SCOTT Supertrac RC 2 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลสำหรับแข่งขันบนเส้นทางที่ทรุกันดาร ในระยะสั้นถึงกลาง (0 – 100 กม.) โดย Supertrac RC ถือได้ว่าเป็นรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นเรือธงของแบรนด์ SCOTT ที่ได้สร้างผลงานไว้อย่างมากมายในวงการวิ่งเทรล
ไม่ว่าจะเป็นการได้รับรางวัลชนะเลิศ ณ งาน OutDoor Industry Award ปี 2016 หรือ Ruth Croft นักวิ่งเทรลหญิงชาวนิวซีแลนด์ ที่ใส่รองเท้ารุ่นนี้คว้าแชมป์รายการแข่ง Golden Trail World Series ปี 2018 รวมทั้งในปี 2020 ที่ผ่านมา ที่คุณ Michael McLean นักวิ่งเทรลชาวแคนาดาหัวใจไทยก็ได้ใช้รองเท้ารุ่นนี้คว้าแชมป์งานแข่ง Thailand By UTMB ในระยะ 120 กม.
และในวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึงความรู้สึกที่ได้ลองใส่และวิ่งครั้งแรกกับ SCOTT Supertrac RC 2 รวมทั้งตอบคำถามในส่วนของการกันน้ำ การระบายน้ำและระบายอากาศของหน้าผ้าผ่านการนำไปทดสอบ ซึ่งต้องขอขอบคุณทาง SCOTT Thailand ที่ส่งรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นนี้มาให้ทางเราได้ทดสอบกันนะครับ

และเราจะมาเริ่มกันในแต่ละส่วนดังต่อไปนี้
หน้าผ้า (Upper)

เริ่มต้นกันด้วยจุดเด่นของ SCOTT Supertrac RC 2 นั่นคือในส่วนของหน้าผ้าที่พร้อมกับ 2 เทคโนโลยีของบริษัท Schoeller บริษัทสิ่งทอรายใหญ่จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์มาใช้คือ เทคโนโลยี 3XDRY และเทคโนโลยี coldblack

โดยเทคโนโลยี 3XDRY คือเทคโนโลยีหน้าผ้ากันน้ำ ที่เนื้อผ้าด้านในมีความสามารถในการดูดซึมน้ำและเหงื่อเข้าไปในเนื้อผ้า เพื่อนำไประเหยและระบายอากาศผ่านเนื้อผ้าด้านนอก และเทคโนโลยี coldblack คือเทคโนโลยีเนื้อผ้าสะท้อนรังสีความร้อนและปกป้องผิวหนังจากรังสี UV

ทำให้คำถามได้เกิดขึ้นอย่างทันทีว่า “ป้องกันน้ำเข้าแล้วจะกันน้ำออกด้วยไหม?” และ “มันจะอมน้ำ?” หรือ “วิ่งไปเรื่อยๆ จะแห้งเองได้ไหม?”
จากการนำไปทดสอบการระบายน้ำ พบว่า
เมื่อวิ่งลงน้ำ น้ำจะขังในรองเท้าเล็กน้อยและมีการระบายน้ำออกจากหน้าผ้าคล้ายกับหน้าผ้า Mesh ปกติ แต่อาจจะช้ากว่าเล็กน้อย โดยรวมถือว่าไม่มีน้ำขัง ซึ่งแตกต่างจากหน้าผ้า GORE-TEX ที่แทบจะไม่มีการระบายน้ำเลย

โดยข้อดีอยู่ตรงที่ เมื่อเราถอดรองเท้าออกและเทน้ำที่ขังในรองเท้า รวมทั้งใช้มือบีบน้ำบริเวณ Heel Counter ออก เราจะพบว่า หน้าผ้าของ SCOTT Supertrac RC 2 จะไม่ค่อยอมน้ำ ซึ่งหมายความว่า “น้ำหนักของรองเท้าจะเพิ่มขึ้นไม่มาก” และจากตัวเลขของผลการทดสอบ น้ำหนักของรองเท้าจะเพิ่มขึ้นเพียง 19.8 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ซึ่งขณะที่รองเท้าหน้าผ้า Mesh ทั่วไป จะอมน้ำเข้าไปในเนื้อผ้า จนทำให้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 25.5 เปอร์เซ็นต์ และในส่วนของหน้าผ้า GORE-TEX ค่อนข้างที่จะอมน้ำเป็นพิเศษจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 33 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้เมื่อทำการวิ่งกลางแจ้งที่ไม่มีร่มเงาใดๆ ไปเรื่อยๆ และตรวจเช็คน้ำหนักทุกๆ 5 นาที จะพบว่า หน้าผ้าของ SCOTT Supertrac RC 2 จะมีน้ำหนักที่ลดลงไปเรื่อยๆ จนใกล้เคียงกับน้ำหนักเดิมภายในเวลา 75 นาที และมีอัตราส่วนของน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าหน้าผ้า Mesh ทั่วไปอีกด้วย
ปล. หน้าผ้าของ SCOTT Supertrac RC 2 ในตอนแรกทางเราคิดว่าน้ำจะขังเหมือนพวกหน้าผ้า GORE-TEX แต่จากการนำไปทดสอบเพิ่มเติมแบบวิ่งลงน้ำแล้ววิ่งออกไปเลย (ไม่ถอดรองเท้าออกมาเทน้ำ) พบว่า ไม่มีอาการน้ำขัง หน้าผ้าสามารถระบายน้ำได้ ซึ่งถ้าไม่ถอดรองเท้าก็จะใช้ระยะเวลาในการแห้งจาก 75 นาที จะเพิ่มขึ้นมาเป็น 80 นาทีแทน โดยยังคงอัตราการระบายน้ำที่เหมือนกับในกราฟด้านบนอยู่
หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ หลังจากวิ่งลงน้ำ รองเท้า SCOTT Supertrac RC 2 จะแบกน้ำหนักที่น้อยกว่ารองเท้าหน้าผ้า Mesh ทั่วไปจนกระทั่งรองเท้าแห้ง รวมทั้งหน้าผ้าด้านนอกที่กันน้ำ ก็จะไม่รับน้ำเข้ามาเพิ่ม เช่น ช่วงที่ฝนตกปรอยๆ หรือการวิ่งผ่านบริเวณที่มีน้ำขัง
ทั้งนี้บริเวณลิ้นของ SCOTT Supertrac RC 2 จะมีการเจาะรูระบายอากาศและตัวลิ้นจะแยกออกจากหน้าผ้า ซึ่งแน่นอนว่าบริเวณนี้น้ำยังสามารถไหลเข้าข้างๆ ลิ้นรองเท้าได้ โดยลักษณะของลิ้นจะเป็นพลาสติกอ่อนที่มีการบุฟองน้ำขนาดเล็ก ซึ่งข้อดีคือไม่อมน้ำนั่นเอง


ในส่วนของความร้อนสะสมในรองเท้าจากแสงอาทิตย์ หลังจากนำไปทดสอบตากแดดเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิเฉลี่ย 38 องศา พบว่า หน้าผ้าของ SCOTT Supertrac RC 2 จะมีอุณหภูมิภายในรองเท้าเพียง 63.75 องศาเซลเซียส (หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 63.46 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งขณะที่รองเท้าหน้าผ้า Mesh สีเข้มส่วนใหญ่จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยภายในรองเท้าอยู่ที่ 67.41 องศาเซลเซียส (หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 72.8 เปอร์เซ็นต์)

เหตุผลที่ทำให้อุณหภูมิภายในไม่สูงมาก คาดว่าเนื่องมาจากเทคโนโลยี coldblack ที่เคลือบมาในเนื้อผ้า ทำให้เนื้อผ้ามีคุณสมบัติสะท้อนรังสีความร้อนและลดความร้อนสะสมที่จะถูกกักเก็บไว้ในเนื้อผ้า
ปล. ในการใช้งานจริง รองเท้าทุกคู่ที่ทดสอบมา จะมีค่าอุณหภูมิความร้อนที่สะสมที่ต่ำกว่าค่าที่ได้จากการทดสอบ เนื่องจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การเคลื่อนไหว ร่มเงาจากตัวนักวิ่งหรือต้นไม้ รวมทั้งลมที่ผ่านเข้ามาเพื่อช่วยในการระบายอากาศ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการระบายอากาศของ SCOTT Supertrac RC 2 ตัวเนื้อผ้าจะสามารถระบายอากาศและระบายความชื้นผ่านตัวเนื้อผ้าได้ แต่การระบายอากาศหลักจะเป็นการใช้รูระบายอากาศบริเวณลิ้นรองเท้าและช่องว่างระหว่างตัวลิ้นกับหน้าผ้าที่แยกจากกัน ฉะนั้นโดยรวมการระบายอากาศของ SCOTT Supertrac RC 2 จะอยู่ในระดับปานกลาง

ซึ่งจากการนำไปวิ่งกลางแจ้งที่ไม่มีร่มเงาใดๆ เลย ในอุณหภูมิ 38 องศา พบว่า เมื่อหน้าผ้าของ SCOTT Supertrac RC 2 เปียกน้ำ เท้าจะไม่รู้สึกถึงความร้อนอบอ้าวใดๆ เลย แต่เมื่อแห้งสนิทแล้วนำไปวิ่งจะมีอาการร้อนอบอ้าวกว่ารองเท้าหน้าผ้า Mesh สีอ่อนทั่วไปเล็กน้อย เช่น สีน้ำตาลอ่อนของ Nike Terra Kiger 5 ซึ่งต่างจากหน้าผ้า GORE-TEX ที่จะร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก ทั้งในกรณีที่รองเท้าเปียกน้ำและรองเท้าแห้งสนิท

และในส่วนของความกว้างของหน้าเท้าจัดเป็นความกว้างแบบหน้าเท้าปกติ ไม่แคบและไม่กว้าง มีพื้นที่ให้เท้าได้ขยายออกด้านข้างได้เล็กน้อย (ความกว้างของ Insole บริเวณหน้าเท้าในไซส์ 11US วัดได้ 9.8 ซม. ซึ่งเท่ากับแบรนด์ Hoka One One เบอร์ 10.5US)
พื้นชั้นกลาง (Midsole)

ในส่วนของพื้นชั้นกลางของ SCOTT Supertrac RC 2 จะมาพร้อมกับพื้นโฟม AeroFoam+ ซึ่งเป็นโฟมวัสดุ EVA ที่ทาง SCOTT กล่าวว่า “โดดเด่นในด้านความนุ่มและการรองรับแรงกระแทก”
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทางเราได้นำไปทดสอบวิ่งพบว่า ตัวโฟมค่อนข้างเฟิร์มในครั้งแรกที่ออกจากกล่อง ต้องมีการวิ่งสักระยะเพื่อให้โฟมมีความเข้าที่มากยิ่งขึ้นและจะทำให้ตัวโฟมมีความนุ่มที่เพิ่มขึ้นมา

โดยเมื่อใช้งานไปสักระยะจะพบอีกว่า เนื้อโฟมบริเวณปลายเท้าจะมีความแน่นและเฟิร์มกว่าบริเวณส้นเท้า ซึ่งจะช่วยให้การยันตัวส่งแรงมีประสิทธิภาพและยังทำหน้าที่เป็นเสมือน Rock Plate ในการปกป้องเท้าจากการเหยียบไปบนหิน

ในส่วนของการรองรับแรงกระแทกจะอยู่ในระดับปานกลาง ที่ถือว่าวิ่งแล้วไม่สะท้านมากนัก ซึ่งแม้ว่าโฟมบริเวณปลายเท้าจะค่อนข้างเฟิร์ม แต่ด้วยความยาวของดอกยางที่สูงถึง 6 มม. ก็เพียงพอที่จะช่วยซับแรงกระแทกขณะวิ่งได้เป็นอย่างดี

โดยรวมตัวโฟมจะโดดเด่นในด้านของการตอบสนองและส่งแรงที่ดีมาก รวมทั้งมีความเสถียรและมั่นคง ซึ่งเมื่อรวมกับองศา Rocker ที่ถูกเรียกว่า eRIDE และแผ่นรองรองเท้า (Insole) วัสดุ EVA แบบนุ่ม ทำให้สามารถเร่งทำความเร็วในเพซสูงๆ ในทางเรียบ (ทดสอบในลู่ยาง) อย่างเพซ 3:40 – 3:50 เป็นไปได้อย่างไม่ยากและลื่นไหลมาก

ดอกยาง (Outsole)

ในส่วนของดอกยางเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นในรุ่น SCOTT Supertrac RC 2 โดยมาพร้อมกับดอกยางลิขสิทธิ์เฉพาะอย่าง Radial Traction ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการวิ่งบนสภาพทางเทรลที่ทรุกันดาร (Technical Trails) เช่น การวิ่งไต่ขึ้นภูเขาหิน หรือการวิ่งบนสันเขาที่มีหินก้อนลอยตลอดเส้นทาง

จากการนำไปวิ่งในทางดินเรียบและดินนุ่ม พบว่า สามารถเกาะพื้นได้อย่างไม่มีปัญหา โดยเฉพาะในทางดินนุ่ม ที่ดอกยางจะตะกุยและขุดดินได้เป็นอย่างดี ซึ่งในส่วนของการวิ่งบนทางโคลนเปียกแฉะ ถือว่าทำออกมาได้โดดเด่น ไม่มีลื่น เนื่องความสูงของดอกยางที่สูงถึง 6 มม.
วิธีการเลือกไซส์รองเท้า (Sizing)

สำหรับนักวิ่งที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรองเท้า SCOTT Supertrac RC 2 โดยในส่วนของไซส์ ให้วัดความยาวเท้าพร้อมกับถุงเท้าที่ใส่ประจำเป็นเซนติเมตร แล้วบวกไป 1.5 ซม. จากนั้นให้ดูตารางไซส์บริเวณที่เป็นเซนติเมตร (JPN/CM) ตรงกับ US ไซส์อะไร ให้เลือกไซส์นั้น

ตัวอย่างเช่น เท้าของแอดมินที่ใส่ถุงเท้าแล้วยาว 27.5 ซม. ให้บวกไป 1.5 ซม. จะได้ 29 ซม. ซึ่งในตารางจะตรงกับเบอร์ 11US (ซึ่งตรงกับความยาวของแผ่นรองรองเท้าหรือ Insole ที่วัดจริงได้ 29 ซม.)
ปล. นักวิ่งท่านใดอยากให้ปลายเท้าเหลือมากหน่อยแนะนำบวกไม่เกิน 2 ซม. นะครับ ถ้าเกินอาจจะทำให้รองเท้าใหญ่เกินไปจนวิ่งไม่สนุก แต่ส่วนตัวแอดมินจะบวกแค่ 1.5 ซม. จากความยาวเท้าพร้อมถุงเท้า ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ไหนก็ตามนะครับ
เสริมเพิ่มเติม ความยาว JPN ในบางครั้งไม่ตรงกับความยาวของ Insole เสมอไป ขึ้นอยู่กับตารางไซส์ของแต่ละแบรนด์ เช่น Hoka One One ความยาวของ Insole ที่ยาว 29 ซม. จะเป็นไซส์ 10.5US แต่เขียน JPN ไว้ที่ 28.5 ฉะนั้นต้องดูกันเป็นแบรนด์ๆ ไปนะครับ
ข้อมูลจำเพาะของ SCOTT Supertrac RC 2
- หน้าผ้า Schoeller 3XDRY® + coldblack®
- พื้นชั้นกลาง AeroFoam+
- มาพร้อมกับเทคโนโลยี eRIDE
- ดอกยาง Radial Traction (ดอกยางสูง 6 มม.)
- น้ำหนัก (ชั่งจริง) : 265 กรัม ในไซส์ 9US ชาย, 285 กรัม ในไซส์ 10US ชาย, 300 กรัม ในไซส์ 11US ชาย และ 217 กรัม ในไซส์ 7US หญิง, 239 กรัม ในไซส์ 8US หญิง
- Offset: 5 มม. (ปลายเท้าสูง 17.5 มม. และส้นเท้าสูง 22.5 มม.)
- มีเฉพาะหน้าเท้าปกติ
- รองเท้าจะออกเป็นสีเขียวนีออน
- ราคา: 6,150 บาท

สรุปโดยรวม

SCOTT Supertrac RC 2 เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่เหมาะกับนักวิ่งที่มีประสบการณ์ในการวิ่งมาพอสมควรและมีการฝึกซ้อมที่สม่ำเสมอ เนื่องจากวัตถุประสงค์รองเท้ารุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันที่เน้นการทำความเร็วในระยะสั้นถึงกลาง (0 – 100 กม.) โดยเฉพาะ

ฉะนั้น มือใหม่ที่ต้องการความนุ่มและการรองรับแรงกระแทกมากๆ อาจจะต้องมองหาในรุ่นที่มีความหนาของพื้นชั้นกลางที่มากกว่า อย่างเช่นรุ่น Kinabalu Ultra RC หรือ Supertrac Ultra RC
และในส่วนของฤดูฝนนี้ รองเท้า SCOTT Supertrac RC 2 คาดว่าน่าจะเป็นรองเท้าที่ได้เปรียบที่สุดในบรรดารองเท้าวิ่งเทรลที่วางจำหน่ายในไทยอยู่ ณ เวลานี้ เนื่องจากหน้าผ้ากันน้ำและไม่อมน้ำเพิ่ม ทั้งยังสามารถระบายน้ำออกมาได้ รวมไปถึงดอกยางที่สูงถึง 6 มม. ซึ่งโดดเด่นในเส้นทางโคลนที่เปียกแฉะและทางทรุกันดาร ทำให้ในฤดูฝนนี้ SCOTT Supertrac RC 2 คงหาคู่เปรียบเทียบที่สูสีได้ยาก

และในส่วนของวิดีโอรีวิวเต็มๆ จะออกมากันอีกทีนะครับ
ส่วนนักวิ่งท่านใดที่สนใจในรองเท้า SCOTT Supertrac RC 2 สามารถเข้าไปเลือกดูสินค้าได้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายต่อไปนี้ได้เลยครับ
ร้านตัวแทนจำหน่าย
- Cavemanstore ชลบุรี
- Basecamp Trail Provision เชียงใหม่
- Monsterrunthailand กรุงเทพ
หรือ
- SCOTT Running Concept Store 2nd Boat Arcade, Boat Lagoon Phuket
- ออนไลน์ Line Shop: http://shop.line.me/@735lsjjc
หรือเข้าไปติดตามข่าวสารและโปรโมชั่นได้ใน
- FB/IG: SCOTT Running Thailand
- Line official: http://lin.ee/GumE2L8
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน