วันนี้มาต่อกันที่ข้อมูลและรายละเอียดรองเท้าวิ่งเทรลแบรนด์ Salomon ในปี 2022 กัน ที่มีออกมา ณ เวลานี้ ซึ่งจะประกอบไปด้วยรุ่น Pulsar Trail Pro, Pulsar Trail, Hypulse, Impulse, S/LAB Pulsar SG, Speedcross 6 และ Wings Sky ซึ่งรายละเอียดจะเป็นเช่นไรและน่าสนใจแค่ไหน เชิญติดตามได้เลยครับ

เทคโนโลยี Energy Blade กับ ธีมหลัก “Speed for Everyone” ในปี 2022
อธิบายกันอีกครั้งสำหรับเทคโนโลยี Energy Blade กับ ธีมหลัก “Speed for Everyone” ในปี 2022 (ซึ่งท่านใดที่ยังไม่ทราบถึงรองเท้าวิ่งถนน 6 รุ่นใหม่ในปี 2022 ของแบรนด์ Salomon สามารถเข้าไปอ่านที่นี่เลยครับ)

โดยในปี 2022 ทางแบรนด์ Salomon ได้วางธีมหลักในการออกแบบรองเท้าวิ่ง คือ “Speed for Everyone” หรือ “ความเร็วที่เหมาะกับทุกคน”
ซึ่งทางแบรนด์ Salomon อธิบายว่า “การทำความเร็วไม่ได้มีไว้สำหรับนักวิ่งชั้นยอดที่ต้องการจะทำลายสถิติเท่านั้น แต่มันจะต้องเหมาะสำหรับนักวิ่งทั่วไปและนักวิ่งมือใหม่ด้วย”
และแน่นอนว่ารองเท้าวิ่งคู่เดียวคงเป็นไม่ได้ที่จะทำให้เหมาะกับนักวิ่งทุกคน ฉะนั้น ในปีนี้เราจะได้เห็นรองเท้ารุ่นต่างๆ ที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันจากแบรนด์ Salomon
แต่ก่อนอื่นเลยมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในปีหน้านี้อย่าง “เทคโนโลยี Energy Blade” กันก่อน

เทคโนโลยี Energy Blade คือ เทคโนโลยีแผ่นเพลท ที่ออกแบบอยู่บนแนวคิดที่ว่า “นักวิ่งหรือผู้ใช้คือศูนย์กลาง” หรือ “Consumer-Centric Approach” ซึ่งจะสอดคล้องกับธีมหลักอย่าง “Speed for Everyone”
โดยเทคโนโลยี Energy Blade จะเป็นแผ่นเพลทที่มีหลากหลายรูปทรงและวัสดุ รวมไปถึงบริเวณที่ติดตั้งก็จะแตกต่างกัน ซึ่งจะถูกออกแบบให้เหมาะกับนักวิ่งแต่ละประเภท ตามหน้าที่ของรองเท้าวิ่งแต่ละรุ่น

ซึ่ง ณ เวลานี้ รองเท้าวิ่งเทรลที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Energy Blade ที่ถูกเปิดเผยออกมาจะมีอยู่ทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
- Salomon Pulsar Trail Pro
- Salomon Pulsar Trail
- Salomon Hypulse

และเราจะมาอธิบายกันว่ารองเท้าวิ่งเทรลทั้ง 3 รุ่น ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานอะไรบ้าง โดยเริ่มกันจาก
Salomon Pulsar Trail Pro

Salomon Pulsar Trail Pro เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ซ้อมและแข่งขันในระยะกลาง (50 กม. ขึ้นไป) ที่เข้ามาเติมเต็มตระกูลรองเท้าวิ่งเทรลสายทำความเร็วอย่าง Pulsar ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
โดยมีการอธิบายว่า “Salomon S/LAB Pulsar รุ่นแรกในปี 2021 ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันระยะสั้นที่เน้นการทำความเร็วเป็นหลัก แต่รุ่น Pulsar Trail Pro จะเข้ามารับช่วงต่อในระยะกลางขึ้นไป”
ซึ่ง Salomon Pulsar Trail Pro จะใช้พื้นชั้นกลางแบบเดียวกับในรองเท้าวิ่งถนนรุ่น Phantasm ในปี 2022 คือ พื้นโฟมวัสดุ Energy Surge, องศาพื้นชั้นกลางเทคโนโลยี R.Camber, และแผ่นเพลทรูปทรงแบบ 3 ก้าน ซึ่งเป็นการออกแบบสำหรับนักวิ่งที่ลงเท้าบริเวณปลายเท้าเป็นหลัก

แต่ใน Salomon Pulsar Trail Pro จะมีการปรับ Drop ของพื้นชั้นกลางใหม่ โดย
- Salomon Pulsar Trail Pro มีปลายเท้าสูง 27 มม. และส้นเท้าสูง 33 มม. (Drop 6 มม.)
- Salomon Phantasm (ถนน) มีปลายเท้าสูง 23 มม. และส้นเท้าสูง 32 มม. (Drop 9 มม.)
- Salomon S/LAB Pulsar (รุ่นแรก) มีปลายเท้าสูง 17 มม. และส้นเท้าสูง 23 มม. (Drop 6 มม.)

รวมทั้งมีการเปลี่ยนวัสดุของแผ่นเพลทจากวัสดุไนลอนผสมกับเส้นใยแก้ว 33 เปอร์เซ็นต์ (Polyamide + 33% Fiberglass) ไปเป็นวัสดุ TPU ที่มีความยืดหยุ่นและอ่อนตัวกว่า เพื่อให้รองเท้ายังคงมีความเสถียรและมั่นคง ไม่พลิกเมื่อวิ่งบนทางทรุกันดาร ทำให้เหมาะกับการวิ่งเทรลมากขึ้น

และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า Salomon Pulsar Trail Pro จะใช้หน้าผ้า Anti-debris Mesh แบบหุ้มข้อ (Integrated Gaiter) เพื่อป้องกันเศษหินและเศษดินที่จะหลุดรอดเข้าไปภายในรองเท้า รวมทั้งมาพร้อมกับระบบมัดเชือกแบบ Quicklace และช่องเก็บสายบริเวณลิ้นรองเท้า (Quicklace Garage)
โดยรวมในส่วนของน้ำหนัก
- Salomon Pulsar Trail Pro มีน้ำหนักอยู่ที่ 270 กรัม ในไซส์ 9US ชาย
- Salomon Phantasm (ถนน) มีน้ำหนักอยู่ที่ 235 กรัม ในไซส์ 9US Unisex
- Salomon S/LAB Pulsar (รุ่นแรก) มีน้ำหนักอยู่ที่ 170 กรัม ในไซส์ 9US Unisex

ในส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศของ Salomon Pulsar Trail Pro คือ ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2022 ซึ่งจะวางจำหน่ายในราคา $160 (คาดว่าเข้าไทยราคา 5,9xx บาท)
Salomon Pulsar Trail

Salomon Pulsar Trail เป็นรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในตระกูล Pulsar ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในตระกูลและถูกออกแบบมาเพื่อเหล่านักวิ่งมหาชนทำให้เหมาะกับการใส่ซ้อมวิ่งประจำวัน (Daily Run) หรือนำไปใส่ซ้อมวิ่งระยะไกล (Long Run)
รวมไปถึงการเป็นตัวเลือกเริ่มต้นสำหรับนักวิ่งที่ต้องการทดลองรองเท้าวิ่งสายทำความเร็วตระกูล Pulsar โดยการใช้งานจะคล้ายกับตระกูล Sense Ride (ซึ่งตระกูล Sense Ride อย่างรุ่น Sense Ride 4 ยังคงได้ไปต่อในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการออกสีใหม่เท่านั้น และถูกวางตำแหน่งใหม่กลายมาเป็นรองเท้าวิ่งเทรลเอนกประสงค์สำหรับใช้งานทั่วไปแทน)

โดย Salomon Pulsar Trail จะใช้พื้นชั้นกลางแบบเดียวกับในรองเท้าวิ่งถนนรุ่น Spectur ในปี 2022 ทุกประการ คือ พื้นโฟมวัสดุ Energy Surge, องศาพื้นชั้นกลางเทคโนโลยี R.Camber, และแผ่นเพลทรูปทรงแบบ 3 ก้าน ที่บริเวณกลางเท้าและส้นเท้าจะมีฐานที่กว้างและเชื่อมต่อกัน ซึ่งเป็นการออกแบบสำหรับนักวิ่งที่ลงเท้าบริเวณกลางเท้าและส้นเท้าเป็นหลัก

ซึ่งความสูงของพื้นชั้นกลางจะอยู่ที่
- Salomon Pulsar Trail มีปลายเท้าสูง 26.5 มม. และส้นเท้าสูง 32.5 มม. (Drop 6 มม.)
- Salomon Spectur (ถนน) มีปลายเท้าสูง 26.5 มม. และส้นเท้าสูง 32.5 มม. (Drop 6 มม.)
- Salomon Sense Ride 4 มีปลายเท้าสูง 19 มม. และส้นเท้าสูง 27 มม. (Drop 8 มม.)

แต่ใน Salomon Pulsar Trail จะมีการเปลี่ยนวัสดุของแผ่นเพลทจากวัสดุไนลอนผสมกับเส้นใยแก้ว 33 เปอร์เซ็นต์ (Polyamide + 33% Fiberglass) ไปเป็นวัสดุ TPU ที่มีความยืดหยุ่นและอ่อนตัวกว่า เพื่อให้รองเท้ายังคงมีความเสถียรและมั่นคง ไม่พลิก เมื่อวิ่งบนทางทรุกันดาร ทำให้เหมาะกับการวิ่งเทรลมากขึ้น
และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า Salomon Pulsar Trail จะใช้หน้าผ้า Anti-Debris mesh แบบชั้นเดียว ที่คล้ายกับในรุ่น Sense Ride 4 ซึ่งเป็นหน้าผ้าที่โปร่งและระบายอากาศได้ดี รวมทั้งมาพร้อมกับระบบมัดเชือกแบบ Quicklace และช่องเก็บสายบริเวณลิ้นรองเท้า (Quicklace Garage)

โดยรวมในส่วนของน้ำหนัก (ตามข้อมูลที่ออกมา ณ เวลานี้)
- Salomon Pulsar Trail มีน้ำหนักอยู่ที่ 280 กรัม ในไซส์ 9US ชาย
- Salomon Spectur (ถนน) มีน้ำหนักอยู่ที่ 280 กรัม ในไซส์ 9US ชาย
- Salomon Sense Ride 4 มีน้ำหนักอยู่ที่ 290 กรัม ในไซส์ 9US ชาย

ในส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศของ Salomon Pulsar Trail คือ ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2022 ซึ่งจะวางจำหน่ายในราคา $130 (คาดว่าเข้าไทยราคา 4,9xx บาท)
Salomon Hypulse

Salomon Hypulse เป็นรองเท้าวิ่งเทรลกึ่งถนนกึ่งเทรลรุ่นเริ่มต้นของเทคโนโลยี Energy Blade ซึ่งถูกออกแบบมาไว้สำหรับใช้งานทั่วไปของนักวิ่งมือใหม่ที่กำลังเข้าสู่การวิ่งเทรล เช่น การวิ่งเทรลในอุทยาน หรือวิ่งตามสวนสาธารณะ
โดยการใช้งานจะเหมือนกับรองเท้าวิ่งเทรลตระกูล Sense Flow รุ่นแรก (แต่ในรุ่นที่ 2 ของตระกูล Sense Flow ในปี 2021 ถูกปรับให้กลายเป็นรองเท้าสำหรับใส่เดินในชีวิตประจำวันและท่องเที่ยวมากกว่านำไปใช้วิ่ง) แต่ก็มีโอกาสที่รุ่น Hypulse จะเข้ามาแทนที่ตระกูล Sense Flow

ซึ่ง Salomon Hypulse จะมีการใช้วัสดุพื้นชั้นกลางใหม่ที่มีชื่อว่า “Fuze Surge” ซึ่งเป็นวัสดุ EVA ที่ผสมกับยางธรรมชาติ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นการพัฒนาต่อยอดจากพื้นเดิมในอดีตอย่าง EnergyCell
แต่ ณ เวลานี้ยังไม่มีข้อมูลออกมามากนักว่าจะนุ่มและเด้งเหมือนกับโฟมยางสังเคราะห์อย่างโฟม React ของแบรนด์ Nike หรือไม่ ซึ่งต้องรอดูตัวจริงกันต่อไป
นอกจากนี้ Salomon Hypulse จะมาพร้อมกับแผ่นเพลท TPU แบบเต็มแผ่น ที่จะวางยาวตั้งแต่บริเวณปลายเท้าถึงกลางเท้าและมีการยกแผ่นเพลทเป็นรูปปีกนกขึ้นมาโอบช่วงบริเวณข้างเท้าด้านนอกเพียงด้านเดียว (อุ้งเท้าด้านในไม่มี) ซึ่งแผ่นเพลทจะถูกออกแบบให้มีความอ่อนตัวมากที่สุด และจะมาพร้อมกับองศาพื้นชั้นกลางเทคโนโลยี R.Camber


และสุดท้ายในส่วนของหน้าผ้า Salomon Hypulse จะใช้หน้าผ้า Mesh ที่มีการเสริมโครง Sensifit บริเวณกลางเท้า เพื่อเพิ่มความกระชับ รวมทั้งมาพร้อมกับระบบมัดเชือกแบบ Quicklace แต่ไม่ได้มาพร้อมกับช่องเก็บสายบริเวณลิ้นรองเท้า (Quicklace Garage)

โดยในส่วนของความสูงของพื้นชั้นกลาง, น้ำหนัก, และวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่ ณ เวลานี้ มีหลุดออกมาวางจำหน่ายแล้วบนเว็บไซต์ Amazon ในราคา $100 (คาดว่าเข้าไทยราคา 3,850 บาท)
Salomon Impulse

Salomon Impulse เป็นอีกหนึ่งเวอร์ชั่นของ Salomon Hypulse ซึ่งการใช้งานจะเหมือนกับรองเท้าวิ่งเทรลตระกูล Sense Feel ที่เป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับใช้งานทั่วไป ซึ่งมีโอกาสที่รุ่น Impulse จะเข้ามาแทนที่ตระกูล Sense Feel เช่นกัน

โดย Salomon Impulse จะแตกต่างจากรุ่น Hypulse ในส่วนของหน้าผ้าที่มีลักษณะคล้ายผ้า Ripstop และไม่มีการสกรีนโครง Sensifit บริเวณกลางเท้า รวมไปถึงไม่ได้มาพร้อมกับระบบมัดเชือกแบบ Quicklace แต่จะใช้เชือกแบบปกติแทน
นอกจากนี้ เทคโนโลยี Energy Blade ก็ถูกถอดออกไปอีกด้วย แต่ยังคงใช้พื้นชั้นกลาง Fuze Surge และองศาพื้นชั้นกลางเทคโนโลยี R.Camber เหมือนกับในรุ่น Hypulse

และในส่วนของความสูงของพื้นชั้นกลาง, น้ำหนัก, ราคา, และวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่คาดว่าจะเปิดตัวมาในราคา $80 (คาดว่าเข้าไทยราคา 3,1xx บาท)
Salomon S/LAB Pulsar SG

Salomon S/LAB Pulsar SG (Soft Ground) เป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันทำความเร็วระยะสั้น (ไม่เกิน 50 กม.) บนทางทรุกันดารและทางดินโคลนที่เปียกแฉะ โดยการใช้งานจะเหมือนกับรองเท้าวิ่งเทรลรุ่น S/LAB Sense 8 SG ในปี 2020

โดย Salomon S/LAB Pulsar SG เป็นการนำเอาภาพลักษณ์ของ Salomon S/LAB Pulsar ในปี 2021 มาปรับปรุงหน้าผ้าและติดตั้งดอกยางใหม่
ซึ่งจะมาพร้อมกับหน้าผ้าจากบริษัท MATRYX ที่มีการสกรีนยางรอบตัวรองเท้าเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งมาพร้อมกับระบบมัดเชือกแบบ Quicklace และช่องเก็บสายบริเวณลิ้นรองเท้า (Quicklace Garage) แต่ ณ เวลานี้ ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับหน้าผ้าว่าจะมีการเคลือบกันน้ำอันเป็นเอกลักษณ์เหมือนกับรุ่น S/LAB Sense 8 SG หรือไม่

และในส่วนของดอกยางจะมีการเพิ่มความสูงของดอกยางขึ้นมาอยู่ที่ 4.5 มม. จากเดิมที่มีความสูงของดอกยางเพียง 2.5 มม. เท่านั้น รวมไปถึงการออกแบบลักษณะลายดอกยางใหม่ให้มีความห่างของแต่ละดอกเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เหมาะกับการวิ่งบนเส้นทางทรุกันดารและทางดินโคลนที่เปียกแฉะ

แต่ในส่วนของพื้นชั้นกลางจะยังคงมาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง Energy Surge และองศาพื้นชั้นกลางเทคโนโลยี R.Camber เหมือนกับในรุ่น S/LAB Pulsar โดยมีปลายเท้าสูง 17 มม. และส้นเท้าสูง 23 มม. (Drop 6 มม.)
โดยรวม Salomon S/LAB Pulsar SG จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาราวๆ 24 กรัม แต่ก็ยังถือว่าเป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่เบามากๆ อยู่ดี โดย
- Salomon S/LAB Pulsar SG มีน้ำหนักอยู่ที่ 194 กรัม ในไซส์ 9US Unisex
- Salomon S/LAB Pulsar (รุ่นแรก) มีน้ำหนักอยู่ที่ 170 กรัม ในไซส์ 9US Unisex
ในส่วนกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศของ Salomon S/LAB Pulsar SG ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่คาดว่าจะวางจำหน่ายในราคา $180 (คาดว่าเข้าไทยราคา 6,5xx บาท)
Salomon Speedcross 6

Salomon Speedcross 6 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้บนทางดินโคลนเปียกแฉะที่ทรุกันดารโดยเฉพาะ และถือเป็นรองเท้าวิ่งเทรลเอนกประสงค์ยอดนิยมระดับตำนาน ที่ถูกนำมาใช้เดินป่า ท่องเที่ยว หรือนำไปวิ่งเทรลสันทนาการในวันหยุด
โดยตามข้อมูล ณ เวลานี้ Salomon Speedcross 6 จะมีการปรับปรุงในส่วนของลักษณะลายดอกยางใหม่ที่เป็นการเพิ่มลายดอกยางแบบหลายทิศทาง (Multi-directional lugs) หรือเรียกง่ายๆ ว่า ดอกยางลายตีนไก่ เข้ามาบริเวณแนวกลางของพื้น

ซึ่งดอกยางลายตีนไก่นี้จะเข้ามาช่วยให้รองเท้าไม่สไลด์ไปด้านข้างเมื่อวิ่งบนทางดินโคลนที่เปียกแฉะ ซึ่งดอกยางลายนี้ทางแบรนด์ Salomon เคยนำมาใช้แล้วกับรุ่น Cross/Pro ในปี 2020
ในส่วนของพื้นชั้นกลางยังคงมาพร้อมกับพื้นชั้นกลาง EnergyCell+ (หรือพื้นโฟมวัสดุ EVA เกรดพิเศษ) และคาดว่าจะยังคงมีปลายเท้าสูง 20 มม. และส้นเท้าสูง 30 มม. (Drop 10 มม.) เท่าเดิม
และในส่วนของหน้าผ้าของ Salomon Speedcross 6 คาดว่าจะมาพร้อมกับหน้าผ้า Anti-debris Mesh ที่มีการปรับเปลี่ยนลวดลายใหม่ ซึ่งเป็นการนำเอาสีดั้งเดิมของตระกูล Speedcross กลับมาอีกครั้ง และมีการปรับปรุงโฟมที่หุ้มขึ้นมาบริเวณส้นเท้าใหม่ เพื่อให้ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น โดยยังคงสามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงและความเสถียรให้แก่รองเท้า
รวมทั้งยังมาพร้อมกับระบบมัดเชือกแบบ Quicklace และช่องเก็บสายบริเวณลิ้นรองเท้า (Quicklace Garage)

และในส่วนของน้ำหนักและราคาอย่างเป็นทางการยังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่คาดว่าจะเปิดตัวมาในราคา $130 (คาดว่าเข้าไทยราคาเดิม 5,150 บาท) ซึ่งจะมีกำหนดการวางจำหน่ายในช่วงเดือนกันยายน ปี 2022
Salomon Wings Sky

Salomon Wings Sky เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ซ้อมและวิ่งบนเส้นทางที่ทรุกันดารโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งที่ออกมาตั้งแต่ปี 2021 แล้ว
โดยตระกูล Wings คือ ตระกูลรองเท้าแข่งในอดีตของแบรนด์ Salomon ในช่วงปี 2007 ถึง 2012 แต่หลังจากการเข้ามาอย่างเป็นทางการของตระกูล S/LAB Sense ในปี 2012 ก็ทำให้ตระกูล Wings ถูกลดบทบาทในการเป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันลงไปมาก
และถูกนำไปแปลงเป็นรองเท้าแฟชั่นให้เหล่าสาวกแบรนด์ Salomon ได้สะสมกัน อย่างรุ่น Salomon XT-WINGS 2, XT-4 และ XT-6 ซึ่งมีจำหน่ายในไทยราคาอยู่ระหว่าง 7,990 ถึง 9,490 บาท

แต่ในปี 2021 ที่ผ่านมา ทางแบรนด์ Salomon ได้ฟื้นตระกูล Wings กลับเข้ามาในรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับใช้งานจริงอีกครั้ง
ซึ่งรุ่นแรกที่ออกมาคือ Salomon Wings Sky ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการซ้อมและวิ่งบนเส้นทางที่ทรุกันดารโดยเฉพาะ เช่น ทางหินก้อนลอยและรากไม้

โดย Salomon Wings Sky จะใช้พื้นชั้นกลาง EnergyCell ที่มีความสูงบริเวณปลายเท้าอยู่ที่ 16.5 มม. และส้นเท้าสูง 24.5 มม. (Drop 8 มม.) และบริเวณกลางเท้าจะติดตั้ง Advanced Chassis ซึ่งเป็นแผ่นพลาสติกแข็งที่วางยาวตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงกลางเท้า แล้วโอบขึ้นมาบริเวณข้างเท้าทั้ง 2 ด้าน
เพื่อทำหน้าที่ช่วยเพิ่มความเสถียรมั่นคงและป้องกันการบิดตัวของรองเท้า ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ Wings หรือปีกนั่นเอง
ในส่วนดอกยางจะเป็นดอกยางลายเอนกประสงค์ที่มีความสูงถึง 4.5 มม. และในส่วนของหน้าผ้าจะเป็นหน้าผ้า Mesh ที่มีติดตั้งโครงยางแข็งรอบตัว เพื่อช่วยปกป้องเท้าบนทางทรุกันดาร รวมทั้งยังมาพร้อมกับระบบมัดเชือกแบบ Quicklace และช่องเก็บสายบริเวณลิ้นรองเท้า (Quicklace Garage)

โดยรวม Salomon Wings Sky จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 310 กรัม ในไซส์ 9US ชาย และ 250 กรัม ในไซส์ 8US หญิง
และหากเทียบแล้ว Salomon Wings Sky ก็จะมีความคล้ายคลึงกับ La Sportiva Akasha ในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน น้ำหนัก รวมไปถึงแผ่นพลาสติกแข็งบริเวณกลางเท้า
ซึ่ง Salomon Wings Sky ได้วางจำหน่ายแล้วในฝั่งของยุโรปตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาในราคา €130 (หากเข้าไทยคาดว่าราคา 5,1xx บาท)
นอกจากนี้ ทางแบรนด์ Salomon ยังมีภาพหลุดออกมาของรุ่น Wings Pro ที่ใช้หน้าผ้าแบบหุ้มข้อ ซึ่งคาดว่าจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นรองเท้าวิ่งเทรลตัวแข่งของตระกูล Wings โดยรายละเอียดต่างๆ ของ Wings Pro ณ เวลานี้ ยังมีออกมาไม่มากนัก

แต่จากรูปภาพดอกยางบริเวณปลายเท้าจะมีการติดตั้ง “Climbing zone” หรือเนื้อยางรูปทรงโค้งลักษณะแบนเรียบ ที่เอาไว้ยันตัว ขณะไต่ขึ้นภูเขาหินโดยเฉพาะ

ซึ่งนี้คือทั้งหมดของรองเท้าวิ่งเทรลแบรนด์ Salomon ในปี 2022 ที่มีข้อมูลออกมา ณ เวลานี้ และแน่นอนว่า เราอาจจะได้เห็นรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นอื่นๆ อย่างตระกูลรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันระยะไกลอย่าง S/LAB Ultra รุ่นใหม่
และในส่วนตระกูล Sense ปีนี้อาจจะไม่ได้เห็นและดูเหมือนจะถูกแทนที่โดยตระกูล Pulsar และเทคโนโลยี Energy Blade อย่างสมบูรณ์ แต่หากยังมีกระแสต้องการรองเท้าเฟิร์มบาง เน้นความมั่นคง ทางแบรนด์ Salomon อาจจะนำตระกูล Sense กลับมาอีกครั้งก็เป็นได้
ซึ่งหากมีภาพและรายละเอียดรองเท้ารุ่นใหม่ของแบรนด์ Salomon ทางเราจะมาอัพเดทให้ทราบกันอีกทีนะครับ
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน
- FB: Running Profiles
- Website: https://runningprofiles.com/
- Youtube: Running Profiles