วันนี้เราจะมาแปลบทสัมภาษณ์ผู้ออกแบบรองเท้าคาร์บอนรุ่นใหม่ในปี 2021 ของทาง Skechers อย่างรุ่น Skechers Speed Freek ที่พึ่งเปิดตัวกันแบบสดๆ ร้อน ๆ ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์จากร้านขายรองเท้าชื่อดังของอเมริกาอย่าง Running Warehouse เนื้อหาจะเป็นอย่างไรและรองเท้าวิ่งคาร์บอนรุ่นนี้จะน่าสนใจแค่ไหน เชิญติดตามได้เลยครับ

บทสัมภาษณ์ Kurt Stockbridge ผู้ซึ่งเป็นรองประธานฝ่ายพัฒนาและออกแบบรองเท้าของแบรนด์ Skechers โดยในครั้งนี้ Connor และ Kurt อยู่ ณ ห้องปฏิบัติการทดสอบรองเท้า Heeluxe Lab ณ เมืองชายฝั่ง Santa Barbara รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยทั้งคู่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยีรองเท้าคาร์บอนรุ่นใหม่อย่าง Skechers Speed Freek ซึ่งเริ่มต้นจากคำถามแรกอย่าง…


Connor: รองเท้าวิ่ง Skechers Speed Freek คืออะไรและเกิดขึ้นได้อย่างไร?
Kurt Stockbridge เล่าว่า “รองเท้าวิ่งคู่นี้เกิดมาเพื่อทำความเร็วในระยะทางที่ไกลกว่าเดิม ซึ่งเราได้เรียนรู้จากรองเท้าวิ่งคาร์บอนรุ่นแรกของเราอย่าง Skechers Speed Elite ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 6 ออนซ์ (หรือ 170 กรัม) ซึ่งมันสามารถทำความเร็วได้ดุจดั่งปีศาจ ไม่ต่างจากรถแข่งฟอร์มูล่าวันเลย และยังมาพร้อมกับแผ่นคาร์บอนและพื้นโฟม Hyper Burst ที่บางกำลังดี เพื่อให้นักแข่งสามารถเร่งทำความเร็วได้ตามที่ต้องการในสนามแข่งมาราธอน“

“แต่เรื่องตลกที่เกิดขึ้นเมื่อเราวางจำหน่าย Skechers Speed Elite คือ นักวิ่งและนักรีวิวต่างให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือรองเท้าวิ่งที่ดี…สำหรับการแข่งขัน 5 กม. 10 กม. หรือไปได้ไกลที่สุดแค่ฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งเราไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดมาเพื่อใช้ในการแข่งขันระยะสั้นแบบนั้น”
“อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นเหล่านั้น ทำให้เราได้โอกาสในการออกแบบรองเท้าวิ่งตัวแข่งรุ่นใหม่ ที่เหมาะกับการใช้ในการแข่งขันวิ่งมาราธอนมากยิ่งขึ้น โดยที่มันจะไม่มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมากจนเกินไป ซึ่งนี่จึงเป็นที่มาของ Skechers Speed Freek ในปี 2021 นี้”

Connor กล่าวว่า “ใช่ครับ หลังจากที่ผมได้ทดสอบ Skechers Speed Elite ในปีที่ผ่านมา ผมก็คิดแบบเดียวกัน ผมต้องการความนุ่มที่มากขึ้น แต่พอผมได้มาทดสอบ Skechers Speed Freek ผมก็รู้ได้ในทันทีว่านี่มันเป็นรองเท้าที่ยอดเยี่ยมมาก มันคือสิ่งที่ผมต้องการ มันมีความนุ่มที่สามารถวิ่งในระยะทางไกลได้”

“แต่ผมไม่ใช่คนเดียวที่ทดสอบรองเท้าวิ่งคู่นี้ ยังมีนักวิ่งระดับมืออาชีพอย่าง Edward Cheserek“
Connor: แล้วนักวิ่งระดับมืออาชีพอย่าง Edward Cheserek เขามองหาอะไรในรองเท้าตัวแข่งรุ่นใหม่เหล่านี้?
Kurt Stockbridge กล่าวว่า “จริงๆ มันเป็นเรื่องตลกนะ ลองคิดดูว่า รองเท้าวิ่งตัวแข่งอย่าง Skechers Speed Elite ในปีที่ผ่านมา มีพื้นบริเวณปลายเท้าที่สูงถึง 19 มม. แต่คุณรู้หรือเปล่าว่า Skechers Go Meb Speed 3 ที่ Meb ใช้คว้าแชมป์ Boston Marathon ในปี 2014 ด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 8 นาที 37 วินาที มีพื้นบริเวณปลายเท้าที่สูงเพียงแค่ 14 มม. เท่านั้น ซึ่งรุ่น Speed Elite มีพื้นที่หนากว่าอยู่ 5 มม.”

“แต่ทุกคนก็ยังต้องการพื้นโฟมที่มีความนุ่มที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมันต้องทำความเร็วได้ดีเหมือนเดิม ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถทำได้ เนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดด ทั้งพื้นโฟมที่มีน้ำหนักเบาขึ้นและเทคโนโลยีแผ่นคาร์บอน ทำให้นักวิ่งในปัจจุบันสามารถเข้าเส้นชัยด้วยเวลาที่ดีขึ้นกว่าในอดีต”
“ในส่วนของ Edward Cheserek เขาใช้ Skechers Speed Elite ทั้งในการวิ่งระยะทางไกลและการวิ่งทำความเร็วในลู่ยาง โดยที่ไม่มีปัญหาอะไร แต่เราก็ได้ลองส่ง Skechers Speed Freek ตัวต้นแบบไปให้เขาได้ทดสอบและบอกเขาไปว่า รองเท้าคู่นี้มันจะหนักขึ้นเล็กน้อย แต่มันจะนุ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งเขาก็ได้ตอบตกลงที่จะทดสอบรองเท้าคู่นี้”

“ซึ่งในท้ายที่สุด Skechers Speed Freek ก็เป็นรองเท้าวิ่งอีกหนึ่งรุ่นที่เราภูมิใจเป็นอย่างมาก”
Connor: เรามาเข้าสู่การอธิบายในแต่ละส่วนของ Skechers Speed Freek ในปี 2021 กันดีกว่าโดยเริ่มจาก…
พื้นชั้นกลาง (Midsole)
Kurt Stockbridge กล่าวว่า “เราต้องเพิ่มความสูงของพื้นบริเวณปลายเท้าจาก 19 มม. ใน Skechers Speed Elite โดยที่ไม่กระทบต่อความเสถียรและมั่นคงของรองเท้า จนในที่สุดเราได้ความสูงของพื้นบริเวณปลายเท้าที่ดีที่สุดอยู่ที่ 26 มม. ซึ่งสูงเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 7 มม.”


“แต่เรายังกังวลในเรื่องของความเสถียรและมั่นคงอยู่ เราจึงทำการเพิ่มความกว้างของพื้นด้านข้างออกมาอีกเล็กน้อย โดยที่น้ำหนักโดยรวมของรองเท้าเพิ่มขึ้นมาเพียง 1 ออนซ์ (28 กรัม) เท่านั้น”

“นอกเหนือจากการเพิ่มความสูงและความกว้างของพื้นโฟม ในส่วนอื่นๆ อย่างวัสดุและความหนาแน่นของเนื้อโฟม รวมทั้งแผ่นคาร์บอน ยังคงเป็นแบบเดียวกับในรุ่น Speed Elite”
แผ่นคาร์บอน (Carbon Plate)
Kurt Stockbridge กล่าวว่า “แผ่นคาร์บอนทั่วไปในรองเท้าตัวแข่งในปัจจุบันมีลักษณะเป็นแบบ 2 มิติ ซึ่งจะแข็งเพียงด้านเดียวและเมื่อถูกแรงของเท้ากระทำ มันจะสามารถงอตัวได้อย่างง่ายดาย”

“ซึ่งต่างจากแผ่นคาร์บอนรูปทรงปีกนก (Infused Carbon Fiber Winglets) ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของเรา ที่มีลักษณะเป็นแบบ 3 มิติ ซึ่งมีความแข็งกว่าแผ่นคาร์บอนทั่วไปและมีน้ำหนักที่เบากว่า”

“และเมื่อนำคุณสมบัติต่างๆ อย่าง น้ำหนักที่เบา ความแข็งของแผ่นคาร์บอน และโฟมที่มี Energy Return สูง มารวมกัน มันจะทำให้นักกีฬาของเราได้รับประโยชน์สูงสุดจากรองเท้าอย่างแน่นอน”
Connor ถามต่อไปว่า “ผมใช้รองเท้าคาร์บอนมามากมาย แต่หลังจากที่ผมได้ลอง Skechers Speed Freek แล้ว สิ่งที่ผมเห็นว่ามันเป็นจุดเด่นเลยก็คือ การวิ่งเลี้ยวโค้งที่ดูจะเป็นธรรมชาติมากและทำได้ดีกว่ารองเท้าคาร์บอนหลายๆ รุ่นในท้องตลาด ซึ่งมันเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ? และเกี่ยวข้องกับแผ่นคาร์บอนไหม?”
Kurt Stockbridge กล่าวว่า “มันเป็นข้อดีอีกอย่างจากแผ่นคาร์บอนรูปทรงปีกนกที่ยกขอบขึ้น ที่ขอบของแผ่นคาร์บอนจะผสานเป็นชิ้นเดียวกับขอบของพื้นโฟม ซึ่งจะมีผลช่วยลดแรงเฉือน (Shear force) ขณะเข้าโค้ง นอกจากนี้ ความกว้างของพื้น ที่ไม่กว้างจนเกินไปก็มีส่วนช่วยด้วยเช่นกัน”

Connor ถามว่า “ทำไมแผ่นคาร์บอนต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน? และมันทำมาจากวัสดุอะไร?”
Kurt Stockbridge กล่าวว่า “ในขั้นตอนการผลิตมันเป็นการฉีดเรซิ่นเข้าไปผสมกับแผ่นคาร์บอนที่ถูกดูดอากาศออก หรือเรียกว่า Infused Carbon ซึ่งมันคือพอลิเมอร์ ที่สามารถอ่อนตัวได้”

“ซึ่งแผ่นคาร์บอนปกติทั่วไปคือแผ่นคาร์บอนแท้ ที่จะแข็งในทุกๆ จุดที่กดลงไป แต่ Infused Carbon ที่เป็นพอลิเมอร์จะสามารถยืดหยุ่นตัวได้ในจุดที่เราออกแบบไว้ นั่นคือ บริเวณก้านกลางของแผ่นคาร์บอน และเราต้องการให้มันยืดหยุ่นตัวได้มากขึ้น เพื่อเพิ่มแรงสปริง ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องแยกออกเป็น 2 ส่วนอย่างที่เห็น”

ดอกยาง (Outsole)
Kurt Stockbridge กล่าวว่า “ด้วยเทคโนโลยีของ Goodyear ที่ดอกยางมีความทนทานสูงและสามารถยึดเกาะพื้นผิวๆ ต่างๆ ได้ดี ทำให้เราสามารถติดดอกยางเฉพาะในส่วนที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อช่วยให้รองเท้ามีน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

“ซึ่งต้องเข้าใจว่า ดอกยางเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหนก็ตามส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักเป็น 6 เท่าของพื้นโฟม Hyper Burst ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องติดดอกยางเฉพาะในส่วนที่จำเป็นเท่านั้น โดยเนื้อยางมีความหนา 1.2 มม. และดอกยางสูง 0.5 มม. นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการในวันแข่ง”
หน้าผ้า (Upper)
Kurt Stockbridge กล่าวว่า “Skechers Speed Freek ใช้หน้าผ้า Mono Mesh ที่สามารถมองทะลุถึงด้านในได้และไม่ยืดหยุ่น เพื่อจับเท้าให้อยู่กับที่ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่า มันไม่สบายเหมือนหน้าผ้า Knit แน่นอน ซึ่งมันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์แบบนั้น โดยสองหน้าที่หลักของหน้าผ้าในรองเท้าคู่นี้คือ จับเท้าให้อยู่กับที่และต้องระบายอากาศได้ดีแบบรู้สึกถึงลมผ่านเข้ามาได้“

Connor: สรุปแล้ว Skechers Speed Freek คู่นี้เหมาะกับใคร? และการใช้งานแบบไหน?
Kurt Stockbridge กล่าวว่า “มันเหมาะสำหรับนักวิ่งที่ต้องการความนุ่มและการรองรับแรงกระแทก ต้องการทำความเร็วและ Energy Return รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งทั้งในการแข่งขันระยะฮาล์ฟมาราธอนไปจนถึงระยะมาราธอน”

“โดยรองเท้าคู่นี้มีน้ำหนักอยู่ 7 ออนซ์ (198 กรัม) หรือเท่ากับตัวแข่งรุ่นเก่าอย่าง GoMeb Speed 2 และ 3 ซึ่งเป็นเพราะพื้นโฟม Hyper Burst ที่ทำให้เราสามารถเพิ่มความหนาของพื้นโฟมโดยที่น้ำหนักของรองเท้ายังคงเท่ากับตัวแข่งในอดีตได้”
“นอกจากนี้ เทคโนโลยีต่างๆ ไม่จะเป็นแผ่นคาร์บอน หรือองศาพื้นชั้นกลางใหม่อย่าง HyperARC ที่ทำให้การวิ่งเป็นไปอย่างรื่นไหลและมีประสิทธิภาพ จนทำให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบรองเท้าของเราต่างให้ความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า รองเท้าคู่นี้ทำให้ผมไม่สามารถวิ่งช้าได้เลย ซึ่งจริงๆ แล้วผมต้องคอยดูนาฬิกาตลอดเพื่อไม่ให้ผมวิ่งเร็วจนเกินไป“

Connor: ก่อนจะจบบทสัมภาษณ์ บอกเราหน่อยได้ไหมว่า ทำไมสีรองเท้าตัวต้นแบบต้องเป็นลายม้าลายและในรองเท้าที่จะวางจำหน่ายทำไมถึงต้องมีลวดลายแบบนี้?
Kurt Stockbridge กล่าวว่า “เราได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์ต้นแบบที่ชอบใช้ลวดลายม้าลายในการเปิดตัว ซึ่งลวดลายม้าลายมีความหมายถึงความสับสน ความลึกลับ ที่ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่านั่นคือรองเท้ารุ่นอะไรหรือแบรนด์อะไร”

“และในรุ่นที่จะวางจำหน่าย เราเลือกใช้ลวดลาย Dazzle Camouflage ของเรือรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ไม่ใช่เพื่อสร้างความสับสน แต่เป็นการหลอกลวง โดยที่ศัตรูไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเรือรบลำนั้นกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแค่ไหน ซึ่งนี่เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบลวดลายหน้าผ้าของเรา“

ข้อมูลจำเพาะของ Skechers Speed Freek
- หน้าผ้า Ripstop Mono Mesh
- พื้นชั้นกลาง Hyperburst
- ดอกยาง Goodyear
- น้ำหนัก: 198 กรัม ในไซส์ 9US ชาย
- Offset: 4 มม. (ปลายเท้าสูง 26 มม. และส้นเท้าสูง 30 มม.)
- ราคา: $200 (หรือประมาณ 6,2xx บาท)
โดย Skechers Speed Freek มีกำหนดการวางจำหน่ายในต่างประเทศในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ ส่วนในประเทศไทยอาจจะมีโอกาสนำเข้ามาจำหน่าย แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้นต้องรอติดตามดูกันต่อไป

หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ
สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน