The North Face ส่งรองเท้าวิ่งเทรล 3 รุ่นหลักของซีรีส์ VECTIV ประกอบด้วย Flight VECTIV, VECTIV Infinite และ VECTIV Enduris พร้อมลงสนามในปี 2021 นี้ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลามาเริ่มกันจากรุ่นแรกกันเลยครับ

The North Face Flight VECTIV

The North Face Flight VECTIV เป็นรองเท้าวิ่งเทรลที่ถูกออกแบบมาสำหรับการวิ่งแข่งขันทำความเร็วระยะไกล (0-170 กม.) ที่มาพร้อมกับแผ่นคาร์บอนรูปทรงพิเศษ ซึ่งทาง The North Face เรียกว่า “3D Carbon-Fiber Plate” โดยยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดออกมาว่าแผ่นคาร์บอนจะเป็นการฝังลงไประหว่างพื้นชั้นกลาง หรือ เป็นเพียงการวางลงไปใต้เท้าของเราแล้วยกขอบด้านข้างล้อมรอบตัวรองเท้า (คล้ายกับเทคโนโลยี Active Footframe หรือ Bucket seat ของทาง Hoka One One)

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ทาง The North Face ก็ยืนยันว่า “สามารถช่วยให้นักวิ่งส่งแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ละทิ้งความเสถียรและความมั่นคง รวมทั้งช่วยคงรูปขององศา Rocker ของรองเท้า”
ในส่วนของหน้าผ้าของ The North Face Flight VECTIV จะใช้เป็นหน้าผ้า Knit น้ำหนักเบาเสริมด้วยหน้าผ้า Matryx บริเวณกลางเท้า เพื่อเพิ่มความทนทานและช่วยล็อคเท้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความรู้เพิ่มเติม หน้าผ้า Matryx เป็นหน้าผ้าไนลอนทอผสมกับเส้นใยเคฟลาร์ (Kevlar) ทำให้หน้าผ้ามีน้ำหนักเบาและทนทานต่อการขีดข่วน รวมทั้งสามารถระบายน้ำและระบายอากาศได้ดี โดยชื่อ Matryx เป็นชื่อทางการค้าของบริษัท Chamatex จากประเทศฝรั่งเศส ไม่ใช่ของ Hoka One One อย่างที่นักวิ่งหลายท่านเข้าใจผิดกัน
ในส่วนของพื้นชั้นกลางของ Flight VECTIV จะมาเป็นพื้นโฟมแบบความหนาแน่นสองส่วน (Dual-density midsole) ซึ่งคาดว่าบริเวณปลายเท้าจะมีความเฟิร์มกว่าบริเวณส้นเท้า อย่างไรก็ตามทาง The North Face ยังคงไม่มีการเปิดเผยวัสดุที่ใช้ และมีเพียงการเรียกชื่อรวมระหว่างพื้นชั้นกลางและแผ่นคาร์บอน ว่า “เทคโนโลยี VECTIV” เท่านั้น และในส่วนของดอกยางจะใช้เป็นดอกยางลิขสิทธิ์เฉพาะของ The North Face อย่าง “Surface Control” โดยมีความสูงของดอกยางอยู่ที่ 3.5 มม.

โดย The North Face Flight VECTIV ถูกออกแบบและทดสอบมาตั้งแต่ปลายปี 2018 โดยนักกีฬาภายในทีม The North Face ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ แชมป์ UTMB ของปี 2019 อย่าง Pau Capell ที่เมื่อช่วงปลายปี 2020 เขาได้นำ The North Face Flight VECTIV ไปลงสนาม UTMB ที่จัดขึ้นมาเองในชื่อโปรเจคว่า “Breaking 20” หรือ การทำลายสถิติสนาม UTMB ระยะทางกว่า 170 กม. และมีความชันรวมกว่า 10,000 เมตร ภายในเวลา 20 ชั่วโมง

และแม้ว่าในครั้งนั้น Pau Capell จะไม่สามารถทำลายกำแพง 20 ชั่วโมงลงได้ ซึ่งเขาวิ่งจบด้วยระยะเวลา 21 ชั่วโมง 17 นาที 18 วินาที แต่เขาก็กล่าวว่า “รองเท้าคู่นี้ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับกำลังบินอยู่บนทางเทรลเลย มันเป็นเหมือนอาวุธในอุดมคติที่ขาดไปไม่ได้เลย”
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตและออกแบบของ The North Face อย่าง Michael Thompson ยังได้กล่าวเสริมว่า “VECTIV คือองค์รวมทั้งหมดของรองเท้า ซึ่งไม่ใช่แค่แผ่นคาร์บอน และเราตื่นเต้นเหลือเกินที่จะแสดงถึงความเป็นแบรนด์มืออาชีพสำหรับรองเท้าวิ่งเทรลของ The North Face”
โดย The North Face Flight VECTIV เริ่มหลุดมาวางจำหน่ายแล้วในบางประเทศ ด้วยราคาเปิดตัว $199 หรือประมาณ 5,9xx บาท
ข้อมูลจำเพาะของ The North Face Flight VECTIV
- หน้าผ้า Knit น้ำหนักเบาเสริมด้วยหน้าผ้า Matryx บริเวณกลางเท้า
- มาพร้อมกับเทคโนโลยี VECTIV ซึ่งประกอบด้วย
- แผ่นคาร์บอนแบบ 3D (3D Carbon-Fiber Plate)
- พื้นชั้นกลางแบบความหนาแน่นสองส่วน (Dual-density midsole)
- ดอกยางลิขสิทธิ์เฉพาะ Surface Control
- ความสูงของดอกยาง: 3.5 มม.
- Offset: 6 มม.
- Stack Height: ปลายเท้าสูง 19 มม. และส้นเท้าสูง 25 มม.
- น้ำหนัก: 285 กรัม
- ราคา: $199 หรือประมาณ 5,9xx บาท
The North Face VECTIV Infinite

The North Face VECTIV Infinite เป็นรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นรองท็อปของซีรีส์ ที่มีความเอนกประสงค์ และทนทาน เหมาะกับการใช้ซ้อมแทนตัวแข่งอย่าง Flight VECTIV
โดย The North Face VECTIV Infinite จะมีการเปลี่ยนจากการใช้แผ่นคาร์บอนไปเป็นแผ่น Pebax ที่มีความให้ตัวและมีความยืดหยุ่นกว่า ซึ่งทาง The North Face เรียกว่า “3D Pebax Plate” นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความทนทานในการใช้งาน The North Face VECTIV Infinite จะมาพร้อมกับหน้าผ้า Matryx แบบเต็มผืน (Full-length Matryx Upper)

ในส่วนของวัสดุและองศาของพื้นชั้นกลาง รวมทั้งดอกยางจะเป็นแบบเดียวกับรุ่น Flight VECTIV

โดย The North Face VECTIV Infinite เริ่มวางจำหน่ายแล้วในบางเว็บไซต์ในต่างประเทศ ในเปิดตัวราคา $169 หรือประมาณ 5,0xx บาท
ข้อมูลจำเพาะของ The North Face VECTIV Infinite
- หน้าผ้า Matryx แบบเต็มผืน (Full-length Matryx Upper)
- มาพร้อมกับเทคโนโลยี VECTIV ซึ่งประกอบด้วย
- แผ่น Pebax แบบ 3D (3D Pebax Plate)
- พื้นชั้นกลางแบบความหนาแน่นสองส่วน (Dual-density midsole)
- ดอกยางลิขสิทธิ์เฉพาะ Surface Control
- ความสูงของดอกยาง: 3.5 มม.
- Offset: 6 มม.
- Stack Height: ปลายเท้าสูง 19 มม. และส้นเท้าสูง 25 มม.
- น้ำหนัก: 307 กรัม
- ราคา: $169 หรือประมาณ 5,0xx บาท
The North Face VECTIV Enduris

The North Face VECTIV Enduris เป็นรองเท้าวิ่งเทรลรุ่นเล็กสุดของซีรีส์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นความสบายในการสวมใส่เป็นหลัก
โดย The North Face VECTIV Enduris จะมีการเพิ่มความสูงของพื้นชั้นกลางอีก 6 มม. ทำให้มีความสูงบริเวณปลายเท้าถึง 25 มม. และบริเวณส้นเท้า 31 มม. โดยยังมีคง Drop อยู่ที่ 6 มม. แต่จะมีการใช้แผ่นพลาสติก TPU แทนแผ่น Pebax ซึ่งถูกเรียกว่า “3D TPU Plate”

ในส่วนของหน้าผ้าของ The North Face VECTIV Enduris จะใช้ผ้า Mesh ปกติ อย่างไรก็ตามในส่วนของพื้นชั้นกลางยังคงเป็นแบบความหนาแน่นสองส่วน (Dual-density midsole) และใช้ดอกยางลิขสิทธิ์เฉพาะ Surface Control โดยมีความสูงของดอกยางอยู่ที่ 3.5 มม.

โดย The North Face VECTIV Enduris เริ่มวางจำหน่ายแล้วในบางเว็บไซต์ในต่างประเทศเช่นกัน ในเปิดตัวราคา $139 หรือประมาณ 4,1xx บาท
ข้อมูลจำเพาะของ The North Face VECTIV Enduris
- หน้าผ้า Air Mesh
- มาพร้อมกับเทคโนโลยี VECTIV ซึ่งประกอบด้วย
- แผ่น TPU แบบ 3D (3D TPU Plate)
- พื้นชั้นกลางแบบความหนาแน่นสองส่วน (Dual-density midsole)
- ดอกยางลิขสิทธิ์เฉพาะ Surface Control
- ความสูงของดอกยาง: 3.5 มม.
- Offset: 6 มม.
- Stack Height: ปลายเท้าสูง 25 มม. และส้นเท้าสูง 31 มม.
- น้ำหนัก: 316 กรัม
- ราคา: $139 หรือประมาณ 4,1xx บาท
เป็นที่น่าสนใจมากสำหรับทั้ง 3 รุ่นที่กำลังจะวางจำหน่ายในปี 2021 และเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ดูแล้วน่าลงทุนด้วยจริง ๆ หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ
สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน