ประวัติแบรนด์ SCOTT Sports ตำนาน: นวัตกรรมอุปกรณ์กีฬาระดับโลก ตอนที่ 3 (ตอนจบ)

Related Articles

วันนี้เรามาต่อกันที่ ตอนสุดท้ายของประวัติแบรนด์ SCOTT Sports กับ ตอนที่ 3: นวัตกรรมรองเท้าวิ่งของแบรนด์ SCOTT ประวัติจะตื่นเต้นและน่าหลงใหลเพียงใด เชิญติดตามได้เลยครับ

ปล. ท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านประวัติแบรนด์ SCOTT Sports ในตอนก่อนหน้า สามารถเข้าไปอ่านได้ที่นี่

ปฐมบทของการเข้าสู่วงการรองเท้าวิ่งของแบรนด์ SCOTT

หลังจากการเข้าสู่วงการจักรยานไตรกีฬาในปี 2005 โดยการเปิดตัวจักรยานไตรกีฬารุ่นแรกอย่าง SCOTT PLASMA แบรนด์ SCOTT จึงไม่รอช้า เตรียมพร้อมเข้าสู่วงการรองเท้าวิ่งสำหรับไตรกีฬาเป็นอันดับต่อไป

และภายในปี 2006 แบรนด์ SCOTT ได้ทำสัญญาความร่วมมือกับห้องปฏิบัติการ i-generator ณ เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในการช่วยออกแบบและพัฒนารองเท้าวิ่ง

รองเท้าวิ่งต้นแบบคู่แรกของแบรนด์ SCOTT

โดยห้องปฏิบัติการ i-generator เป็นห้องปฏิบัติการที่ให้คำปรึกษาและออกแบบผลิตภัณฑ์กีฬาให้แก่แบรนด์ดัง ๆ มามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Nike, Adidas, และ Under Armour ซึ่งผู้ร่วมก่อตั้งห้องปฏิบัติการ i-generator มีดีกรีเป็นถึงอดีตรองประธานฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมของแบรนด์ Adidas

Simon Luthi ผู้ร่วมก่อตั้งห้องปฏิบัติการ i-generator และอดีตรองประธานฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมของแบรนด์ Adidas

หลังจากออกแบบและทดสอบรองเท้านานกว่า 2 ปี จนกระทั่งในปี 2008 แบรนด์ SCOTT เปิดตัวรองเท้าวิ่งสำหรับไตรกีฬาคู่แรกของแบรนด์ ในชื่อว่า “SCOTT Makani” โดยชื่อ Makani เป็นภาษาฮาวาย มีความหมายว่า “สายลม (The Wind)”

SCOTT Makani รุ่นแรกในปี 2008

ความรู้เพิ่มเติม รองเท้าวิ่งสำหรับไตรกีฬาของแบรนด์ SCOTT มักจะใช้ชื่อรุ่นรองเท้า ตามสถานที่และภาษาของชาวฮาวายเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากงานแข่งขันไตรกีฬาชิงแชมป์โลก (Ironman World Championship) จะจัดขึ้นทุกปี ณ เกาะฮาวายนั้นเอง

SCOTT Makani ในปี 2008 มาพร้อมกับเทคโนโลยี DTB Carbon (Dynamic Carbon Transition Bridge) หรือแผ่น Torsion ที่ทำมาจากวัสดุคาร์บอน ติดตั้งไว้บริเวณกลางเท้า ซึ่งทาง SCOTT กล่าวไว้ว่า “เทคโนโลยี DTB Carbon จะช่วยให้นักวิ่งสามารถกลิ้งเท้าจากส้นเท้าไปหน้าเท้าได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว”

เทคโนโลยี DTB Carbon หรือแผ่น Torsion ที่ทำมาจากวัสดุคาร์บอน บริเวณกลางเท้า และการเสริมโฟมแข็งบริเวณอุ้งเท้า (Medial Post)

นอกจากนี้ยังมีการเสริมโฟมแข็งบริเวณอุ้งเท้า (Medial Post) เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าในการวิ่งระยะไกล ซึ่งถูกเรียกว่า Dual Support รวมทั้งหน้าผ้าที่บริเวณ Toe Cap จะมีช่องระบายน้ำ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในรองเท้าวิ่งสำหรับไตรกีฬา

โดย SCOTT Makani ในปี 2008 ถือได้ว่าเป็นรองเท้าแจ้งเกิดของแบรนด์ SCOTT เลยก็ว่าได้ เมื่อทาง SCOTT ได้เซ็นสัญญากับ Normann Stadler นักแข่งไตรกีฬาชาวเยอรมัน ผู้มีดีกรีเคยเป็นถึงแชมป์ 2 สมัยของงาน Ironman World Championship และเขาได้นำรองเท้าวิ่งรุ่น Makani ลงแข่งขันไตรกีฬาในหลายสนาม จนทำให้นิตยสารไตรกีฬาต่าง ๆ ในต่างประเทศ พากันให้ความสนใจกับรองเท้าวิ่งของแบรนด์ SCOTT

Normann Stadler นักแข่งไตรกีฬาชาวเยอรมัน ผู้มีดีกรีเคยเป็นถึงแชมป์ 2 สมัยของงาน Ironman World Championship

ในปี 2009 แบรนด์ SCOTT ได้ทำการปรับปรุงรุ่น Makani และตั้งชื่อเป็น Makani RC จนกระทั้งในปี 2010 แบรนด์ SCOTT ได้เปิดตัวรุ่นสานต่ออย่าง Makani II และรุ่นนี้เองที่ไปเข้าตาของนักทดสอบรองเท้าวิ่งของนิตยสาร Outside จนได้รับการยกย่องว่าเป็นรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดแห่งปี 2010

(ซ้าย) Makani RC ในปี 2009 และ (ขวา) Makani II ในปี 2010

ซึ่งในปี 2010 นี้เอง ที่ทาง SCOTT สามารถคิดค้นเทคโนโลยีองศาพื้นรองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ ภายใต้ชื่อ “Ergologic Ride” ซึ่งมีความหมายว่า “การเคลื่อนไหวตามสรีระของมนุษย์”

Ergologic Ride เทคโนโลยีองศาพื้นรองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ SCOTT

ตามหลักการแล้ว เทคโนโลยี Ergologic Ride คือพื้นรองเท้าที่มีองศา Rocker ทั้งบริเวณส้นเท้าและปลายเท้า รวมทั้งไม่มีการเว้าพื้นบริเวณกลางเท้า เพื่อให้นักวิ่งสามารถกลิ้งเท้าจากส้นเท้าไปปลายเท้าได้อย่างมั่นคงและเป็นธรรมชาติ

โดยเทคโนโลยี Ergologic Ride ถูกนำไปทดสอบ ณ ห้องปฏิบัติการ Human Performance Lab ของมหาวิทยาลัย Calgary (University of Calgary) ซึ่งผลการทดสอบบ่งชี้ว่า “เทคโนโลยี Ergologic Ride สามารถช่วยให้นักวิ่งประหยัดพลังงานในการวิ่งได้มากกว่ารองเท้าวิ่งทั่วไป และยังช่วยลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อขณะวิ่งอีกด้วย”

เทคโนโลยี Ergologic Ride หรือ eRIDE

เทคโนโลยี Ergologic Ride ในภายหลังจะถูกเรียกสั้น ๆ ว่าeRIDE” และถูกนำมาปรับใช้ในรองเท้าวิ่งเกือบทุกรุ่นของแบรนด์ SCOTT ในปี 2011

การบุกตลาดรองเท้าวิ่งครั้งสำคัญของแบรนด์ SCOTT

ในปี 2011 ถือได้ว่าเป็นปีแรกที่ทางแบรนด์ SCOTT ได้เปิดตัวรองเท้าวิ่งแบบครบไลน์ ที่ขนกันมาทั้งรองเท้าวิ่งถนน รองเท้าไตรกีฬา และรองเท้าวิ่งเทรล รวมทั้งเสื้อผ้าสำหรับใส่วิ่ง

ในปี 2011 ถือได้ว่าเป็นปีแรกที่ทางแบรนด์ SCOTT ได้เปิดตัวรองเท้าวิ่งแบบครบไลน์

นอกจากนี้ ในปี 2011 แบรนด์ SCOTT ยังได้เซ็นสัญญากับ Marco De Gasperi นักวิ่งเทรลชาวอิตาลี อดีตแชมป์งานแข่ง World Mountain Running Championships 6 สมัย

และหลังจากร่วมงานกับ SCOTT ภายในสองปีแรก เขาก็สามารถคว้าแชมป์สเตจ Sierre Zinal ซึ่งเป็นสเตจสุดคลาสสิคของงานแข่ง World Mountain Running Championships ที่จัดขึ้น ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้ถึง 2 สมัย (ในปี 2011 และ 2012) โดยการสวมใส่รองเท้าวิ่งถนนรุ่น T2 Comp (หรือชื่อย่อคือ T2C) ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จของเทคโนโลยี eRIDE

Marco De Gasperi นักวิ่งเทรลชาวอิตาลี และรองเท้าวิ่งถนนรุ่น T2 Comp

อย่างไรก็ตาม หลังจากทีมออกแบบของแบรนด์ SCOTT ได้ร่วมงานกับนักแข่งหลายต่อหลายคน พวกเขาพบว่านักแข่งต่างให้เสียงเป็นทิศทางเดียวกันว่า พวกเขาต้องการรองเท้าวิ่งที่มีน้ำหนักเบา แต่ต้องไม่สละความนุ่มและการรองรับแรงกระแทกไป

ในปี 2012 แบรนด์ SCOTT ค้นพบพื้นโฟมวัสดุผสมรุ่นใหม่และได้เปิดตัวพื้นโฟมลิขสิทธิ์เฉพาะรุ่นใหม่นี้ ภายใต้ชื่อว่า “AeroFoam” ซึ่งทาง SCOTT โฆษณาว่าเป็นพื้นโฟมวัสดุผสม ที่ไม่ได้ทำมาจากวัสดุ EVA โดยมีน้ำหนักที่เบากว่า EVA ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ และนุ่มกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งโฟมมีความทนทานไม่ยุบตัวหรือเสียรูป เมื่อถูกใช้งานเป็นระยะเวลายาวนาน

AeroFoam พื้นโฟมวัสดุผสมรุ่นใหม่ของแบรนด์ SCOTT

โดยรองเท้าวิ่งรุ่นแรกที่นำ AeroFoam มาใช้คือรุ่น SCOTT Race Rocker ในปี 2012 ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งถนน ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 204 กรัม ในไซส์ของผู้ชาย และ 167 กรัม ในไซส์ของผู้หญิง

SCOTT Race Rocker ในปี 2012

และถือเป็นความสำเร็จอีกครั้งของแบรนด์ SCOTT เมื่อ Joseph Gray นักวิ่งชายชาวอเมริกา สามารถคว้าแชมป์งานแข่ง U.S. 50K Road Championships และอีกหนึ่งนักวิ่งหญิงอย่าง Meghan Arbogast สามารถทำลายสถิติโลก 100 กม. ในรุ่นอายุของเธอ โดยทั้งคู่สวมใส่รองเท้าวิ่งของ SCOTT รุ่น Race Rocker

ในปี 2013 แบรนด์ SCOTT เปิดรับฟังเสียงของนักแข่งมากขึ้น เมื่อนักวิ่งเทรลอย่าง Marco De Gasperi ต้องการรองเท้าวิ่งเทรลตัวแข่ง รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับวิ่งเทรล เนื่องจากตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา แบรนด์ SCOTT ไม่ได้มีการออกแบบรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันไว้เลย

ฉะนั้น แบรนด์ SCOTT ไม่รอช้าเปิดตัวรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันคู่แรกของแบรนด์ ภายใต้ชื่อว่า SCOTT T2 Kinabalu และยังเปิดตัวเป้น้ำและอุปกรณ์สำหรับวิ่งเทรล

SCOTT T2 Kinabalu รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันคู่แรกของแบรนด์

ความรู้เพิ่มเติม

  • Kinabalu เป็นชื่อภูเขาที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 4,095 เมตร และยังเป็นอีกหนึ่งสนามแข่งของงาน Mount Kinabalu International Climbathon ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความยากของสนามกับแผ่นหินที่ไม่มีที่สิ้นสุด
  • นอกจากนี้นักแข่งอย่าง Marco De Gasperi นอกจากเขาจะเป็นถึงอดีตแชมป์งานแข่ง World Mountain Running Championships 6 สมัย เขายังเป็นเจ้าของสถิติสนาม (2:36:59 ชั่วโมง) บนภูเขา Kinabalu อีกด้วย
เขา Kinabalu ประเทศมาเลเซีย

และในปี 2013 นี้เองที่แบรนด์ SCOTT ได้เริ่มทำการสปอนเซอร์นักกีฬาและร่วมมือกับองค์กรกีฬาจากทั่วทุกมุมโลก จนกระทั่งในปี 2014 แบรนด์ SCOTT ได้ไปจับมือเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับรายการแข่ง Skyrunning World Series ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายการแข่งขันวิ่งเทรล ที่โด่งดังที่สุดในโลก และนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของแบรนด์ SCOTT

แบรนด์ SCOTT จับมือเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับรายการแข่ง Skyrunning World Series

ก้าวสู่ศักราชใหม่ของแบรนด์ SCOTT

ในปี 2015 แบรนด์ SCOTT เริ่มมุ่งเน้นไปที่อุปกรณ์วิ่งเทรลมากยิ่งขึ้น และได้มีการลดสายการผลิตรองเท้าวิ่งถนนลง โดยในปีนี้เป็นปีแรกที่แบรนด์ SCOTT ได้เริ่มใช้สโลแกนใหม่อย่าง “NO SHORTCUTS”

แบรนด์ SCOTT ได้เริ่มใช้สโลแกนใหม่อย่าง “NO SHORTCUTS” ในปี 2015

NO SHORTCUTS” หรือ “ไม่มีทางลัด ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ” ซึ่งทางแบรนด์ SCOTT ให้ความหมายเชิงเปรียบเปรยที่ลึกซึ้งว่า “เฉกเช่นเดียวกับนักแข่งที่คว้าชัยชนะมามากมายกำลังนั่งอย่างถ่อมตนฟังนักแข่งที่กำลังคุยโม้โอ้อวดถึงความสำเร็จของตนเอง”

“แบรนด์ SCOTT ก็เช่นเดียวกัน เราปล่อยให้ความสำเร็จ ชัยชนะ และความสามารถเป็นสิ่งที่บอกกล่าวด้วยตัวของมันเอง”

“เราไม่ได้สร้างผลิตภัณฑ์เพื่อคนที่ต้องการเพียงแค่ชื่อเสียง แต่เราออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อบุคคลที่รักในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ ไม่ว่า ณ ที่ตรงนั้นจะมีใครสนใจเขาหรือไม่ก็ตาม”

“ความสำเร็จของบุคคลใดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความพยายามอันยากลำบากและเป็นเรื่องที่สมเกียรติแล้วที่พวกเขาได้รับ”

“ถ้าคุณเหมือนกับเรา คุณพูดในสิ่งที่อยากจะพูด คุณทำในสิ่งที่คุณอยากจะทำ คุณวิ่งเพราะคุณรักที่จะทำมัน คุณจงรู้ไว้ว่า คุณมาถูกทางแล้วและคุณทำมันด้วยเหตุผลที่ถูกต้องเสมอ”

และในปี 2015 นี้เอง ที่ทาง SCOTT ได้พัฒนาวัสดุพื้นโฟมน้ำหนักเบารุ่นสานต่ออย่าง “AeroFoam+” ที่มีความทนทานในการใช้งานมากยิ่งขึ้น และนำมาใช้ในรองเท้าวิ่งเทรลตัวซ้อมรุ่น SCOTT Kinabalu SuperTrac

SCOTT Kinabalu SuperTrac ในปี 2015

นอกจากนี้ภายใน 2015 ปีนี้ แบรนด์ SCOTT ยังได้เปิดตัวอุปกรณ์วิ่งเทรลแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แว่นตาสำหรับใส่วิ่ง เป้น้ำ กระติกน้ำ รวมทั้งชุดและเสื้อผ้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น

ใน 2015 แบรนด์ SCOTT ได้เปิดตัวอุปกรณ์วิ่งเทรลแบบครบวงจรมากยิ่งขึ้น

ในปี 2016 แบรนด์ SCOTT เปิดตัวรองเท้าวิ่งเทรลตัวแข่งรุ่นใหม่อย่าง Kinabalu RC (Racing Concept) และรองเท้าวิ่งถนนตัวแข่งรุ่น Palani RC โดยชื่อ Palani เป็นชื่อถนนบนเกาะฮาวาย ซึ่งงานแข่งขันไตรกีฬา Ironman World Championship จะจัดเส้นทางผ่านถนน Palani เสมอ

รองเท้าวิ่งเทรลตัวแข่งรุ่นใหม่อย่าง Kinabalu RC (Racing Concept) และรองเท้าวิ่งถนนตัวแข่งรุ่น Palani RC

โดยในปี 2016 แบรนด์ SCOTT ยังได้มีการซุ่มออกแบบรองเท้าวิ่งเทรลตัวแข่งรุ่นใหม่อีกหนึ่งรุ่น คือ SCOTT Supertrac RC ที่มาพร้อมกับลายดอกยางทรงพิเศษ ที่ถูกเรียกว่า RADIAL TRACTION ซึ่งรองเท้าคู่นี้ถูกนำไปจัดแสดงและได้รับรางวัลชนะเลิศ ณ งาน OutDoor Industry Award ปี 2016 ที่ประเทศเยอรมนี

SCOTT Supertrac RC รองเท้าวิ่งเทรลตัวแข่งรุ่นใหม่ ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ณ งาน OutDoor Industry Award ปี 2016

ต่อมาในปี 2017 แบรนด์ SCOTT เปิดตัวและวางจำหน่าย Supertrac RC อย่างเป็นทางการ โดยรุ่น Supertrac RC ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรองเท้าวิ่งเทรลตัวแข่งสำหรับงาน Skyrunning World Series โดยเฉพาะ หรือพูดง่าย ๆ ว่า เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาเพื่อการวิ่งไต่ภูเขาหินโดยเฉพาะ

และปีนี้เป็นปีแรกที่แบรนด์ SCOTT ได้เริ่มใช้สีเรือธงอย่าง สีดำ – เหลือง (black/yellow) (ซึ่งสีเหลืองจะออกไปทางสีเขียว) เป็นสีหลักในชุดและอุปกรณ์ของนักแข่ง รวมทั้งเปิดตัวไม้โพลสำหรับวิ่งเทรล

ในปี 2018 ถือได้ว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของแบรนด์ SCOTT เมื่อ Ruth Croft นักวิ่งเทรลหญิงชาวนิวซีแลนด์ สามารถคว้าชัยในรายการแข่ง Golden Trail World Series ปี 2018 โดยสวมใส่รองเท้าวิ่งเทรลรุ่น Supertrac RC

Ruth Croft นักวิ่งเทรลหญิงชาวนิวซีแลนด์ สามารถคว้าชัยในรายการแข่ง Golden Trail World Series ปี 2018

ในปี 2019 แบรนด์ SCOTT ได้ปรับไลน์รองเท้าวิ่งอีกครั้ง โดยในครั้งนี้รองเท้าถนนเหลือเพียง 2 รุ่นหลัก คือ SCOTT Palani RC และ Palani และในส่วนของรองเท้าวิ่งเทรลได้เพิ่มรุ่นย่อยเข้ามา คือรุ่น Supertrac Ultra RC รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันระยะไกล

ในปี 2019 แบรนด์ SCOTT เพิ่มรุ่นย่อยอย่าง Supertrac Ultra RC รองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันระยะไกล

จนกระทั่งในปี 2020 แบรนด์ SCOTT เปิดตัววัสดุพื้นโฟมรุ่นใหม่อย่าง “Kinetic Foam” โดยทาง SCOTT อธิบายว่า “Kinetic Foam เป็นโฟมที่มีน้ำหนักเบาและตอบสนองดีที่สุดของแบรนด์ ซึ่งมี Energy Return สูงกว่า EVA ทั่วไปถึง 14 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ละทิ้งการรองรับแรงกระแทก” และรองเท้าวิ่งคู่แรกที่นำโฟม Kinetic Foam มาใช้คือรุ่น SCOTT Kinabalu RC 2.0 ในปี 2020 ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันระยะสั้น

SCOTT Kinabalu RC 2.0 ในปี 2020 ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันระยะสั้น

และในปี 2020 แบรนด์ SCOTT ยังได้เปิดตัวรุ่นสานต่ออย่าง Supertrac RC 2 ซึ่งคุณ Michael McLean นักวิ่งเทรลชาวแคนาดาหัวใจไทย สวมใส่รองเท้าวิ่งเทรลรุ่นนี้คว้าแชมป์งานแข่ง Thailand By UTMB ในระยะ 120 กม. ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 ที่ผ่านมา (บทสัมภาษณ์คุณ Michael McLean นักวิ่งเทรลชาวแคนาดาหัวใจไทย มีมาแน่นอน เร็ว ๆ นี้ครับ)

Michael McLean นักวิ่งเทรลชาวแคนาดาหัวใจไทย เจ้าของแชมป์งานแข่ง 2020 Thailand By UTMB ในระยะ 120 กม.
SCOTT Supertrac RC 2 ในปี 2020

และในปัจจุบันปี 2021 แบรนด์ SCOTT มีการปรับไลน์รองเท้าวิ่งครั้งล่าสุด โดยรองเท้าวิ่งถนนมีเหลือเพียง 2 รุ่นหลักคือ Palani RC 2 และ Cruise (ซึ่งมาแทนที่รุ่น Palani) และในส่วนของรองเท้าวิ่งเทรลจะถูกแบ่งเป็น 2 ตระกูลหลักคือ Supertrac และ Kinabalu โดยจะมีรุ่นย่อยอย่าง RC, Ultra RC, GTX และรุ่นปกติ (ซึ่งเราจะนำมาอธิบายในบทความแบบ Catalog ต่อไปนะครับ)

บทสรุปภาพรวมผู้ก่อตั้งแบรนด์ SCOTT ในปัจจุบัน

Edward L. Scott หลังจากก่อตั้งแบรนด์ SCOTT มากว่า 41 ปี เขาก็ได้จากไปอย่างสงบในวัย 82 ปี และในส่วนของตำนานพ่อมดนักประดิษฐ์แห่งเซนต์หลุยส์ Charley French ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ในวัย 95 ปีและยังคงเดินหน้าทำในสิ่งที่เขารักต่อไป

Edward L. Scott ในวัยชรา
Charley French วัย 92 ปี ในปี 2018 ที่ยังคงลงแข่งขันไตรกีฬา และผ่านการแข่งขันไตรกีฬามากว่า 200 สนาม

ในส่วนการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างแบรนด์ SCOTT ต้องย้อนกลับไปในปี 1993 เมื่อแบรนด์ SCOTT ต้องการระดมเงินทุนเพื่อมาขยายกิจการ ทำให้กลุ่มผู้บริหาร ณ เวลานั้น ได้ตัดสินใจเปิดขายหุ้น 55 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทให้แก่กลุ่มทุน Zell Chillmark Chicago’s Investment Fund ของอเมริกา

ต่อมาในปี 1998 กลุ่มผู้บริหารของแบรนด์ SCOTT ได้ซื้อหุ้นคืนจากกลุ่ม Zell Chillmark โดยหนึ่งในผู้บริหารหลักของแบรนด์ SCOTT ณ เวลานั้น คือ Beat Zaugg ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาสกีหิมะอาชีพชาวสวิสเซอร์แลนด์ ที่ได้รับการสปอนเซอร์โดยแบรนด์ SCOTT ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นนักบริหาร และไต่เต้าจนกลายมาเป็นผู้บริหารหลักของแบรนด์ SCOTT

Beat Zaugg ผู้บริหารหลักของแบรนด์ SCOTT ในปัจจุบัน

หลังจากนั้น Beat Zaugg ก็ค่อย ๆ ซื้อหุ้นของแบรนด์ SCOTT จากกลุ่มผู้บริหารคนอื่น ๆ จนกลายเป็น 51.5 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2005 เขาได้เข้าซื้อหุ้นในส่วนที่เหลืออีก 48.5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เขากลายมาเป็นเจ้าของแบรนด์ SCOTT แบบ 100 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม ในปี 2013 Beat Zaugg ตัดสินใจขายหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ให้แก่ Youngone Corporation บริษัทรับผลิตเสื้อผ้าและอุปกรณ์กลางแจ้งชั้นนำระดับโลกจากประเทศเกาหลีใต้ ก่อนที่ในปี 2015 Beat Zaugg จะให้บริษัท Youngone Corporation เพิ่มการถือหุ้นของแบรนด์ SCOTT เป็น 50.01 เปอร์เซ็นต์

Youngone Corporation บริษัทรับผลิตเสื้อผ้าและอุปกรณ์กลางแจ้งชั้นนำระดับโลก จากประเทศเกาหลีใต้

Beat Zaugg ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลในการขายหุ้นแบรนด์ SCOTT ว่า “เมื่อผมยังเป็นเด็ก ผมฝันอยู่เสมอว่าอยากจะมีบริษัทเป็นของตัวเอง และเมื่อผมได้ร่วมงานกับแบรนด์ SCOTT และมีโอกาสได้เข้ามาเป็นผู้บริหารจากสัดส่วนการถือหุ้น 1 ใน 3 ไปถึง 51% จนไปจบที่ 100% ในแต่ละขั้น มีความเครียดและความกดดันที่แตกต่างกัน”

“เมื่อคุณถือหุ้นจำนวนน้อย คุณก็เจอปัญหาน้อย และเมื่อคุณถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ คุณก็ยังเหลือผู้ถือหุ้นท่านอื่นคอยช่วยเหลืออีก 49 เปอร์เซ็นต์”

“แต่เมื่อคุณถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกความรับผิดชอบ ทุกการตัดสินใจ คุณต้องแบกรับมันไว้เองทั้งหมด และผมผ่านมันมาหมดแล้วและได้เห็นถึงข้อดีและข้อเสีย ดังนั้น ในปี 2013 ผมจึงตัดสินใจปล่อยวางลงเล็กน้อยและร่วมมือกับ Youngone Corporation เพื่อการเติบโตของแบรนด์ในอนาคต”

ในปัจจุบัน Beat Zaugg ยังคงเป็นผู้บริหารหลักของแบรนด์ SCOTT และได้เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่เมือง Givisiez ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในปี 2019 ภายใต้ชื่อ SCOTT Global Headquarters ที่จะเป็นที่ตั้งของหน่วยงานทั้งหมดของแบรนด์ SCOTT ไม่ว่าจะเป็นกีฬาจักรยาน, โมโตครอส, และวิ่ง

SCOTT Global Headquarters สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่เมือง Givisiez ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

โดย Beat Zaugg ยังคงไม่ละทิ้งวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งอย่าง Edward L. Scott ที่ว่า “ต้องเป็นสิ่งที่แตกต่าง และต้องเป็นสิ่งที่ดีกว่า” ซึ่งในภายหลังถูกส่งต่อมาเป็นพันธกิจของแบรนด์ SCOTT ที่ว่า ทุกผลิตภัณฑ์ต้องมีหัวใจหลักเป็น “นวัตกรรม – เทคโนโลยี – และการออกแบบ”

จบกันไปแล้วนะครับสำหรับ ตอนสุดท้ายของประวัติแบรนด์ SCOTT Sports: นวัตกรรมรองเท้าวิ่งของแบรนด์ SCOTT หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ

สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน

More on this topic

Popular stories

Training Plan