่อเป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับเหล่ามหาชน ที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีและสามารถใช้งานได้ในทุกระยะ เหมาะกับการใช้ฝึกซ้อมประจำวันและวิ่งระยะไกล

แต่ในปี 2022 มาตรฐานรองเท้าวิ่งเทรลปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงไปมากจากการมาถึงของรองเท้าวิ่งเทรลหนานุ่มที่กลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ และแบรนด์ Salomon เองก็มีการเปิดตัวรองเท้าวิ่งเทรลหนานุ่มสำหรับเหล่ามหาชนอย่าง Salomon Ultra Glide ซึ่งหลังจากที่เปิดตัวก็ขึ้นแท่นหนึ่งในรองเท้าวิ่งเทรลที่ดีที่สุดในปี 2021 ที่ผ่านมา

Salomon Ultra Glide รองเท้าวิ่งเทรลหนานุ่มสำหรับเหล่ามหาชน

ทำให้ Salomon Sense Ride 4 ในปัจจุบันถูกจัดอยู่ในกลุ่มรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับสายผจญภัยระยะสั้น (หรือรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับสันทนาการระยะสั้น) ที่เหมาะกับการใช้ฝึกซ้อมประจำวัน ท่องเที่ยว วิ่งเทรลหรือเดินป่า ในระยะทาง 0 ถึง 50 กม. แทน

  • น้ำหนัก: 290 กรัม ในไซส์ 9US ชาย และ 235 กรัม ในไซส์ 8US หญิง
  • น้ำหนักชั่งจริง: 317 กรัม ในไซส์ 10.5US ชาย
  • Offset: 8 มม. (ปลายเท้าสูง 24 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม.)
  • ดอกยางสูง 4 มม.
  • ความกว้างหน้าเท้าแบบปกติ
  • ราคา: 4,450 บาท
Salomon Sense Ride 4 ในปัจจุบันถูกจัดอยู่ในกลุ่มรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับสายผจญภัยระยะสั้น

รีวิว (ผ่า) Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 LTD EDITION

โดยการรีวิว Salomon Sense Ride 4 ในครั้งนี้จะรีวิวเปรียบเทียบไปพร้อมกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Sense Ride 3 แต่รุ่น Sense Ride 3 ที่นำมาเปรียบเทียบจะเป็นรุ่น LTD EDITION หรือสีพิเศษของรายการแข่งขัน Golden Trail Series ซึ่งอาจจะมีความแตกต่างจากรุ่น Sense Ride 3 รุ่นปกติในส่วนของพื้นชั้นกลาง ที่ทางเราจะลงรายละเอียดในหัวข้อพื้นชั้นกลางต่อไป

และในส่วนของการรีวิวสามารถแบ่งประเด็นได้ดังนี้

หน้าผ้า (Upper)

หน้าผ้าของ Salomon Sense Ride 4

หน้าผ้าของ Salomon Sense Ride 4 จะมาพร้อมกับหน้าผ้า Anti-Debris Mesh แบบชั้นเดียวที่โปร่งและมีรูระบายอากาศทั่วทั้งหน้าผ้า โดยภายนอกมีการสกรีนยางนิ่มรอบตัวรองเท้า และบริเวณ Toe Bumper จะมีการเสริมยางให้แข็งขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยปกป้องนิ้วเท้า

ซึ่งในรุ่น Sense Ride 3 จะเป็นหน้าผ้า Mesh แบบ 2 ชั้น ที่มีการทอละเอียด ทำให้การระบายอากาศทำออกมาได้ไม่ดีนัก

Salomon Sense Ride 4 มาพร้อมกับหน้าผ้า Anti-Debris Mesh แบบชั้นเดียว
Salomon Sense Ride 3 จะเป็นหน้าผ้า Mesh แบบ 2 ชั้น ที่มีการทอละเอียด
หน้าผ้า Anti-Debris Mesh แบบชั้นเดียวของ Salomon Sense Ride 4
หน้าผ้า Mesh แบบ 2 ชั้น ของ Salomon Sense Ride 3

และในส่วนของบริเวณลิ้นรองเท้าของทั้งสองรุ่น ทางแบรนด์ Salomon จะมีการติดตั้งเทคโนโลยี EndoFit หรือ โครงผ้ายืดด้านในที่เชื่อมกับลิ้นรองเท้า ที่จะโอบรัดบริเวณกลางเท้า เพื่อช่วยเพิ่มความกระชับ

แต่ในรุ่น Sense Ride 4 จะเป็นการสกรีนขอบโครงผ้ายืดด้วยความร้อน ทำให้ไม่มีรอยตะเข็บด้านข้างเท้าเหมือนในรุ่น Sense Ride 3 ที่เป็นการเย็บตะเข็บ

เทคโนโลยี EndoFit หรือ โครงผ้ายืดด้านในที่เชื่อมกับลิ้นรองเท้าของ Salomon Sense Ride 4
เทคโนโลยี EndoFit หรือ โครงผ้ายืดด้านในที่เชื่อมกับลิ้นรองเท้าของ Salomon Sense Ride 3
(ซ้าย) ในรุ่น Sense Ride 3 เป็นการเย็บตะเข็บ และ (ขวา) ในรุ่น Sense Ride 4 เป็นการสกรีนขอบด้วยยาง

ในส่วนของลิ้นรองเท้าจะมีความพิเศษกว่าแบรนด์อื่นๆ ซึ่งทางแบรนด์ Salomon จะเรียกว่า OrthoLite Impressions” หรือการบุวัสดุ Open Cell PU วัสดุแบบเดียวกับแผ่นรองรองเท้า (Insole) จากแบรนด์ OrthoLite แทนที่การบุฟองน้ำธรรมดา ซึ่งทำให้ลิ้นรองเท้าสามารถช่วยระบายความชื้นและเหงื่อได้ดีขึ้น

และด้านบนของลิ้นรองเท้าบริเวณช่องเก็บเชือกจะมีการเสริมโฟมเข้ามาอีกหนึ่งชั้น เพื่อช่วยป้องกันอาการเชือกกดบริเวณหลังเท้า

ลิ้นรองเท้าเทคโนโลยี “OrthoLite Impressions” ของ Salomon Sense Ride 4
ลิ้นรองเท้าเทคโนโลยี “OrthoLite Impressions” ของ Salomon Sense Ride 3
ด้านบนของลิ้นรองเท้าบริเวณช่องเก็บเชือกจะมีการเสริมโฟมเข้ามาอีกหนึ่งชั้น เพื่อช่วยป้องกันอาการเชือกกดบริเวณหลังเท้า

โดยทั้งรุ่น Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 จะมีวัสดุลิ้นรองเท้าที่เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อยในส่วนของรูปทรงลิ้นรองเท้า ที่ในรุ่น Sense Ride 4 จะมีการตัดทรงของลิ้นรองเท้าให้เข้ารูปกับข้อเท้าของนักวิ่งมากยิ่งขึ้น

(ซ้าย) ลิ้นรองเท้าในรุ่น Sense Ride 3 และ (ขวา) ลิ้นรองเท้าในรุ่น Sense Ride 4

และเอกลักษณ์เด่นของรองเท้าวิ่งเทรลแบรนด์ Salomon เลยก็คือ ระบบเชือก Quicklace และช่องเก็บเชือกบริเวณลิ้นรองเท้า (หรือ Quicklace Garage) ที่ทำให้การปรับความกระชับและการเก็บเชือกเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย

ระบบเชือก Quicklace ที่ช่วยให้การปรับความกระชับและการเก็บเชือกเป็นไปอย่างรวดเร็วและง่ายดาย

ในส่วน Heel Counter ของรุ่น Sense Ride 4 จะเป็นโครงพลาสติกแข็งที่มีการเว้าบริเวณเอ็นรอยหวายออกไป ซึ่งจะต่างจากในรุ่น Sense Ride 3 ที่เป็นโครงพลาสติกแข็งรอบส้นเท้า

และขอบบริเวณส้นเท้าในรุ่น Sense Ride 4 จะเป็นการบุฟองน้ำ 2 ชิ้น ด้านข้างของบริเวณข้อเท้า เพื่อช่วยลดการเสียดระหว่างเอ็นร้อยหวาย แต่ในรุ่น Sense Ride 3 จะเป็นการบุฟองน้ำรอบบริเวณข้อเท้า

Heel Counter ของรุ่น Sense Ride 4 จะเป็นโครงพลาสติกแข็งที่มีการเว้าบริเวณเอ็นรอยหวายออกไป
Heel Counter ของรุ่น Sense Ride 3 เป็นโครงพลาสติกแข็งรอบส้นเท้า
(ซ้าย) ขอบบริเวณส้นเท้าในรุ่น Sense Ride 3 เป็นการบุฟองน้ำรอบบริเวณข้อเท้า (ขวา) ขอบบริเวณส้นเท้าในรุ่น Sense Ride 4 เป็นการบุฟองน้ำ 2 ชิ้น ด้านข้างของบริเวณข้อเท้า

โดยรวม หน้าผ้าของ Salomon Sense Ride 4 เป็นหน้าผ้าที่โปร่ง ระบายอากาศและน้ำได้ดี ไม่อมน้ำ ซึ่งดีกว่าในรุ่น Sense Ride 3 ค่อนข้างมากที่หากใช้งานในกลางแจ้งจะรู้สึกว่าร้อนอบอ้าวที่เท้าอย่างชัดเจน รวมทั้งมีอาการอมน้ำกว่า ทำให้หน้าผ้าของรุ่น Sense Ride 4 เหมาะกับการวิ่งกลางแจ้งในประเทศที่ร้อนชื้นอย่างประเทศไทยเป็นอย่างมาก

หน้าผ้าของ Salomon Sense Ride 4 เป็นหน้าผ้าที่โปร่ง ระบายอากาศและน้ำได้ดี ไม่อมน้ำ ซึ่งดีกว่าในรุ่น Sense Ride 3 ค่อนข้างมาก

และในส่วนของความกระชับและความสบายในการสวมใส่ ทั้งสองรุ่นให้ความกระชับเท้า ไม่มีอาการกัดบริเวณเอ็นร้อยหวาย ไม่มีอาการส้นรูด สวมใส่สบาย และให้ความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ในรุ่น Sense Ride 3 จะให้ความรู้สึกที่นุ่ม สบายกว่าเล็กน้อยจากเนื้อผ้า 2 ชั้นและฟองน้ำที่บริเวณส้นเท้าที่หนากว่า

หน้าผ้าของทั้งสองรุ่นให้ความกระชับเท้า ไม่มีอาการกัดบริเวณเอ็นร้อยหวาย ไม่มีอาการส้นรูดและสวมใส่สบาย

พื้นชั้นกลาง (Midsole)

พื้นชั้นกลางของ Salomon Sense Ride 4

Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 จะมาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Optivibe ที่เป็นการนำเอาเทคโนโลยีของรองเท้าถนนของแบรนด์ Salomon มาใช้ โดยพื้นชั้นกลางจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนเนื้อโฟม ที่เป็นวัสดุผสมระหว่าง EVA กับ Olefin และอีกส่วนหนึ่งคือ JPAD ซึ่ง JPAD จะเป็นแผ่นยาง EVA ชนิดพิเศษที่มีหน้าที่ช่วยซับแรงกระแทกบริเวณส้นเท้า เพื่อลดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อขาขณะวิ่ง

Salomon Sense Ride 4 มาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Optivibe
Salomon Sense Ride 3 มาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Optivibe

ความรู้เพิ่มเติม Olefin หรือชื่อเต็ม Olefin Block Copolymers เป็นวัสดุที่ทางบริษัทเคมีภัณฑ์ของอเมริกาอย่าง DOW chemical เป็นผู้คิดค้นและพัฒนาขึ้นในช่วงปี 2006 โดยมีชื่อทางการค้าว่า INFUSE” โดยวัสดุ Olefin มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับวัสดุ TPU หรือวัสดุตั้งต้นที่ใช้ผลิต Boost ของ Adidas แต่วัสดุ Olefin มีข้อดีในเรื่องของ Energy Return ที่สูงกว่าและต้นทุนในการผลิตที่ต่ำกว่า ทำให้บริษัท DOW chemical มีการนำเสนอให้แก่แบรนด์ต่างๆ ในการใช้เป็นพื้นชั้นกลางของรองเท้าวิ่งตั้งแต่ในช่วงปี 2014 เป็นต้นมา

และจากการวิจัยของทางแบรนด์ Salomon พบว่า “พื้นชั้นกลาง Optivibe สามารถช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อขณะลงเท้าได้ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ และช่วยซับแรงกระแทกได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ โดยยังคงความสามารถในการตอบสนองและส่งแรงที่มีประสิทธิภาพ”

Salomon Sense Ride 4 มาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Optivibe
Salomon Sense Ride 3 มาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Optivibe

และจากข้อมูลในต่างประเทศ Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 รุ่นปกติจะใช้พื้นชั้นกลางตัวเดียวกันและมีความนุ่มที่เท่ากัน รวมไปถึงรีวิวต่างๆ ในต่างประเทศก็ไม่มีการกล่าวถึงความรู้สึกที่เฟิร์มขึ้นแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทางเราพบคือ พื้นชั้นกลางของรุ่น Sense Ride 3 LTD EDITION บริเวณส้นเท้ามีความนุ่มกว่าในรุ่น Sense Ride 4 เล็กน้อย ซึ่งเกิดจากแผ่น JPAD ที่มีความนุ่มกว่า

แผ่น JPAD บริเวณส้นเท้าในรุ่น Sense Ride 4
แผ่น JPAD บริเวณส้นเท้าในรุ่น Sense Ride 3 ที่มีความนุ่มกว่า

ความนุ่มพื้นชั้นกลางของ Salomon Sense Ride 4

ความนุ่มของพื้นชั้นกลางค่าความนุ่ม (Durometer Shore C: HC)ระดับความนุ่ม
(1) บริเวณเนื้อโฟมหลัก40 – 45นุ่ม
(2) บริเวณโฟม JPAD55 – 60เฟิร์ม
ตำแหน่งค่าความนุ่มของ Salomon Sense Ride 4

ความนุ่มพื้นชั้นกลางของ Salomon Sense Ride 3 LTD EDITION

ความนุ่มของพื้นชั้นกลางค่าความนุ่ม (Durometer Shore C: HC)ระดับความนุ่ม
(1) บริเวณเนื้อโฟมหลัก40 – 45นุ่ม
(2) บริเวณโฟม JPAD40 – 45นุ่ม
ตำแหน่งค่าความนุ่มของ Salomon Sense Ride 3

หมายเหตุ:

  • ค่า Durometer Shore C ยิ่งค่าน้อย หมายถึง ยิ่งนุ่มมาก
  • เกณฑ์ระดับความนุ่มในบทความนี้ของทางเรา Running Profiles ถูกจัดขึ้นตามความนุ่มของรองเท้าวิ่งเทรลเท่านั้น ซึ่งจะไม่รวมกับเกณฑ์ระดับความนุ่มของรองเท้าวิ่งถนน ที่มีความนุ่มของพื้นโฟมมากกว่ารองเท้าวิ่งเทรล
  • ระดับความนุ่มแบ่งเป็น นุ่ม (40-50 HC)นุ่มปานกลาง (35-40 HC)นุ่มมาก (30-35 HC)
  • ระดับความเฟิร์มแบ่งเป็น เฟิร์ม (50-60 HC) เฟิร์มมาก (60-70 HC)

และทั้งรุ่น Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 จะมีการติดตั้งแผ่นรองกันหินที่ทางแบรนด์ Salomon เรียกว่า “Profeel Film” ที่บริเวณปลายเท้า โดยจะวางอยู่ระหว่างแผ่นรองบุและพื้นชั้นกลาง ซึ่งจะมีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ เพื่อไว้สำหรับปกป้องเท้าจากหินหรือกิ่งไม้ที่คมๆ

แผ่น “Profeel Film” บริเวณปลายเท้าของรุ่น Sense Ride 4 ที่จะอยู่ระหว่างแผ่นรองบุและพื้นชั้นกลาง
แผ่น “Profeel Film” บริเวณปลายเท้าของรุ่น Sense Ride 3 ที่จะอยู่ระหว่างแผ่นรองบุและพื้นชั้นกลาง
แผ่น “Profeel Film” จะมีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ เพื่อไว้สำหรับปกป้องเท้าจากหินหรือกิ่งไม้ที่คมๆ

โดยความสูงของพื้นชั้นกลาง Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 เมื่อวัดจริง (รวมแผ่นรองบุพื้นและแผ่น Profeel Film แต่ไม่รวมแผ่นรองรองเท้าและดอกยาง) จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 13 มม. และส้นเท้าสูง 21 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 8 มม. เท่ากัน

Salomon Sense Ride 4 จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 13 มม. และส้นเท้าสูง 21 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 8 มม. (รวมแผ่นรองบุพื้นและแผ่น Profeel Film แต่ไม่รวมแผ่นรองรองเท้าและดอกยาง)
Salomon Sense Ride 3 จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 13 มม. และส้นเท้าสูง 21 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 8 มม. (รวมแผ่นรองบุพื้นและแผ่น Profeel Film แต่ไม่รวมแผ่นรองรองเท้าและดอกยาง)

ในส่วนแผ่นรองรองเท้า (Insole) ของทั้งสองรุ่นจะใช้เป็นแผ่นรองวัสดุ Open Cell PU ของแบรนด์ OrthoLite โดยมีความหนาอยู่ที่ 4.5 มม. แต่ในรุ่น Sense Ride 4 จะเป็นแผ่นรอง OrthoLite Eco รุ่นใหม่ ที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล 5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเป็นแผ่นรองที่มีน้ำหนักที่เบาขึ้นกว่าเดิม 7 กรัม จากความหนาแน่นของแผ่นรองที่ลดลง

และในส่วนของแผ่นรองบุพื้น (Strobel) ของทั้งสองรุ่นจะเป็นผ้าไนลอนตาข่ายที่บุด้านบนด้วยวัสดุ Open Cell PU เพื่อช่วยในการรองรับแรงกระแทก

แผ่นรองวัสดุ Open Cell PU ของแบรนด์ OrthoLite โดยมีความหนาอยู่ที่ 4.5 มม.

ทำให้ Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 เมื่อวัดรวมความสูงทั้งหมด (รวมแผ่นรองบุพื้น แผ่น Profeel Film แผ่นรองรองเท้าและดอกยาง) จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 21.5 มม. และส้นเท้าสูง 29.5 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 8 มม.

Salomon Sense Ride 4 จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 21.5 มม. และส้นเท้าสูง 29.5 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 8 มม. (รวมแผ่นรองบุพื้น แผ่น Profeel Film แผ่นรองรองเท้าและดอกยาง)
Salomon Sense Ride 3 จะมีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 21.5 มม. และส้นเท้าสูง 29.5 มม. ทำให้มี Drop อยู่ที่ 8 มม. (รวมแผ่นรองบุพื้น แผ่น Profeel Film แผ่นรองรองเท้าและดอกยาง)

และทั้ง Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 จะไม่มีแผ่น Torsion บริเวณกลางเท้า แต่จะเป็นการออกแบบยกขอบโฟมให้สูงขึ้นตลอดทั้งพื้นชั้นกลางแทน เพื่อช่วยป้องกันการบิดตัวบริเวณกลางเท้า นอกจากนี้บริเวณส้นเท้าจะมีการยกขอบโฟมให้สูงเป็นพิเศษ เพื่อช่วยประคองและโอบบริเวณส้นเท้า ให้มีความเสถียรและมั่นคง

พื้นชั้นกลางของทั้ง Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 เป็นการออกแบบยกขอบโฟมให้สูงขึ้นตลอดทั้งพื้นชั้นกลาง เพื่อช่วยป้องกันการบิดตัวบริเวณกลางเท้า และบริเวณส้นเท้าจะมีการยกขอบโฟมให้สูงเป็นพิเศษ เพื่อช่วยประคองและโอบบริเวณส้นเท้า

ในส่วนความรู้สึกของพื้นชั้นกลาง Salomon Sense Ride 4 จะให้ความรู้สึกที่เฟิร์มและบางกว่าในรุ่น Sense Ride 3 LTD EDITION เนื่องจากแผ่นรอง OrthoLite Eco รุ่นใหม่ ที่มีความหนาแน่นของโฟมที่น้อยกว่า ทำให้รุ่น Sense Ride 4 รู้สึกถึงพื้นผิวของถนนได้ชัดเจนกว่า

และแม้ว่าแผ่น JPAD บริเวณส้นเท้าจะช่วยซับแรงกระแทกได้จริง แต่ในรุ่น Sense Ride 4 แผ่น JPAD จะค่อนข้างเฟิร์ม ทำให้เวลาที่รองเท้ายังไม่ร้อน การวิ่งลงส้นเท้าจะให้ความรู้สึกที่สะท้านเท้า (แผ่น JPAD เป็นวัสดุ EVA ทำให้เวลาที่อุณหภูมิสูงขึ้น เนื้อโฟมจะมีความนุ่มขึ้นอย่างชัดเจน)

แต่จุดเด่นหลักของทั้งรุ่น Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 คือ ความเสถียรและมั่งคง ไม่พลิก ไม่ดิ้นไปมา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรองเท้าวิ่งเทรลที่เสถียรที่สุดในท้องตลาดเลยก็ว่าได้ และตั้งแต่ใช้งานมา ทางเราแทบจะไม่เคยมีอาการข้อเท้าพลิกจากรองเท้าวิ่งเทรลคู่นี้เลย

จุดเด่นหลักของทั้งรุ่น Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 คือ ความเสถียรและมั่งคง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรองเท้าวิ่งเทรลที่เสถียรที่สุดในท้องตลาด

และด้วยความบางของพื้นชั้นกลางบริเวณปลายเท้า ทำให้นักวิ่งสามารถควบคุมรองเท้าได้ง่ายและการวางเท้าเป็นไปอย่างคล่องตัวขณะวิ่งขึ้นเขา

แต่ด้วยความที่บริเวณปลายเท้าไม่มีแผ่นเพลทใดๆ มีเพียงแผ่นฟิล์มบางๆ ที่ช่วยป้องกันหินเท่านั้น ทำให้ปลายค่อนข้างยืดหยุ่นและงอตัวได้ง่าย ส่งผลให้การวิ่งขึ้นเขาหรือการวิ่งระยะไกล นักวิ่งจะต้องใช้แรงเท้าของตนเองทั้งหมด ซึ่งจะทำให้เท้าล้าได้ง่ายสำหรับนักวิ่งมือใหม่ในการวิ่งระยะที่เกินกว่า 50 กม. ขึ้นไป

โดยรวม พื้นชั้นกลางของ Salomon Sense Ride 4 เป็นพื้นชั้นกลางที่ให้การตอบสนองที่ดี คล่องตัวและควบคุมรองเท้าได้ง่าย รวมทั้งโดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องของความเสถียรและมั่นคง

พื้นชั้นกลางของ Salomon Sense Ride 4 เป็นพื้นชั้นกลางที่ให้การตอบสนองที่ดี คล่องตัว รวมทั้งโดดเด่นในเรื่องของความเสถียรและมั่นคง
พื้นชั้นกลางของ Salomon Sense Ride 3 LTD EDITION

ดอกยาง (Outsole)

ดอกยางของ Salomon Sense Ride 4

Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 มาพร้อมกับดอกยางลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ Salomon อย่าง Contagrip MA (Mix – Adhesion) ที่มีความสูงของดอกยางอยู่ที่ 3.5 มม. และเป็นลักษณะลายดอกยางแบบเอนกประสงค์ โดยที่จะมีการออกแบบให้แต่ละดอกอยู่เรียงชิดติดกัน และดอกยางบริเวณปลายเท้าจะมีการฉลุเนื้อยางออก เพื่อลดน้ำหนักของรองเท้าและทำให้ปลายเท้ามีความยืดหยุ่นขึ้น

ในด้านประสิทธิภาพของการยึดเกาะพื้นของเนื้อดอกยาง สามารถแบ่งได้ดังนี้

  • ประสิทธิภาพการยึดเกาะบนพื้นผิวแห้ง ดอกยางของ Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 สามารถยึดเกาะพื้นได้ดีกว่าค่ามาตรฐาน โดยจะยึดเกาะอยู่ที่ 50 องศา (ค่ามาตรฐานการยึดเกาะพื้นผิวที่แห้งอยู่ 35 องศา)
  • ประสิทธิภาพการยึดเกาะบนพื้นผิวที่เปียกน้ำ ดอกยางของ Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 สามารถยึดเกาะพื้นได้ดีกว่าค่ามาตรฐานเช่นกัน โดยจะยึดเกาะอยู่ที่ 38 องศา (ค่ามาตรฐานการยึดเกาะพื้นผิวที่เปียกน้ำอยู่ 30 องศา และ Vibram MegaGrip อยู่ที่ 36 องศา)
ประสิทธิภาพของการยึดเกาะพื้นของ Salomon Sense Ride 4

และในส่วนของการวิ่งบนเส้นทางดินโคลนที่ลื่นและเปียกแฉะ ก็ถือเป็นเรื่องปกติของดอกยางเอนกประสงค์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในทุกสภาพภูมิประเทศลักษณะนี้และมีความสูงเพียง 3.5 มม. จะเกิดอาการลื่นในการวิ่งบนเส้นทางดินโคลนที่เปียกแฉะ แต่ในเรื่องของการติดโคลนของ Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 เมื่อเทียบกับรองเท้าดอกยางเอนกประสงค์ของแบรนด์อื่นๆ ก็ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเมื่อวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ดินโคลนจะค่อยๆ หลุดออกจากพื้นไปเอง

ในเรื่องของการติดโคลนจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติเมื่อเทียบกับรองเท้าดอกยางเอนกประสงค์ของแบรนด์อื่นๆ

โดยรวม ดอกยางของ Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 สามารถยึดเกาะพื้นได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งบนพื้นผิวแห้งและเปียกน้ำ และถือว่าเป็นดอกยางที่สามารถยึดเกาะพื้นผิวแห้งได้ดีที่สุดเท่าที่ทางเราเคยทดสอบมา และในส่วนของความทนทานในการใช้งานจัดอยู่ในระดับปานกลาง

ดอกยางของ Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 สามารถยึดเกาะพื้นได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งบนพื้นผิวแห้งและเปียกน้ำ

สรุปโดยรวม

Salomon Sense Ride 4 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับสายผจญภัยระยะสั้น

Salomon Sense Ride 4 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับสายผจญภัยระยะสั้น ที่เหมาะกับการใช้ฝึกซ้อมประจำวัน ท่องเที่ยว วิ่งเทรลหรือเดินป่า ในระยะทาง 0 ถึง 50 กม.

โดยมีความโดดเด่นในเรื่องของหน้าผ้าที่ระบายอากาศและระบายน้ำได้ดี ระบบเชือก Quicklace ที่ปรับความกระชับหรือสวมใส่รองเท้าได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

และในส่วนของพื้นชั้นกลางมีการตอบสนองที่ดี คล่องตัวและควบคุมรองเท้าได้ง่าย และสิ่งที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก คือ เรื่องของความเสถียรและมั่นคง ที่ไม่มีอาการพลิกไปมาหรือโคลงเคลง

พื้นชั้นกลางมีการตอบสนองที่ดี คล่องตัวและควบคุมรองเท้าได้ง่าย และสิ่งที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก คือ เรื่องของความเสถียรและมั่นคง

นอกจากนี้ ในส่วนของดอกยาง Contagrip MA ในรุ่น Sense Ride 4 ก็ถือเป็นหนึ่งในดอกยางที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของดอกยางที่ทางเราเคยทดสอบมา ซึ่งสามารถเกาะพื้นได้ในระดับที่ดีมาก และลักษณะลายดอกยางที่มีความเอนกประสงค์ ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งทางทรุกันดารที่มีหินก้อนลอยและบนทางดินเรียบ

ดอกยาง Contagrip MA ในรุ่น Sense Ride 4 ถือเป็นหนึ่งในดอกยางที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของดอกยางที่ทางเราเคยทดสอบมา

และหากเทียบกับรุ่น Sense Ride 3 LTD EDITION ที่โดยรวมแล้วให้ความรู้สึกที่นุ่มกว่ารุ่น Sense Ride 4 เล็กน้อย ทำให้ในอดีตเพียงพอที่จะสามารถนำไปใช้ฝึกซ้อมระยะไกลได้ แต่ด้วยหน้าผ้าที่ไม่เหมาะกับสภาพอากาศร้อน เนื่องจากออกแบบมาใช้ในประเทศเขตหนาวเป็นหลัก รวมทั้งในปัจจุบัน ความสูงของพื้นชั้นกลางที่สูงขึ้นกว่าเดิมมาก

ทำให้ในปัจจุบันทั้งรุ่น Sense Ride 4 และรุ่น Sense Ride 3 LTD EDITION ต่างก็เหมาะกับการนำไปใช้งานฝึกซ้อมในระยะสั้นมากกว่า (0 ถึง 50 กม.) ซึ่งในส่วนของการฝึกซ้อมและแข่งขันในระยะไกล (0 ถึง 170 กม.) รองเท้าวิ่งเทรล Salomon รุ่น Ultra Glide ก็ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและมีความได้เปรียบกว่าค่อนข้างมาก

Salomon Ultra Glide เป็นทางเลือกที่เหมาะสมและมีความได้เปรียบกว่ารุ่น Sense Ride 4 ในการฝึกซ้อมและแข่งขันในระยะทางไกล (0 ถึง 170 กม.)

เสริมเพิ่มเติม

  • Salomon Sense Ride 4 ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2021 แต่ในปัจจุบันกลายมาเป็นรองเท้าวิ่งเทรลของปี 2022 จากการเพิ่มสีใหม่เข้ามา ซึ่งในปีนี้ทางแบรนด์ Salomon ยังไม่มีแผนเปิดตัวรุ่น Sense Ride 5 ทำให้เราจะได้เห็นรุ่น Sense Ride 4 สีใหม่ๆ ตลอดทั้งปีนี้
Salomon Sense Ride 4 สีใหม่ในปี 2022
  • และในปัจจุบัน Salomon Sense Ride 3 LTD EDITION ไม่มีการผลิตออกมาวางจำหน่ายอีกต่อไปแล้ว แต่ในประเทศไทยยังพอหาซื้อได้ในบางร้านอย่างร้าน Cavemanstore ซึ่งสีพิเศษนี้เป็นสีที่ทำออกมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปี ของรายการแข่ง Golden Trail Series และคู่นี้เป็นรุ่นแรกที่ทำออกมาเพื่อรายการแข่งนี้โดยเฉพาะ ซึ่งหากท่านใดเป็นนักสะสมรองเท้าวิ่งเทรลของแบรนด์ Salomon ก็ควรจะต้องมีสะสมไว้ในคอลเลคชั่น
Salomon Sense Ride 3 LTD EDITION เป็นสีพิเศษที่ทำออกมาเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปี ของรายการแข่ง Golden Trail Series

และนี่คือทั้งหมดของรีวิว (ผ่า) Salomon Sense Ride 4 และ Sense Ride 3 LTD EDITION นะครับ

หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ

สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน

More on this topic

Popular stories

Training Plan