วันนี้เรามาพรีวิวและอธิบายถึงประวัติและเทคโนโลยีต่างๆ ของรองเท้าวิ่งถนน Xtep Ultra Fast 2.0 รวมไปถึงความรู้สึกหลังจากการใช้งาน ซึ่งจะน่าสนใจเพียงใด เชิญติดตามได้เลยครับ
ปล. บทความ รีวิว (ผ่า) Xtep Ultra Fast 2.0 มาแล้ว สามารถเข้าไปรับชมได้ที่นี่เลยครับ

ประวัติและเทคโนโลยีต่างๆ ของรองเท้าวิ่งถนน Xtep ULTRA FAST 2.0
Xtep Ultra Fast 2.0 หรือในประเทศจีนใช้ชื่อว่า “騛速 2.0” (อ่านว่า เฟ่ยซู่) ซึ่งเป็นรองเท้าวิ่งรุ่นเริ่มต้นสำหรับซ้อมวิ่งทั่วไป (Daily Trainers) และวิ่งระยะไกล (Long Run) สำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral Foot)

ต้องเท้าความกลับไปถึง Dong Guojian (董国建) (อ่านว่า ต่งกั๋วเจี้ยน) นักวิ่งมาราธอนชายชาวจีน ที่เกิดและเติบโตในครอบครัวเกษตรกรในเขตเมืองชนบท Jiaopingdu (皎平渡) ที่อาศัยอยู่บนเนินเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,300 เมตร ในมณฑลยูนนาน

ในปี 2019 ณ งานแข่งระดับโลกอย่าง Berlin Marathon เขาผู้นี้สามารถสร้างสถิติความเร็วในระยะมาราธอนที่เร็วที่สุดในรอบ 10 ปีของประเทศจีน โดยในวันนั้น Dong Guojian เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 2 ชั่วโมง 8 นาที 28 วินาที ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์มาราธอนชายของจีน โดยสวมใส่รองเท้าวิ่ง Xtep 160X รองเท้าวิ่งตัวแข่งคาร์บอนรุ่นล่าสุด ณ เวลานั้น

ความรู้เพิ่มเติม สถิติมาราธอนชายของประเทศจีนถูกทำไว้โดย Ren Longyun (任龙云) (อ่านว่า เริ่นหรงหยิน) ณ งาน Beijing Marathon ปี 2007 ด้วยเวลา 2:08:15 ชั่วโมง และในปีเดียวกัน เขายังครองสถิติวิ่งระยะ 10 กม. ในลู่ยางของประเทศจีนด้วยเวลา 28:08.67 นาที

โดย Xtep 160X หรือในประเทศจีนใช้ชื่อว่า “競速160X” ซึ่ง “競速” (อ่านว่า จิ้งซู่) หรือ “Racing Series” เป็นตระกูลรองเท้าวิ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะของแบรนด์ Xtep ที่ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2016 และเป็นรองเท้าวิ่งที่ตั้งแต่รุ่นแรกที่เปิดตัวก็มาพร้อมกับแผ่นคาร์บอน

ซึ่งตระกูล 競速 (Racing Series) เป็นตระกูลรองเท้าวิ่งที่สร้างผลงานความสำเร็จในรายการแข่งขันวิ่งมาราธอนในประเทศจีนมากมาย

และภายในปี 2016 ทางแบรนด์ Xtep ยังมีการเปิดตัวรองเท้าวิ่งอีกหนึ่งตระกูล คือ “競訓” (อ่านว่า จิ้งซวิน) หรือ “SP Series” ซึ่งเป็นตระกูลรองเท้าที่เน้นความเสถียรและซัพพอร์ตเท้า หรือรองเท้าวิ่งสำหรับนักวิ่งเท้าแบน (Overpronation) ซึ่งในปัจจุบันรองเท้าวิ่งตระกูลนี้ในไทยเราจะคุ้นตากันดีกับรุ่น SP300 และ SP300X

จนกระทั้งช่วงปี 2020 ทางแบรนด์ Xtep ตัดสินใจที่จะเปิดตัวรองเท้าวิ่งน้ำหนักเบาสำหรับนักวิ่งทั่วไป เพื่อใช้ในการฝึกซ้อมประจำวัน ภายใต้ชื่อ “騛速“ (อ่านว่า เฟ่ยซู่) หรือ “Ultra Fast Series”
ซึ่งตระกูล 騛速 (Ultra Fast Series) ในครั้งแรกที่เปิดตัวมีทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
- 騛速 (Ultra Fast) เป็นรองเท้าวิ่งรุ่นเริ่มต้นของตระกูล
- 騛速X (Ultra Fast X) เป็นรองเท้าวิ่งรุ่นกลางของตระกูล
- 騛速160X (Ultra Fast 160X) เป็นรองเท้าวิ่งรุ่นสูงสุดของตระกูล ซึ่งเป็นการยกเอาพื้นชั้นกลางและแผ่นคาร์บอนของ Xtep 160X รุ่นตัวแข่งรุ่นแรกมาทั้งชุด แต่เปลี่ยนหน้าผ้าเป็นผ้า Knit แทน



และ Xtep Ultra Fast 2.0 ที่เราจะพรีวิวกันในวันนี้ ก็คือรุ่นสานต่อของ Ultra Fast (騛速) รุ่นแรกนั้นเอง

โดย Xtep Ultra Fast 2.0 จะมาพร้อมกับพื้นชั้นกลางที่มีชื่อว่า “Feather Foam” ซึ่งเป็นวัสดุ TPU แบบเต็มทั้งพื้น และบริเวณกลางของพื้นชั้นกลางจะมีการแทรกแผ่น TPU Plate ที่ทางแบรนด์ Xtep เรียกว่า “X-Force Plate”

ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปตัว X แบบก้ามปู ที่วางยาวตั้งแต่บริเวณปลายเท้าถึงบริเวณส้นเท้า เพื่อทำหน้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งแรงในทุกย่างก้าวที่ลงเท้า
นอกจากนี้ ตัวของแผ่น Plate จะมีการออกแบบให้ยกขอบบริเวณช่วงส้นเท้าขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มความกระชับและความเสถียรบริเวณส้นเท้า
ความรู้สึกหลังสัมผัสรองเท้าวิ่งถนน Xtep Ultra Fast 2.0

เมื่อทราบประวัติและเทคโนโลยีที่สำคัญกันไปแล้ว เรามาพูดคุยถึงความรู้สึกหลังสวมใส่ Xtep Ultra Fast 2.0 กันนะครับ โดยแบ่งประเด็นดังนี้
หน้าผ้า (Upper)

Xtep Ultra Fast 2.0 มาพร้อมกับหน้าผ้า Jacquard Mesh (หรือหน้าผ้าทอที่มีการขึ้นลาย) ที่ระบายอากาศได้ดีและไม่อมน้ำอมเหงื่อ รวมทั้งมีการบุโฟมน้ำบริเวณลิ้นรองเท้าและขอบบริเวณข้อเท้าที่นุ่มและสวมใส่สบาย



แต่รูร้อยเชือกหูสุดท้ายทางแบรนด์ Xtep จะไม่มีการเจาะมาให้ ซึ่งบนหน้าผ้าจะมีขีดบอกให้นำไปเจาะเอง

อย่างไรก็ตาม โดยรวม หน้าผ้ามีความกระชับเท้า มัดเชือกแบบปกติก็เพียงพอต่อการใช้งานในการฝึกซ้อมประจำวันและวิ่งระยะไกล ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของรองเท้าวิ่งคู่นี้ ทำให้หลังจากใช้งานมา ทางเรายังไม่มีอาการส้นรูด แม้ว่าจะไม่มัดหูสุดท้ายก็ตาม รวมไปถึงไม่มีอาการหน้าผ้ากัดเท้าหรือ Blister เลย

ในส่วนของความกว้างหน้าเท้าจัดเป็นรองเท้าหน้าเท้าปกติ และการเลือกไซส์รองเท้า ทางเราจะวางตารางเลือกไซส์ของแบรนด์ Xtep ไว้ให้นะครับ

พื้นชั้นกลาง (Midsole)

พื้นชั้นกลางวัสดุ TPU กับแผ่น Plate ให้ความรู้สึกนุ่มและลื่นไหลในทุกย่างก้าวที่ลงเท้า วิ่งสนุก มีความประหยัดแรงในการวิ่ง เมื่อเทียบกับรองเท้าวิ่งที่ไม่มีแผ่น Plate ทำให้ Xtep Ultra Fast 2.0 สามารถพาให้นักวิ่งวิ่งไปได้ไกลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และด้วยน้ำหนัก 284 กรัมของรองเท้าเบอร์ 45EU (ที่มีความยาวเท่ากับรองเท้าวิ่งเบอร์ 11.5US ของแบรนด์ Adidas) ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่กำลังดีของรองเท้าวิ่งถนนสำหรับซ้อมประจำวันและวิ่งระยะไกล

อย่างไรก็ตาม การที่พื้นชั้นกลางมีการฉลุโฟมด้านข้างออกทั้งสองด้าน (ข้างเท้าด้านนอกและอุ้งเท้าด้านใน) ทำให้นักวิ่งเท้าแบนไม่เหมาะที่จะใช้งานรองเท้าวิ่งคู่นี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากเท้าจะมีการล้มเข้าด้านในที่ค่อนข้างมาก โดยที่แผ่น Plate ก็ไม่ได้ช่วยป้องกันอาการเท้าล้มนะครับ

ดอกยาง (Outsole)

ดอกยางหลังจากใช้งานมา สามารถเกาะพื้นถนนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการลื่นและมีความทนทานในการใช้งาน แต่จะเกาะพื้นได้ดีอยู่ในระดับใดนั้น ทางเราจะนำไปทดสอบในรีวิวเต็มอีกทีนะครับ

สรุปโดยรวม

Xtep Ultra Fast 2.0 เป็นรองเท้าวิ่งที่สามารถตอบโจทย์ได้ตามวัตถุประสงค์ที่ถูกออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยมและถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับการนำไปซ้อมวิ่งประจำวัน (Daily Trainers) และวิ่งระยะไกล (Long Run) สำหรับนักวิ่งเท้าปกติ (Neutral Foot)
โดย Xtep Ultra Fast 2.0 เป็นรองเท้าวิ่งที่จะพาให้ผู้สวมใส่วิ่งไปได้ไกลขึ้น มีการส่งแรงที่ลื่นไหล และวิ่งสบายตลอดระยะทาง รวมทั้งมีความทนทานในการใช้งาน

ข้อมูลจำเพาะของ Xtep Ultra Fast 2.0
- หน้าผ้า Jacquard Mesh
- พื้นชั้นกลาง Feather Foam (วัสดุ TPU)
- มาพร้อมกับแผ่น “X-Force Plate”
- น้ำหนักที่ชั่งจริง: 284 กรัม ในไซส์ 45EU ชาย (ชั่งจริง) ซึ่งเป็นไซส์เดียวกับเบอร์ 11.5US ของแบรนด์ Adidas
- มีความยาวแผ่นรองรองเท้าเบอร์ 45EU อยู่ที่ 30 ซม.
- Offset: 9 มม. (ปลายเท้าสูง 21 มม. และส้นเท้าสูง 30 มม.) โดยประมาณ
- มีเฉพาะหน้าปกติ
- ราคา: 1,799 บาท

และในบทความพรีวิวนี้ต้องขอขอบคุณทาง Xtep ที่ส่งรองเท้าวิ่ง Xtep Ultra Fast 2.0 มาให้ทางเราทดสอบกันนะครับ และในส่วนของวิดีโอรีวิวผ่าเต็มๆ จะออกมากันอีกทีนะครับ
หวังว่าบทความนี้เป็นจะเป็นประโยชน์สำหรับนักวิ่งหรือผู้ที่สนใจในการวิ่งหลาย ๆ ท่าน ขอให้วิ่งให้สนุกครับ สามารถติดตาม Running Profiles ได้ทั้งใน